วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2551

อาชีพพริตตี้ต้องสวย ใส ไร้สมอง..จริงหรือ?


















โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2551



หลังจากที่ "Pretty Zone" ของเราได้นำเสนอเรื่องราวของสาวๆพริตตี้เกี่ยวกับรายได้ของพวกเธอกันไปแล้ว ทำให้หลายคนสงสัยและถกเถียงกันเป็นอย่างมากว่าเหตุใดพวกเธอถึงทำเงินกันได้ มากมายขนาดนี้ แล้วการทำงานนั้นมันสบายอย่างที่คิดจริงหรือไม่ แค่เดินสวย ยิ้มหวาน พูดจาเพราะๆ แล้วก็ได้เงินเป็นพันเป็นหมื่นมาใช้กัน

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าการทำงานแบบนี้มีหลายแบบให้เรียกไม่ว่าจะเป็น "Pretty" ที่เราคุ้นเคยกันหรือ "Presenter" ซึ่งการทำงานจะต่างกันเล็กน้อยแต่เหมือนกันตรงที่ต้องชูจุดเด่นของสินค้าออก มาให้ดีที่สุด เพื่อให้หายข้องใจเราจะมาคุยกับพวกเธอกันว่าอันที่จริงแล้วงานพริตตี้เบื่อ หน้าอาจจะดูสวยงามแต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเธอต้องฝ่าฟันอะไรหรือแข่งขันกัน อย่างไรบ้างกว่าที่จะมาทำงานตรงนี้กัน

**กว่าจะเป็นพริตตี้**

พริตตี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เข้ามาทำงานเพราะมีเพื่อนวักชวนกันมาทั้งนั้น นอกจากนี้ก็เป็นการไปสมัครด้วยตัวเองตามโมเดลลิ่งที่มีอยู่มากมาย อีกส่วนหนึ่งเป็นพวกที่บังเอิญไปเจอแมงมองหรือโมเดลลิ่งแล้วชวนให้มาเทสต์ งานก็ถือว่าฟลุ๊คได้งานกันไปทำระหว่างเรียน แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ"เพื่อนชวนเพื่อน"เพราะวิธีนี้ถือว่าเป็น การสแกนพริตตี้ไปในตัวด้วย เพราะคนที่ทำงานมาก่อนย่อมจะรู้ว่าเพื่อนคนไหนที่มีแววว่าจะรุ่งในหน้าที่ การงานแบบนี้ นิสัยเป็นอย่างไร จะเข้ากับคนอื่นได้ไหม ที่สำคัญการชวนเพื่อนเข้ามาทำถ้าตั้งใจทำงานก็จะช่วยกันรุ่งเพราะจะมีการส่ง รูปให้กับบริษัท

**สวยอย่างเดียว.....ไม่พอ**

ใครที่คิดว่าผู้หญิงที่มาทำงานพริตตี้หรือพรีเซ็นเตอร์นั้นขอแค่เพียงสวย รูปร่างดี อย่างเดียวก็หางานได้แล้วนั้น ขอบอกว่าคุณคิดผิด เพราะทุกวันนี้เจ้าของงานก่อนที่จะจ้างทำงานนั้นต้องมีการเทสต์กันหลายขั้น ตอนทีเดียว ยกตัวอย่างของค่ายรถหรูหระดับ 5 ดาว อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีการจัดทีม "Mercedes-Benz Presenter" เป็นประจำทุกปีในงาน Motor Show ซึ่งการคัดเลือกหรือระบบระเบียบในค่ายนี้ขอบอกว่าไม่ธรรมดาทีเดียว จากแหล่งข่าวภายในเปิดเผยกับเราว่าสาวๆที่จะมาเป็นหนึ่งในทีมนั้นจะต้องมี คุณสมบัติเข้าขั้นนางงามทีเดียว

"คนที่จะมาทำงานกับเราตรงนี้ต้องมีประวัติที่ดีไม่ด่างพร้อย ไม่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือพริตตี้ของค่ายอื่นใดมาก่อน นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาที่ชวนมองแล้วก็ต้องมีความอดทนเพราะเมื่อได้รับการ คัดเลือกจะต้องมีการเข้าคอร์สฝึกทางด้านภาษาและการออกเสียงต้องสามารถใช้ ภาษาทั้งไทยและอังกฤษได้อย่างถูกต้อง รวมถึงความเข้าใจในเรื่องรถยนต์ของบริษัท จริงๆการคัดเลือกนั้นเราไม่ต้องการคนที่สวยมากแต่เราเน้นบุคคลิกที่ดีเพราะ ผู้หญิงสวยได้ถ้ารู้จักแต่งตัว ที่สำคัญต้องมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานนี้ บางคนการศึกษาสูงๆระดับปริญญาโทก็ยังมาสมัครซึ่งเราคิดว่าการทำงานแบบนี้ควร มองในแง่บวกมากกว่าจะมองว่าสวยอย่างเดียว"

นอกจากคุณสมบัติมากมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คณะกรรมที่คัดเลือกของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นต้องการยกระดับการทำงานของพรี เซ็นเตอร์ให้เป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถสำคัญกว่าความสวย รวมทั้งต้องช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้ดูดีขึ้น

**ใครดี...ใครได้**

ไม่ว่าจะเป็นวงการไหนก็ต้องมีการแข่งขันกันทั้งสิ้น ไม่เว้นวงการนี้เพราะขึ้นว่าพริตตี้ แต่ละคนย่อมมีความสวยแตกต่างกันไป ความสามารถก็เช่นเดียวกัน ยิ่งทุกวันนี้พริตตี้หน้าใหม่เกิดกันทุกวันยิ่งกว่าดารานักร้อง เรียกได้ว่านับสิบคนที่มาเป็นคลื่นลูกใหม่พร้อมจะมากระแทกคลื่นลูกเก่าให้จม หายไป เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการแข่งขันกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าตา ความสามารถ เส้นสาย เรียกได้แข่งกันชนิดใครดีใครได้ไม่มีใครยอมกันทั้งนั้น อย่างงานที่ทำให้พวกเธอต้องทุ่มเทกันสุดก็มี Motor Show , Motor Expo เพราะเป็นงานแสดงรถยนต์ระดับประเทศที่ปีหนึ่งจะมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น สาวพริตตี้หลายคนถือว่าการได้มายืนงานแบบนี้ถือว่าเป็นจุดสูงสุดในชีวิตพริ ตตี้เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ก็ยังมีรายได้งามอีกเป็นหลักหมื่น (อย่างที่เราบอกไปในตอนที่แล้ว)

สำหรับการหางานของพริตตี้แต่ละคนนั้นถือว่าเทคนิคแตกต่างกันออกไป อย่าง "น้องอุ้ม เมริษา จงภู่" บอกกับเราว่า "การหางานของอุ้มส่วนมากจะเป็นการฝากเพื่อนเอารูปไปส่งค่ะ แต่ก็มีบางทีเจอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนะพี่แบบว่าเอาแต่รูปตัวเองไปส่งแล้ว ไม่เอารูปเพื่อนไปส่งอันนี้บางทีเกิดจากการหมั่นไส้กันด้วย แต่ถ้าเราอยู่มานานก็จะรู้วิธีหางานที่สำคัญต้องตรงต่อเวลาทำตัวดีๆแล้วเจ้า ของงานเขาจะเมตตาจ้างเราเรื่อยๆค่ะ"

ส่วนน้องเก๋ที่ถือว่าเป็นพริตตี้มือใหม่นั้น เธอบอกกับเราว่าตอนนี้งานยังไม่เยอะเพราะบางทีก็โดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งหรือ ไม่ก็เส้นสายยังไม่เยอะพอ เลยยังไม่มีคนแนะนำเท่าไหร่ "ก่อนหน้านี้เคยอยู่กับโมเดลลิ่งนะคะแล้วทีนี้โดนหักค่าตัวเยอะน่ะพี่ เราก็ไม่ไหวต้องออกมาหาเงินเองแต่ก็ลำบากเพราะบางทีเราไม่มีเส้นสายหรือไม่ ก็ถูกโมฯแย่งงานให้เด็กเขาเอง แค่ถ้ารักจะอยู่ในวงการต่อไปก็ต้องสู้"

**Miss Presenter ยกระดับปรับมาตราฐานพริตตี้**

ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมานั้นนอกจากรถยนต์หลากกรุ่นที่นำมาโชว์และให้ช็อปกันสนั่นแล้วยังมี การประกวดอีก 2 เวทีใหญ่ก็คือ "Miss Motorshow 2007" ถือว่าเป็นเวทีที่สร้างชื่อเสียงให้กับผู้ที่ได้รับตำแหน่งมาก ไม่แพ้เวที “ Miss Presenter Contest 2007” ดังนั้นคณะกรรมการการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์จึงได้จัดการประกวด ขึ้นมาเพื่อเป็นการให้บรรดาพรีเซ็นเตอร์และพริตตี้ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยแต่ มากด้วยความสามารถเป็นที่รู้จักกัน

“น้องแยม” พรธิดา สุริยะโชติ เจ้าของตำแหน่ง Miss Presenter Contest 2007 คนล่าสุด ตอนนี้เธอมีอายุ 21 ปี เพิ่งเป็นบัญฑิตหมาดๆจาก คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เปิดเผยความในใจให้เราฟังว่า ตอนแรก ๆ ที่มาประกวดเธอเตรียมตัวมาอย่างดีเหมือนกับเพื่อน ๆทุกคน โดยจุดเด่นที่ทำให้แยมชนะในการประกวดครั้งนี้ คงเป็นบุคลิกภาพและสไตล์การพูดที่เป็นธรรมชาติ

เมื่อถามถึงประสบการณ์ที่ได้จากการเป็นพริตตี้นั้นน้องแยมบอกว่า “เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและเป็นความภูมิใจ ที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ด้วย นอกจากนี้แยมก็ยังได้ประสบการณ์ในด้านของนำเสนอและความกล้าแสดงออกค่ะ การเป็นพริตตี้นั้นไม่ได้ใช้แค่ความสวย ถ้ามาดูกันจริงๆแล้วพริตตี้สมัยนี้ก็จบปริญญากันทั้งนั้น”

**มาเร็ว-ไปเร็ว**




นอกจากการแข่งขันกับเพื่อนๆน้องๆในวงการแล้ว พริตตี้ทั้งหลายยังต้องแข่งขันกับตัวเองในการทำอาชีพนี้ให้นานที่สุดและ เพราะงานแบบนี้ถือว่าอายุงานสั้นมาก อยู่ที่ประมาณ 3-5 ปีแล้วแต่หน้าตาและความสามารถ ถ้าใครไม่คิดทำอาชีพเสริมแบบนี้จริงจังก็ไม่กังวลเท่าไหร่ แต่กับสาวบางคนที่ต้องทำเพื่อค่าค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายทางบ้านนั้นพวก เธอต้องอยู่ให้นานที่สุด แถมยังต้องมารับมือกับพวกผู้ชายที่คอยแทะโลมด้วยสายตาและคำพูดอีก

เห็นไหมว่าการเป็นพริตตี้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นมันต่างกันมากมาย ทาง "Pretty Zone" จึงนำมาเล่าผ่านตัวหนังสือให้คุณผู้อ่านได้พิจารณากันเอาเองว่างานแบบนี้ ต้องสวย ใส ไร้สมอง...จริงหรือ(ไม่)?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้