โดยหลักการแล้วมันก็ใช่อยู่หรอกที่คนเราจะต้อง “คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก” “ต้องฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนเรามีภูมิต้านทานต่างกัน ถ้าเราคิดใหญ่เกินไป หรือฝันเสียไกลเกินเอื้อม ระดับความเครียดมันก็จะมีมาก ความเครียดนั้นเกิดจากระยะห่างระหว่างสิ่งที่เราอยากจะเป็น กับสิ่งที่เราเป็นอยู่ ยิ่งห่างมากก็ยิ่งเครียดมาก หลายคนทนความกดดันนี้ไม่ได้ ก็เลยพาลถอดใจเลิกล้มความตั้งใจไปเลย หันไปร้องเพลงของน้าแอ๊ด คาราบาวที่ว่า “สบายกว่ากันเยอะเลย อยู่เฉยๆ ดีกว่า..”
ผมคิดว่าคนเราควรจะตั้งเป้าหมายชีวิตให้มันสอดคล้องกับความเครียดของเราจะดีกว่า ถ้าเราเป็นคนประเภท “แกร่งทั่งแผ่น แน่นทั่วฐาน กร้านทั่วตัว” แล้วละก็ อยากจะเล็งพระอาทิตย์ไปเลยก็คงจะได้ แต่ถ้าเราใจคอไม่ได้หนักแน่นเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กอะไรปานนั้น ก็เล็งแค่พระจันทร์ หรือไม่ก็ดาวดวงเล็กๆ ไปก่อน หรือจะเอาแค่ดาวตก อุกกาบาต ผีพุ่งใต้ อะไรไปก่อนก็ยังได้ เอาไว้หล่อหลอมตัวเองจนเข้มแข็ง มีภูมิต้านทานมากขึ้น ก็ค่อยขยับขยายเป้าหมายให้มันใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ อีกได้
2. กินทีละคำ..ทำทีละอย่าง
แม้จะตั้งเป้าหมายใหญ่เล็กอย่างไรก็ตาม ก็ต้องวางแผนงานว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ไม่อย่างนั้นก็จะมีความรู้สึกว่ามีเรื่องที่ต้องทำตั้งร้อยแปดอย่าง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน เผลอๆ มองดูเนื้องานที่ต้องทำทั้งหมดแล้วเลยพาลมืออ่อนตีนอ่อนขึ้นมาเสียเฉยๆ เอาอย่างนี้ซีครับ ลองสมมติว่าเรามีภารกิจที่จะต้องกินช้างทั้งตัวให้หมด ถ้าเรามองดูช้างแล้วก็อาจรู้สึกท้อใจว่าจะล่อมันเข้าได้อย่างไรหมดทั้งตัว แต่ถ้าเราค่อยๆ ตั้งสติ เริ่มกินช้างทีละนิดทีละหน่อย จะเริ่มกินตรงไหนของมันก่อนก็ได้ อาจจะเริ่มแทะหางชี้..เอ้ย..หางช้าง จากนั้นก็ไปเล็มใบหู เสร็จแล้วก็จัดการกับงวง ถัดไปก็ขาหน้าข้างซ้าย แล้วก็ย้ายไปขาหน้าข้างขวา จากนั้นเราอาจจะหยุดไปนอนเอาแรงเสียนิดๆ หน่อยๆ ก่อนกลับมาจัดการขาหลังทีละขา ถัดมาก็งับหัวมัน ทีนี้ก็เหลือแต่ลำตัวแล้ว จะแทะจะเล็มตรงไหนก่อนของลำตัวก็ว่าไปตามอัธยาศรัย ไม่ช้าไม่นาน เราก็จะสามารถกินช้างหมดทั้งตัวได้ในที่สุด
ในการทำงานนั้น ของเพียงลงมือทำอะไรสักอย่างทุกวัน ก็ถือเป็นการทำสิ่งที่บรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ได้เสมอ
3. ความสุขจากการวิ่งไล่จับ..สุขกว่าการจับได้แล้ว
บางครั้งการเอาเป็นเอาตายกับการจะไปถึงเป้าหมายให้ได้ ก็ทำให้เราสูญเสียความสุขจากการเดินทางไปเสียหมด จริงๆ แล้วความสุขนั้นอยู่ตรงโน้น อยู่ตรงนี้เต็มไปหมด มีอยู่ตลอดรายทางที่เรากำลังเดินไป การไม่รู้จักเก็บเกี่ยวความสุขตามรายทาง บางครั้งก็ทำให้เราหมดแรงเสียก่อนจะไปถึงเป้าหมาย หรือมิฉะนั้นพอไปถึงเป้าหมายได้ เราก็อาจรู้สึกว่าความสุขที่ได้มันเว้าๆ แหว่งๆ อย่างไรพิกล มันไม่ค่อยอิ่มเอม มันเหมือนต้อง สูญเสียอะไรไปเยอะมากกว่าจะมาถึงเป้าหมายได้ เพราะฉะนั้น อย่ารอให้ไปถึงยอดเขาแล้วจึงจะยอมมีความสุข เพราะขณะที่เราเดินทางไต่เขาอยู่นั้น เราก็มีความสุขได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
4. ให้รางวัลตนเองเป็นระยะๆ
อย่าเป็นคนที่เสียเงินซื้ออะไรง่ายๆ โดยไม่มีความหมาย สิ่งที่เราต้องซื้ออยู่แล้วในชีวิตประจำวันนั่นน่ะ เช่น โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ เสื้อผ้าชุดใหม่ เปลี่ยนรถใหม่ เดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน ฯลฯ เราสามารถใช้มันเป็นรางวัลเพื่อกระตุ้นจิตใจเราได้ อย่าซื้อรถใหม่ ถ้าเราไม่รู้ว่าเพื่อให้รางวัลตัวเองในเรื่องอะไร ในการทำผลงานอะไรให้บรรลุความสำเร็จ จงแยกแยะรางวัลใหญ่เล็กให้สอดคล้องกับกิจกรรมน้อยใหญ่ที่เราทำสำเร็จ การทำเช่นนี้นอกจากจะทำให้เรามีขวัญกำลังใจดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาแล้ว ยังช่วยให้เราซื้อหาอะไรได้สมเหตุสมผลขึ้นอีกด้วย
5. ผ่อนคันเร่งได้..แต่อย่าเหยียบเบรค
คนเรามันก็ต้องมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้างเป็นธรรมดา เราก็ต้องรู้จักผ่อนหนัก ผ่อนเบา ยืดหยุ่นความเร็ว ความช้า เหนื่อยนักก็ช้าลงหน่อย แต่อย่าหยุด แตะเบรคได้ แต่อย่าเหยียบเบรคซะมิดจนหยุดกึก พอหายเหนื่อย ได้น้ำได้ท่า ก็เดินหน้าลุยต่อไป
6. อิจฉาได้..แต่อย่าริษยา
อิจฉาคืออยากดีอย่างเขา อยากเก่งอย่างเขา อยากรวยอย่างเขา ฯลฯ แต่ริษยาคือไม่อยากให้ใครได้ดี ไม่อยากเห็นใครเก่งกว่า รวยกว่า ซึ่งไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่ได้อะไรเลยทั้งสิ้น ต้องรู้จักชื่นชมในความสำเร็จของผู้-อื่น หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ไม่ต้องไปแข่งขันชิงดีชิงเด่น เอาแพ้เอาชนะกับใคร ไม่ต้องไปอวดมั่งอวดมีอวดความอัครฐานกับใคร จงแข่งกับตัวเอง เปรียบเทียบตัวเองในวันนี้กับเมื่อวันก่อนๆ
7. สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
ประโยคนี้ผมยืมมาจากชื่อหนังสือขายดีของนายแพทย์เทอดศักดิ์ เดชคง ผมชอบประโยคนี้จังเลย ถ้าเราสามารถคิดได้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรที่ว่านั้นจะดีหรือเลว ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เป็นประโยชน์กับเราทั้งนั้น ใจเราก็จะเป็นสุข ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นมันดี มันถูกต้อง มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามันไม่ดี ไม่ถูกต้อง ประโยชน์ของมันก็คือ เราจะได้ไม่ทำมันอีก และอย่างน้อยเราก็มีภูมิต้านทานเพิ่มมากขึ้น เพื่อจะสามารถทำการใหญ่ได้ต่อไป
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความ
ตอบลบ