สดชื่น ปิตานุสร-อารัน บุญญวรรณ เจ้าของร้านเพ็ทช็อปเคลื่อนที่ชื่อ “ร้านตูบแต่งตัว” เล่าให้ฟังว่า ยึดอาชีพขายสินค้าเกี่ยวกับสุนัขมาได้ประมาณ 4 ปีแล้ว โดยย้ายทำเลไปเรื่อย ๆ เช่น วันจันทร์ขายประจำที่หลังสวนซอย 5 วันอังคารกับวันพฤหัสบดีขายที่ตึกทานตะวัน ถนนวิภาวดีรังสิต วันพุธขายที่กระทรวงสาธารณสุข วันศุกร์ขายที่ซอยอารีย์ โดยเหตุผลที่ไม่เปิดร้านถาวร เพราะคิดว่าการเปิดร้านอยู่กับที่ต้องรอลูกค้ามาหา แต่การออกไปหาลูกค้าเองน่าจะดีกว่า สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายกว่า ซึ่งสินค้าในร้านก็จะมีให้เลือกเกือบครบ ขาดแต่ในเรื่องการให้บริการตัดขนและอาบน้ำสุนัขเท่านั้นที่ร้านลักษณะนี้ไม่สะดวกที่จะทำ
ข้อดีของการเปิดร้านแบบเคลื่อนที่ นอกจากเข้าหาลูกค้าได้ง่าย ได้กลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานประจำออฟฟิศที่ไม่ค่อยมีเวลาเดินหาซื้อสินค้า ยังประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายเรื่องการตกแต่งร้าน ค่าเช่าร้าน ลงได้มาก
“สินค้าในร้านมีเกือบทุกอย่างเท่าที่ลูกค้าต้องการ ทั้งอาหาร ขนมขบเคี้ยว ซึ่งเป็นแบรนด์เราเอง ชื่อ ลัคกี้ และยังมีพวกฟลูออไรด์แท่ง ปลอกคอ สายจูง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ภาชนะใส่อาหารสุนัข หวีแปรงขน รวมถึงยากำจัดเห็บหมัด ยาถ่ายพยาธิ นอกจากนั้นก็เป็นพวกแฟชั่นน้องหมาซึ่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เช่น หน้าหนาว เสื้อผ้าจะเยอะหน่อย เพราะเจ้าของมีโอกาสแต่งตัวให้น้องหมาได้มาก”
สำหรับอาหารสุนัข เจ้าของร้านนี้แนะนำว่า ไม่ควรสต๊อกไว้ในปริมาณเยอะ ๆ เนื่องจากบางชนิดมีส่วนประกอบจำพวกถั่วและข้าวโพดมาก หากเก็บไว้นานจะมีกลิ่นเหม็นหืนหรืออาจเกิดเชื้อราได้ จึงควรสต๊อกให้พอแค่การจำหน่ายในแต่ละสัปดาห์ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องเจอลูกค้าในแต่ละรอบสัปดาห์อยู่ดี
นอกจากนั้นยังมีเคล็ดลับมัดใจลูกค้าสำหรับร้านที่ไม่มีหน้าร้าน คือความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงสุนัข เพราะการให้คำปรึกษาถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเดินเข้าร้านได้ง่ายขึ้น
“การทำธุรกิจประเภทนี้ต้องมีความใส่ใจลูกค้า ต้องดูว่าลูกค้าต้องการอะไร เช่น ลูกค้ามีปัญหาอะไร ก็สามารถปรึกษาได้ แต่ถ้าเรื่องไหนที่เราไม่รู้ก็จะบอกให้รอหน่อย ก็จะไปถามคุณหมอที่รู้จักกัน แล้วเราก็เก็บรายละเอียดมาบอกลูกค้า ตรงนี้เป็นกลยุทธ์หนึ่ง”
การเลือกทำเลก็สำคัญไม่แพ้กัน สดชื่นบอกว่าที่ร้านจะดูในเรื่องของตลาดและกลุ่มผู้เลี้ยง เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ทราบว่ามีโอกาสมากน้อยแค่ไหน อย่างที่ร้านเน้นกลุ่มพนักงานประจำ พนักงานออฟฟิศ ที่ไม่ค่อยมีเวลา ก็จะเลือกทำเลที่ใกล้กับออฟฟิศใหญ่ ๆ หรือย่านธุรกิจเป็น ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้กำลังซื้อสูง แต่ไม่ค่อยมีเวลา!
“ในหนึ่งสัปดาห์ก็จะเปลี่ยนไปขายหลาย ๆ ที่ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นจุดประจำ เพราะมีลูกค้าประจำที่เป็นฐานลูกค้าเดิมของเราอยู่ก่อนแล้ว บางทีหากลูกค้าต้องการซื้อของเพิ่มเขาก็จะโทรฯมาถาม และตามมาซื้อสินค้าจากอีกจุดหนึ่ง ในกรณีที่ต้องการสินค้าด่วน” เป็นกลยุทธ์ของร้านที่เจ้าของร้านรายนี้บอกเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ทุนเบื้องต้นสำหรับการเปิดร้านแบบนี้ ใช้งบก้อนแรกไม่เกิน 50,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าสินค้าครั้งแรก ขณะที่อุปกรณ์จำเป็นนั้นหลัก ๆ มีเพียงไม่กี่ชิ้น อาทิ ชั้นวางของ (เน้นแบบถอดประกอบได้ เคลื่อนย้ายสะดวก), กระจาดใส่สินค้า, โต๊ะหรือแผงวางสินค้า เป็นต้น โดยที่ทุนหมุนเวียนของร้านนี้อยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทต่อสัปดาห์ ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับยอดขาย
รายได้ที่เป็นกำไรหลังหักทุน จะอยู่ที่ประมาณ 30% ของยอดขายทั้งหมด
“สินค้ากลุ่มสุนัขสามารถ ขายได้เรื่อย ๆ เพระว่าคนที่เลี้ยงกลุ่มนี้จะมองสุนัขที่เลี้ยงเป็นเหมือนเพื่อน ทำให้พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ อย่างอาหารสุนัขก็ขายได้ตลอด ที่สำคัญตอนนี้มองว่าตลาดคนเลี้ยงโตขึ้น แต่จำนวนร้านในตลาดยังไม่พอกับความต้องการ การเปิดร้านเพ็ทช็อปเคลื่อนที่แบบนี้จึงถือว่ามีโอกาส มีช่องว่างที่ดีอยู่ เหมาะกับคนที่มีทุนไม่สูงพอที่จะเปิดเป็นร้านถาวร” เจ้าของร้านกล่าวทิ้งท้าย
ใครสนใจจะอุดหนุนสินค้าของร้านตูบแต่งตัว ก็สามารถไปได้ตามจุดขายที่บอกไว้ข้างต้น หรือต้องการติดต่อ สดชื่น ปิตานุสร-อารัน บุญญวรรณ ก็โทร. 08-9512-8263 ทั้งนี้ สำหรับใครที่สนใจทำธุรกิจกับมะหมา แต่มีทุนน้อย บางที “เพ็ทช็อปเคลื่อนที่” แบบร้านนี้ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้.
ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
ตอบลบ