ผลจากการสำรวจเกษตรกรและผู้สนใจ ที่สนใจในอาชีพเกษตรกรรมทั่วประเทศ พบว่างานเกษตรกรรมที่ทำง่าย ๆ และ สร้างรายได้เร็วนั้นมักจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลว่ามีการลงทุนน้อย, ใช้พื้นที่ไม่มาก, สามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้, มีการใช้สารเคมีน้อยและที่สำคัญ ได้เงินเร็ว จากการนำข้อมูลอาชีพเกษตร กรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจและนำมาเผยแพร่ผ่านทางหน้าเกษตรเดลินิวส์ หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมานั้น มีหลายอาชีพได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ
คุณสมบูรณ์ วงศา เกษตรกร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกมะขามหวานและมะม่วงมาเริ่มต้นด้วยการปลูกพริกไทยสดเพียง 30 หลัก ผลผลิตดกและขายได้ราคาดีและไม่พบปัญหาทางด้านการตลาด ปัจจุบันมีรายได้จากการเก็บผลผลิตพริกไทยสดที่ปลูกจำนวน 105 หลักที่มีอายุต้นเฉลี่ย 8 ปีเป็นเงินประมาณ 200,000 บาทต่อปี สร้างรายได้สูงกว่าไม้ผลที่เคยปลูก มาทุกชนิดและใช้พื้นที่ปลูกไม่มากนัก พริกไทยสดเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตเร็วปลูกไปเพียง 14 เดือน จะเริ่มให้ผลผลิตขายได้บ้างและให้ผลผลิตเต็มที่เมื่อต้นมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป คุณสมบูรณ์บอกว่าราคาพริกไทยสดจะแพงมากในช่วงปีใหม่ไปจนตลอดฤดูแล้งและมีราคาถูกที่สุด ในช่วงฤดูฝนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 ราคาขายพริกไทยสดจากสวนได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 150 บาท ในขณะ ที่เดือนสิงหาคม 2551 ราคาต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัม ละ 50 บาท
คุณกุหลาบ ทรายแก้ว เกษตรกร จ.กำแพงเพชร ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกตะไคร้หยวก ซึ่งมีลำต้น อวบอ้วน กลิ่นฉุนเล็กน้อยโดยปลูกแซม ในสวนฝรั่งแป้นสีทอง ทำ รายได้เสริมให้แก่ครอบครัวได้เป็นอย่างดีและยังได้บอกถึงเทคนิคในการปลูกตะไคร้ที่เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปัก ต้นตะไคร้ลงตรง ๆ บริเวณกลางหลุมปลูก ธรรมชาติของต้นตะไคร้จะมีการแตกกอจากตรงกลางหลุม แล้วขยายกอออกไปหาขอบหลุม เมื่อต้นตะไคร้แก่จะอยู่บริเวณกลางกอ จะทำให้เราเก็บเกี่ยวตะไคร้ได้ยาก เพราะใบตะไคร้จะบาดมือและแขนคนเก็บ วิธีปลูกที่ถูกต้องควรจะปักต้นตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ปักให้รอบเป็นวงกลมบริเวณขอบหลุมโดยปลูกหลุมละ 4-6 ต้น คุณกุหลาบบอกว่าราคาขายตะไคร้ จะยืนพื้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท และ ขายได้ราคากิโลกรัมละ 8-10 บาท ในช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม-เมษายน และ ช่วงเทศกาลต่าง ๆ
การปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ นับเป็นอาชีพยอดฮิตในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เนื้อที่น้อย, ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถใช้แรงงานในครัวเรือน ได้ คุณพิชัย ลัยนันทน์ เกษตรกร จ.สุโขทัยมีประสบการณ์ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์มานานถึง 8 ปี ถือเป็นเกษตรกรรายหนึ่งที่เป็นต้นตำรับในการปลูกมะนาวรูปแบบนี้ หลักการสำคัญของการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์คือดินผสมที่ใช้ปลูกจะใช้หน้าดิน 3 ส่วน, ขี้วัวเก่า 1 ส่วนและเปลือกถั่วเขียว 2 ส่วนผสมให้เข้ากัน (เปลือกถั่วเขียวจะช่วยให้ดินที่ปลูกมีการระบายน้ำที่ดี) ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้เหมือนกับที่ลงปลูกในดิน โดยใช้หลักการ ในช่วงฝนทิ้งช่วง ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยในช่วงทั้ง 2 เดือนนี้ จะต้องงดการให้น้ำอย่างเด็ดขาด เมื่อฝนทิ้งช่วงนานประมาณ 10-15 วัน ฉีดกระตุ้นให้ออกดอกจะได้ผลผลิตมะนาวหน้าแล้ง ออกจำหน่ายได้ในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ซึ่งมีราคาแพงที่สุด
“การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม แบบคอนโด” เป็นงานทดลอง และมีสถานีประมงน้ำจืดชัยนาทเป็นผู้ริเริ่มในช่วงที่คุณสนธิพันธ์ ผาสุขดี เป็นหัวหน้าสถานีฯ เมื่อปี พ.ศ. 2544 จากแนวคิดที่ว่ากุ้งก้ามกรามที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติมักจะชอบอาศัยอยู่ตามซอกหินที่ใช้พื้นที่ไม่มากนักและกุ้งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง จึงมีการตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะนำกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงในขวดพลาสติกได้ เพียงแต่ยึดหลักว่าเลี้ยงใน ระบบปิด น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ระบบการกรองและการ หมุนเวียนน้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพ จากการที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติกขนาดบรรุจุ 5 ลิตร พบปัญหากุ้งตายเกิดจากพื้นที่แคบเกินไปทำให้กุ้งลอกคราบไม่ได้ เปลี่ยนมาใช้ตู้กระจกขนาดบรรจุ 16-17 ลิตร พบว่าปัญหาเรื่องกุ้งตายหมดไป แต่ถ้าเกษตรกรคิดจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ควรจะเลี้ยงในตะกร้าพลาสติก, เลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชังเลี้ยงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและการจัดการเรื่องระบบการหมุนเวียนน้ำ การเลี้ยงกุ้งแบบคอนโดจะได้กุ้งที่มีขนาดน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 600-700 บาท
“การเลี้ยงปลาไหลนาในยางรถจักรยานยนต์เก่า” เป็นความพยายามที่จะหาวิธีการเลี้ยงปลาไหลนาด้วยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติและเป็นการนำเอาวัสดุเหลือใช้มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าปลาไหลทนทานในน้ำที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดีและไม่ชอบสภาพน้ำลึก ปัจจุบันประชากรปลาไหล นาที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเกือบทั้งหมดจับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ความต้องการในการบริโภคปลาไหลนาของคนไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปลาไหลนาจัดเป็นปลาที่มีปริมาณไขมันต่ำที่สุดชนิดหนึ่ง
คุณวิโรจน์ เทียนขาว เกษตรกรจาก จ.นครสวรรค์ มีอาชีพปลูกกระชายมานานกว่า 20 ปี และรูปแบบในการปลูกกระชายของคุณวิโรจน์น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของการทำการเกษตรแบบพอเพียง เนื่องจากปลูกแซมในสวนผลไม้ จากที่กระชายทำรายได้รองเปลี่ยนมาเป็นรายได้หลักในปัจจุบัน และได้ฝากถึงเกษตรกรที่จะปลูกกระชายแซมในสวนผลไม้แนะนำว่าไม่ควรปลูกแซมในสวนมะยงชิดและสวนมะขามหวาน เนื่องจากต้นกระชายจะยุบตายก่อนที่จะลงหัว แต่ถ้าปลูกในร่มเงาของไม้ผลอื่น ๆ เช่น ขนุน มะม่วง กล้วยหรือสะเดา การเจริญเติบโต และการลงหัวของกระชายจะดีมาก
มีการคาดการณ์กันว่าในปีหน้า (พ.ศ.2552) สภาพเศรษฐกิจ ของทั่วโลกจะชะลอตัวลงซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยมีผลทำให้มีการเลิกจ้างแรงงานเป็นจำนวน มาก ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกจนเกินเหตุ และหมดกำลังใจ เนื่องจากยังมีอาชีพเกษตรกรรมอีกมากมายที่ทำได้ง่าย ๆ และพอเลี้ยงชีพได้ ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นโดยใช้ชีวิตอย่างพอเพียงดังคำขวัญของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร บิดาแห่งวงการเกษตรแผนใหม่ที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” หน้าเกษตรเดลินิวส์ขอเป็นกำลังใจให้กับเกษตรกรไทยทุกคนได้ต่อสู้กันต่อไปและใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น