วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

นักแต่งเพลง

นักแต่งเพลง
ร้อยเรื่องราว ผ่านท่วงทำนอง
สาว ผู้รักการขีดๆ เขียนๆ และหลงใหลในเสียงเพลงน่าจะเคยฝันถึงอาชีพนักแต่งเพลงกันบ้าง งานนี้จะว่าใช้พรสวรรค์อย่างเดียวก็ไม่เชิง เพราะพรแสวงก็สำคัญใช่ย่อย อย่างเช่นสาวนักแต่งเพลงเลือดใหม่ไฟแรงคนนี้ ที่ถ้าบอกชื่อว่า เอิ้น-พิยะดา หลายคนอาจจะไม่คุ้น แต่ถ้าบอกชื่อเพลงที่เธอแต่งละก็ แทบทุกคนต้องร้องอ๋อ ตั้งแต่เพลง ‘เพื่อนรัก’ ของเอิน-กัลยากร, ‘เจ็บซ้ำซ้ำ’ ของแอน-ธิติมา, ‘รักเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ’ ของลูกปัด, ‘คำถาม’ และ ‘อยากมีสิทธิ์ใช้คำว่ารัก’ ของท๊อฟฟี่ ล่าสุดที่ยังฮิตติดชาร์ตไม่เลิก คือ ‘ฤดูรัก’ เพลงประกอบหนัง Season Change

ใครจะเชื่อว่าสาวผู้แต่งเพลงฮิตเหล่านี้ที่จริงมีงานหลักเป็นหมอ WP จึงควานหาตัวเธอมาเล่าถึงงานแต่งเพลงที่เธอรักเสียหน่อย

เอิ้น-พ.ญ.พิยะดา หาชัยภูมิ
นักแต่งเพลงอิสระ, แพทย์สาขาจิตเวช รพ.รามาธิบดี


WP : จากแพทย์มาเป็นนักแต่งเพลงได้ยังไงคะ
หมอเอิ้น : เป็น มาคู่กันเลยค่ะ ที่จริงเด็กจาก จ.เลยแบบเอิ้น เป้าหมายส่วนใหญ่คือเข้า ม.ขอนแก่นให้ได้ แต่ด้วยความที่เราอยากเป็นนักแต่งเพลง และอยากเรียกหมอโดยเอารายได้ทางนี้มาช่วย ตอนเอนทรานซ์ก็เลยเลือกมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ หมดเลย เพื่อการนี้โดยเฉพาะ


WP : แสดงว่าเริ่มแต่งเพลงมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอ
หมอเอิ้น : ตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นประถมฯ เลยค่ะ (เราฟังแล้วอ้าปากค้างไปเลย) คือพอฟังเพลงได้เขียนหนังสือได้ก็เริ่มแล้ว คงเพราะเป็นคนที่ชอบฟังเพลง แล้วก็ชอบร้องเพลงเล่นๆ แต่ความจำไม่ดี (หัวเราะ) ชอบจำทำนองได้โดยที่จำเนื้อเพลงไม่ได้ ก็เลยร้องมั่วเอง เผอิญว่ามันเกิดฟังรู้เรื่องไง พอถึงวันสำคัญที่บ้าน มีงานก็ขี้เกียจซื้อของขวัญเลยเขียนเพลงให้เขา การเขียนเพลงก็เลยเหมือนกลายเป็นงานอดิเรกเรา เป็นนิสัยเรา เข้าห้องน้ำก็ร้องเพลง อยากจะเขียนไดอารี่ก็เขียนเพลงแทน


WP : ได้ยินว่าแต่งเพลงโดยไม่ใช้เครื่องดนตรีอะไรเลย
หมอเอิ้น : ที แรกเอิ้นเข้าใจว่าทุกคนเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่านี่เป็นความสามารถพิเศษ เรื่องอย่างนี้มันอยู่ที่ว่าเราจะสนใจทำหรือเปล่าเท่านั้น เวลาที่เอิ้นเขียนเพลงมันจะมาพร้อมกันทั้งเนื้อหาและทำนอง เหมือนดังอยู่ในหัวของเรา เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บางทีมันจะมาตอนไหนก็ไม่รู้หรอก เลยต้องมีสมุดปากกาไว้คอยจดตลอด เอิ้นจะเขียนลงสมุดไว้เป็นเล่มๆ เลยค่ะ จะพรีเซ้นต์ก็ถามเขาว่าจะฟังเพลงไหนคะ จะร้องให้ฟัง (หัวเราะ)


WP : เพลงไหนแต่งเสร็จเร็วที่สุดคะ
หมอเอิ้น : เพลง ‘คำถาม’ ใช้เวลาแค่ 10 นาทีเองมั้ง (เรา อ้าปากค้างอีกรอบ) ตอนนั้นอยากเขียนเพลงที่บอกความหมายของคำว่ารักแต่ไม่ได้เขียนสักที จนวันหนึ่งได้ดูละคร ตามเรื่องมีเพื่อนมาถามนางเอกว่าความรักของแกคืออะไร แล้วนางเอกเขาก็ตอบ แต่เป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับความหมายที่เอิ้นคิดเอาไว้เลย พอละครจบปุ๊บ ปิดทีวี เขียนได้เลย...คำถาม...ที่ใครต่างค้นหา...คือเอามาจากละครน่ะค่ะ แล้วมันก็ไหลไปเองโดยธรรมชาติ จนถึงท่อนฮุกที่ว่า...ความรักฉันหน้าตาเหมือนเธอ...ก็ดันมีหน้าของผู้ชายคน ที่เราคบด้วยในตอนนั้นโผล่ขึ้นมา ก็เลยเฮ้อ! หน้าตาเหมือนมันก็ได้ (หัวเราะ)


WP : แล้วเพลงไหนแต่งยากที่สุด
หมอเอิ้น : ชื่อเพลง ‘รักตัวเองมากไป’ ของลูกปัด อัลบั้มช็อกโกแลตเพลงนี้เขียนยากค่ะ เอิ้นว่าเพลงรักๆ ประเภทมองโลกสดใส เป็นนางเอกเนี่ยเขียนง่ายเลย คงเป็นเพราะคนเราชอบให้คนชม ชอบให้พูดถึงเรื่องดีๆ ถ้าใครพูดถึงข้อเสียของเราจะหงุดหงิด ไม่ชอบแล้ว แต่เพลง ‘รักตัวเองมากไป’ นี่มาจากการที่เอิ้นคิดว่าคนเราชอบคิดถึงแต่ตัวเอง แต่เราไม่ค่อยยอมรับความจริงกัน ก็เลยคิดว่าอยากเขียนเพลงๆ นี้ให้คนที่บางทีรักตัวเองมากเกินไปจนคนอื่นไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว เพลงนี้อาจจะสะกิดใจคุณได้ แล้วทำให้คุณหันมามองคนที่เขาดีกับคุณมาตลอด มันยากที่เราจะจี้ใจดำคนอื่นและให้ฟังแล้วยอมรับว่า เออ...เราเป็นคนอย่างนั้นจริงด้วย ไม่ใช่ฟังแล้วต่อต้าน ตามไปตบเลยไอ้คนเขียนเพลงนี้ (ฮาครืน)


WP : รู้สึกอย่างไรที่เพลงที่เราแต่งดังแทบทุกเพลง
หมอเอิ้น : รู้สึก ว่าดวงดีจริงๆ เลย (หัวเราะ) ตอนแรกแค่ได้ยินเพลงเรา รู้ว่าเพลงเรามีคนเอาไปใช้ก็ดีใจแล้ว ความดีใจของเอิ้นมันเหมือนหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วไง ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกันที่เราได้ไปเรียนรู้กับกลุ่มเขียนเพลงต่างๆ เพื่อจะได้หัดเขียนหลายๆ สไตล์ แต่มาคิดแล้วเอิ้นว่าเราคงไม่ใช่แน่ๆ เอิ้นเป็นคนเขียนเพลงตามความรู้สึก เขียนตามที่ตัวเองคิด เขียนในภาษาที่พี่แอน (ธิติมา ปทุมทิพย์) บอกว่าแกนี่เขียนเพลงภาษาเอิ้นๆ อีกแล้วนะ คือเสี่ยว-เลี่ยน-ลาว (หัวเราะ)

ถ้าครบสามอย่างก็คือภาษาเอิ้นๆ ตอนเขียนเพลงก็ไม่ตั้งใจให้ใครชอบหรอก แค่เรารู้สึกแบบนี้ อย่าง เพลง ‘ฤดูรัก’ ก็ดูหนังแล้วมาคิดว่าถ้าฉันเป็นนางเอกนะ (หัวเราะ) จะสังเกตว่าเขาจะมีโค้ดว่าฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน เปลี่ยนฤดูไปเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เอิ้นคิดว่าไม่เปลี่ยนเลยทั้งเรื่องคือมีความรักทุกซีน ก็เลยตั้งฤดูขึ้นใหม่เป็นฤดูรัก ซึ่งเป็นความรู้สึกหลังจากที่ได้ชม และอยากให้คนฟังแล้วประทับใจเช่นเดียวกับเรา


WP : คิดว่าเพลงของเราเป็นการบำบัดในแง่จิตวิทยาไหมคะ
หมอเอิ้น : คิดอย่างนี้เลยค่ะถึงมาเรียน ตอนที่เอิ้นไปขอทุนก็บอกอาจารย์เลยว่าอยากทำ Music Therapy เพราะเอิ้นเชื่อว่าดนตรีมันช่วยได้จริงๆ อย่างวันที่เราท้อแท้ ไม่มีกำลังใจ เอิ้นจะฟังเพลงฤดูที่แตกต่างนะ ทุกครั้งที่ฟังเพลงนี้จะรู้สึกได้เลยว่าเดี๋ยวความทุกข์ก็จะผ่านไป ฟังแล้วเราจะมีกำลังใจ เพลงแค่ 3 นาทีเองนะ มันกลับช่วยเราได้มากถึงขนาดนี้ มันก็คงดีถ้าหากว่าเราสามารถเขียนเพลงให้คนฟังแล้วมีกำลังใจได้อย่างนี้บ้าง

สำหรับตัวเองการได้ระบายด้วยการเขียนเพลงก็ช่วยให้เราสุขภาพจิตดี ขึ้นค่ะ เหมือนเราได้ค้นพบวิธีการบำบัดของตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นการที่เป็นจิตแพทย์ เอิ้นมองว่าเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน การเป็นจิตแพทย์ต้องเข้าใจคนมากๆ และทำให้เขาเข้าใจปัญหาของเขาได้ง่ายๆ ซึ่งตรงนี้ยังได้เรื่องมาเขียนเพลงด้วย (หัวเราะ)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร Woman Plus

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้