วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สารพัด ‘ของทอด’ ทำก็ง่าย-ขายก็คล่อง

สารพัด ‘ของทอด’ ทำก็ง่าย-ขายก็คล่อง

อาหารทานเล่นจำพวก “ของทอด” ส่วนใหญ่แล้วการทำไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ขายได้ ยิ่งช่วงเทศกาลถือศีลกินเจด้วยแล้ว บางร้าน “ทอดขายกันแทบไม่ทัน” ซึ่งมีอะไรที่น่าสนใจในเชิงอาชีพกับความง่ายของการทำอาหารจำพวกนี้ขาย? วันนี้ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” มีสูตร-ข้อมูลมานำเสนอ

ทิพย์ สุขดี หรือ ป้าทิพย์ อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของร้าน เต้าหู้ทอด สามย่าน ซึ่งทอดขายมานาน 30 ปีแล้ว โดยเจ้าตัวเล่าว่า เริ่มต้นอาชีพนี้ด้วยการช่วยน้องสามีขายที่ย่านศาลาแดง ต่อมาเขาเลิกขาย ก็เลยขายเอง แต่ทำเลที่เดิมค่าเช่าแพงขึ้น ลูกชายจึงหาที่ใหม่ให้เมื่อปี 2542 ก็ทอดขายมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันก็ 8 ปีมาแล้ว

สูตรทุกอย่างป้าทิพย์บอกว่า อาศัยจากประสบการณ์ที่ได้ช่วงที่ช่วยน้องสามีอยู่ และเมื่อมาเปิดร้านของตนเอง ก็ดัดแปลงจนเป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง จนมีลูกค้าประจำติดใจในรสชาติจนถึงทุกวันนี้

นอกจากที่ร้านนี้จะขายเต้าหู้ทอดเป็นตัวชูโรงแล้ว ก็ยังมี เผือกทอด, หัวไชเท้าทอด, ข้าวโพดทอด, เปาะเปี๊ยะทอด ขายด้วย เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า เพื่อไม่ให้สินค้าซ้ำซากจำเจ

กับขั้นตอนการทำ เริ่มที่ “เต้าหู้ทอด” ก็ไม่ยาก แค่ไปสั่งซื้อเต้าหู้จากตลาด ซึ่งเต้าหู้ที่ใช้ประจำนั้นจะเป็น “เต้าหู้เหลือง” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “เต้าหู้กระดาน” ราคากระดานละ 90 บาท แต่ละวันจะใช้ประมาณ 4-5 กระดาน นำมาตัดเป็นชิ้น ๆ ขนาดยาวประมาณ 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว เตรียมไว้

สำหรับของทอดชนิดอื่น ๆ ป้าทิพย์บอกว่า ถ้าเป็นเผือก และข้าวโพด ใช้ประมาณวันละ 7 กิโลกรัม ส่วนหัวไชเท้า ใช้วันละ 5 กิโลกรัม ขณะที่เปาะเปี๊ยะนั้นไม่ได้ทำเอง ซื้อแบบทำสำเร็จรูปที่พร้อมทอดขายได้เลยมาใช้

ขั้นตอนการทำ ถ้าเป็นเผือกก็ปอกเปลือกให้เรียบร้อย ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นบั้งเผือกตามแนวขวางรอบ ๆ โดยเผือก 1 หัว บั้งประมาณ 8-9 วง แล้วก็จะใช้ที่ขูดทำการขูดเผือกเป็นเส้น ๆ หากเป็นหัวไชเท้าก็ใช้ที่ไส (คล้ายที่ไสน้ำแข็ง) ไสไปเรื่อย ๆ จนหมดหัว ขณะที่ข้าวโพดดิบนั้นก็ให้ฝานตามฝัก

เต้าหู้ แค่ตัดเป็นชิ้นก็เตรียมทอดได้ ส่วนเผือก หัวไชเท้า และข้าวโพด ต้องผสมแป้ง เกลือ และน้ำด้วย

ขั้นตอนผสมแป้งนั้น ถ้าผสมครั้งละ 1 กะละมังย่อม ๆ ผสมแป้งหมี่ 1 กิโลกรัม ผงฟู (เพื่อให้กรอบ) 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือ (เพิ่มรสเค็ม) อีก 1 ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากัน ระหว่างที่คลุกนั้นให้ผสมน้ำลงไปด้วย ในปริมาณที่พอดี ๆ อย่าให้เละเกินไป และไม่ข้นจนเกินไป

สำหรับการทอด ตั้งน้ำมันพืชค่อนกระทะ เมื่อน้ำมันร้อนก็ค่อย ๆ หย่อนของที่จะทอดลงไป (เต้าหู้ใส่ลงไปได้เลย ส่วนของอื่น ๆ แบ่งชิ้นด้วยการตักทีละ 1 ช้อนโต๊ะ)

เมื่อ ใส่ของที่จะทอดลงกระทะแล้ว รีบเร่งไฟให้แรงขึ้นทันที เพื่อที่ของทอดนั้น ๆ จะไม่อมน้ำมัน ใช้เวลาทอดประมาณ 10 นาที ของทอดก็จะเหลือง กรอบ ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ก็นำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน รอขาย

ของทอดที่ร้านป้าทิพย์ทุกอย่าง จะขายในราคา 8 ชิ้น 20 บาท

“ของ ทอดจะอร่อยไม่ได้ ถ้าขาดน้ำจิ้มที่อร่อยด้วย” ป้าทิพย์บอก ดังนั้น สูตรเด็ดจริง ๆ ของร้านป้าทิพย์ที่ไม่เหมือนใครก็คือ “น้ำจิ้ม” นั่นเอง

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้ม แยกทำเป็น 2 ส่วนหลัก ส่วนแรกคือ นำพริกขี้หนูแดงสดมาปั่นให้ละเอียด เมื่อปั่นเสร็จแล้วให้ใส่เกลือลงไปด้วยเล็กน้อย แล้วใส่ถุงแช่เย็นเอาไว้ แล้วค่อย ๆ ทยอยเอาออกมาทำน้ำจิ้มขาย ซึ่งในแต่ละวันป้าทิพย์จะใช้พริกขี้หนูแดงประมาณ 1 กิโลกรัม

ส่วนที่สองคือ การทำน้ำเหนียว ซึ่งเหมือนกับการทำน้ำเชื่อม โดยเคี่ยวน้ำตาลทรายในสัดส่วน 15 กิโลกรัม ต่อน้ำเปล่า 2 ขัน จากนั้นเคี่ยวให้เหนียว พอใช้ได้แล้วก็ใส่บ๊วยลงไปประมาณ 1 ถุง (ถุงละ 60 บาท)

น้ำจิ้ม 1 ถุงสำหรับขายของทอด 1 ชุด จะประกอบด้วยน้ำเหนียวประมาณ 1 กระบวยครึ่ง พริกปั่น 1 ช้อนชา ถั่วบด เกลือเล็กน้อย และโรยหน้าด้วยผักชี

“ของที่ใช้จะต้องสด ๆ ใหม่ ๆ คือทำไปขายไป ไม่ขายของค้างคืน” คืออีกหนึ่งเคล็ดลับของป้าทิพย์

ใคร สนใจที่จะไปลิ้มลองรสชาติสารพัด “ของทอด” สูตรป้าทิพย์ ร้านนี้อยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ หน้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น บริเวณแยกสามย่าน ฝั่งถนนพระราม 1 ขายตั้งแต่เวลา 07.00 - 17.00 น.

และนี่ก็คือ “ช่องทางทำกิน” อีกช่องทางหนึ่ง ที่ถึงแม้จะเป็นแค่ “ของทอด” ที่อาจจะดูเป็นสินค้าพื้น ๆ แต่ถ้าฝึกทำจนคล่องแคล่ว ทอดออกมาได้อร่อยอย่างป้าทิพย์คนนี้ ก็สามารถสร้างรายได้ไม่เลวเลยทีเดียว!

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล-โสภนา กิตติรัตน์ชัชวาล


ขอขอบคุณข้อมูล จาก
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


1 ความคิดเห็น:

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้