วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โคมไฟขวดแก้ว สุดคลาสสิค ณ.อัมพวา

โคมไฟขวดแก้ว วัสดุรีไซเคิลเพิ่มรายได้
หลายสัปดาห์ก่อนมีโอกาสไปเที่ยวตลาดน้ำยามเย็น ?อัมพวา? สิ่งคุ้นตาเมื่อมาถึงนอกจากร้านค้าและผู้คนที่มากมายแล้ว ที่นี่ยังมีของกินและของฝากอีกหลายชนิดที่น่าสนใจ เช่น ?โคมไฟขวดแก้ว? สินค้าทำมือไอเดียของคนชอบประดิษฐ์จากร้าน ?กระรอกน้อย?

คุณมิตรชล ถิตตยานุรักษ์ เจ้าของร้านกระรอกน้อย เล่าให้ฟังว่า เดิมทีเปิดร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยความที่ต้องการจะเสริมรายได้จากงานประจำที่ทำอยู่ บวกกับตลาดน้ำยามเย็นอัมพวากำลังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมามากมาย จึงคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสดีที่จะสร้างรายได้เพิ่ม

จากนั้นจึงเริ่มคิดหาสินค้าที่มีความแตกต่างจากร้านค้าอื่นๆ มาวางขาย ประกอบกับเป็นคนสนใจด้านงานประดิษฐ์อยู่แล้ว จึงคิดสร้างชิ้นงานที่มีความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร โดยวัตถุดิบที่จะนำมาทำชิ้นงานนั้นต้องเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย เพื่อความสะดวกเมื่อต้องการผลิตชิ้นงานจำนวนมาก

เมื่อมองไปมองมาก็ไปเห็นขวดแก้วที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ประจวบกับมีโรงขวดอยู่ใกล้ ๆ จึงนำขวดมาวางตรงหน้าพร้อมกับจินตนาการไปต่าง ๆ นา ๆ จากขวดแก้วธรรมดาก็นำมาประดิษฐ์เป็น "แจกันกึ่งเชิงเทียน" ผลงานชิ้นแรกที่ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร

จากแนวคิดที่เน้นวัสดุใกล้ตัว คุณมิตรชลจึงนำหลอดไฟที่ขายภายในร้านมาประกอบเข้ากับขวดแก้ว โดยอาศัยเทคนิคเกี่ยวกับไฟฟ้าเล็กน้อย จนออกมาเป็นชิ้นงาน “โคมไฟขวดแก้ว” ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ทั้งนี้ยังมีผลงานชิ้นต่อ ๆ มาในรูปแบบต่าง ๆ ให้เลือกอีกมากมายตามความเหมาะสมกับการใช้งาน

โคมไฟขวดแก้วจากร้านกระรอกน้อย มีสินค้าพอจำแนกได้ 5 รูปแบบ คือ 1.โคมไฟขวดสำหรับตั้งโต๊ะ ราคาชุดละ 250 บาท 2.โคมไฟขวดสำหรับแขวน ราคาชุดละ 120-140 บาท 3.โคมไฟขวดช่อ 3 ขวด ราคาชุดละ 299-320 บาท 4.โคมไฟสปอร์ตไลท์ขาหนีบ ราคา 190 บาท และ 5.โคมไฟขวดใหญ่แขวน ราคา 290 บาท

นับเป็นสินค้าที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว เพราะนอกจากจะใช้วัสดุรีไซเคิลมาทำประโยชน์แล้ว ยังช่วยลดปริมาณขยะ และลดการเผาผลาญที่ทำให้เกิดมลภาวะแก่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย สินค้าแฮนด์เมดที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับบ้าน ร้านค้า ร้านอาหาร ซุ้มนั่งเล่น มุมพักผ่อน ที่ใช้งานได้นานและทำความสะอาดง่าย

นอกจากนี้ วัสดุที่นำมาใช้ยังเน้นความมีคุณภาพของอุปกรณ์ เช่น ฐานหลอดไฟอย่างมาตรฐาน ทนความร้อน สายไฟฉนวน 2 ชั้น ซึ่งรับประกันความปลอดภัย เพราะคุณมิตรชลทำการทดลองมาแล้ว โดยนำมาใช้งานด้วยตนเองและวางจำหน่ายมานานกว่า 2 ปี
กลุ่มลูกค้าของ “โคมไฟขวดแก้ว” นั้น คุณมิตรชลบอกว่า ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีทั้งซื้อไปใช้งานเอง ซื้อไปขายต่อ และซื้อไปเป็นของขวัญ-ของฝาก ซึ่งทางร้านมีบริการทั้งราคาขายปลีกและขายส่ง พร้อมบริการจัดส่งทางไปรษณีย์ โดยคิดค่าจัดส่งตามน้ำหนักของสินค้า (กิโลกรัมแรก 20 บาท กิโลกรัมต่อมา 15 บาท) สำหรับคนที่คิดอยากทำธุรกิจส่วนตัว คุณมิตรชลแนะนำว่า “การจะเริ่มทำธุรกิจใด ๆ ก็ตาม ต้องมองหาความถนัดของตัวเองให้เจอก่อน และต้องมีใจทุ่มเทให้กับงานนั้น ๆ แล้วเราจะทำงานนั้นอย่างมีความสุข และงานที่ออกมาก็จะมีคุณภาพ
ผมเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัว เพียงแต่ต้องค้นหาให้เจอ การทำธุรกิจย่อมมีการแข่งขัน อาจต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ ต้องเริ่มทำธุรกิจตามแนวคิดและความถนัดของตนเอง น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการก้าวเดินต่อไปอย่างราบรื่น”

ผู้ที่สนใจสามารถแวะเวียนไปเยี่ยมชมสินค้า “โคมไฟขวดแก้ว” จากร้าน “กระรอกน้อย” ได้ที่ตลาดน้ำยามเย็นอัมพวา หรือสนใจสินค้าสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณมิตรชล ถิตตยานุรักษ์ โทร.081-986-7923


ผู้เขียน : อินทกานต์
ช่างภาพ : ป.วรัตม์
คอลัมน์ :
ขอบคุณที่มาของบทความ http://www.ejobeasy.com/kmdetail.php?n=90716154922

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ขายติ่มซำ สร้างรายได้

ติ่มซำ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ติ่มซำ (จีน: 點心 แปลว่า ตามใจ, ตามสั่ง) เป็นอาหารว่างของจีน นิยมรับประทานกับน้ำชา เป็นคำเรียกรวมอาหารหลายอย่าง มักเป็นอาหารจำพวกปรุงด้วยการนึ่ง เช่น ขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก๋า เป็นต้น บรรจุในภาชนะขนาดเล็ก เช่น เข่งไม้ไผ่ หรือจานใบเล็ก ในร้านอาหารจีนบางร้านนึ่งติ่มซำไว้บนเตารอลูกค้าสั่ง บางร้านใส่รถเข็นหรือใส่ตะกร้าคล้องคอ ให้พนักงานนำไปเสนอลูกค้าในร้าน ขณะที่กำลังรออาหารอื่น

workdeena ต้องบอกเพื่อนๆ จริงๆ ว่า ติ่มซำนั้น มันรวมไปด้วยอาหารหลายอย่างจริงๆ workdeena คงต้องขอเอามาเพียงบางอย่างเท่านั้น (เพราะไม่เช่นนั้นคงต้องเขียนกันทั้งคืนแน่ๆ) เช่น

ฮะเก๋า
ส่วนผสม

เนื้อกุ้ง 1/2 กิโล
มันหมูหั่น 2 ขีด
มันหมูเจียว 1/2 ขีด
ไข่ขาว 1 ฟอง
แป้งข้าวโพด 10 กรัม
เกลือ 0.5 กรัม
อาโรมาต 7.5 กรัม
น้ำตาล 10 กรัม
พริกไทย 5 กรัม
น้ำมันงา (นิดหน่อย)

วิธีทำ
นำเนื้อกุ้ง ล้างให้สะอาด ปล่อยให้สะเด็ดน้ำผสมเกลือ แป้งข้าวโพดแล้วนำไปตีจนเนื้อกุ้งแตก ใส่ไข่ขาว ตีให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมที่เตรียมไว้ ตีให้เข้ากันอีกครั้งและใส่น้ำมันงา แช่ตู้เย็น เย็นจัด ประมาณ 1/2 ชั่วโมง

ส่วนผสมแป้งห่อ

แป้งตั่งหมิ่น 120 กรัม
แป้งมันฮ่องกง 60 กรัม

วิธีทำแป้ง
ตั้งน้ำให้เดือด
นำแป้งใส่ภาชนะ แบ่งแป้งมันฮ่องกงเป็น 2 ส่วนเท่าๆกัน ใส่รวมกับแป้งตั่งหมิ่นไปครึ่งหนึ่ง
เมื่อน้ำเดือดแล้ว ใส่น้ำเดือดลงที่แป้ง (แป้งที่มีแป้งตั่งหมิ่นกับแป้งฮ่องกง) ใส่น้ำร้อนผสมแป้งให้สุกได้ที่ ไม่แฉะ
นำแป้งมันฮ่องกงที่เหลือมานวดให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืชลงผสมนิดหน่อย

- เมื่อได้แป้งและไส้เรียบร้อยแล้ว ให้แบ่งแป้งที่จะปั้นและแผ่ให้เป็นแผ่นบาง ใส่ไส้ลงให้พอเหมาะ แล้วนำไปนึ่ง 5-7 นาทีเป็นอันเสร็จ

ยังมีอาหารอีกมากมายที่สามารถนำมาทำ ติ่มซำขายได้


ขอบคุณที่มา http://workdeena.blogspot.com

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

รับสมัคร พนักงาน(ใจถึง)เงินเดือน 1,000,000 บ.

คนเดิม อยู่ในท้องสิงโต ไปแย้วจ้า!!!!

ที่มาhttp://www.rcthai.net/forum/showthread.php?t=269827

อาชีพ ที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม


อาชีพต้องห้ามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงบัญญัติห้ามเอาไว้ ได้แก่

๑.ค้าสุรา

๒.ค้ามนุษย์

๓.ค้ายาพิษ

๔.ค้าอาวุธ

๕.ค้าสัตว์มีชีวิต


.... ใครที่ค้าอาชีพพวกนี้ บาป ล้าน % แน่นอนครับ เพราะฉะนั้นหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดครับ ...

ส่วนอาชีพอื่นๆ ยึดความสุจริตเป็นดีที่สุดครับ เอาธรรมะดำเนินชีวิต อะไรที่คิดว่าทำแล้วบาป

ต้องรีบหลีกเลี่ยงนะครับ อย่าไปยุ่งกับอะไรก็ตามที่เป็น " สีดำ " เรามายุ่งกับ " สีใสขาว " ดีกว่าครับ

เพศฆราวาสก็ทำแต่ " ทาน ศีล ภาวนา " ใครเป็นชายแท้มีอกาส " บวช " ได้ก็ต้องทำนะครับ

ส่วนที่ไม่ใช่ชายแท้ก็เป็น " กัลยาณมิตร " ได้ครับ ฝึกปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิทุกวัน สู้ๆนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไอเดียแปลก ไอศครีมทุเรียน 100%


ไอศกรีมทุเรียน 100% ทรงไข่ กลยุทธ์การตลาด สู้ภาวะผลไม้ล้น

ปกติ ผลไม้ภาคตะวันออกอยู่ในภาวะล้นตลาดทุกปี ส่วนหนึ่งที่ชาวสวน นักธุรกิจส่งออก พ่อค้า ทำกันมากคือ แช่แข็งแล้วส่งออก แต่สำหรับคุณมรุตแล้ว เขาว่า แค่นั้นคงไม่พอ


งานแสดงอาหารใหญ่ประจำปี "Thaifex-World of food ASIA 2009" ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการส่งออก ร่วมกับหอการค้าไทย และโคโลญ เมสเซส ที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี มีบริษัท ผู้ประกอบการ ด้านอุตสาหกรรมอาหารเข้าร่วมมากมาย

บู๊ธแสดงสินค้าบู๊ธหนึ่งที่ได้รับความสนใจค่อนข้างมากจากผู้เข้าร่วมชมงาน ได้แก่ บู๊ธที่วางแสดงสินค้าหน้าตาคล้ายไข่เป็ด ไข่ไก่ แถมยังอยู่ในแผงพลาสติคที่ใส่ไข่เป็ด ไข่ไก่ซะด้วย แต่เมื่อเหลือบมองเข้าไปภายในบู๊ธ กลับมีผลไม้จากภาคตะวันออก ทั้งเงาะ มังคุด ทุเรียน สละ นำมาจัดแสดงด้วย

ถามเจ้าหน้าที่ประจำบู๊ธ ได้ความว่า นี่ไม่ใช่ไข่เป็ด ไข่ไก่ แต่เป็นไอศกรีมทุเรียน มะพร้าว และมะม่วง อ้าว!...เป็นงั้นไป

เมื่อได้ความดังนั้น จึงมีคำถามตามมาอีกมากมาย หนึ่งในคำถามนั้นคือ แล้วจะกินอย่างไร ต้องผ่าออกมาหรือเปล่า มีไอศกรีมอยู่ข้างในใช่หรือไม่

เจ้าหน้าที่จึงตอบคำถามพร้อมสาธิตให้ดูว่า เพียงแต่ใช้ไม้จิ้มไปที่ไข่ เยื่อพลาสติคบางใสและลอกออกมา กลายเป็นไอศกรีมผลไม้ล้วนๆ และไอศกรีมที่ว่านี้เป็นไอศกรีมผลไม้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีส่วนผสมอื่นใด มีแต่เนื้อผลไม้เท่านั้น

เจ้าของไอเดีย และเจ้าของธุรกิจ คุณมรุต ชโลธร เผยว่า เขาและเครือญาติมีสวนผลไม้อยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ทั้งเงาะ มังคุด ทุเรียน สละ ปกติขายทั้งในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ รวมทั้งผลิตผลไม้แปรรูปด้วย

"การแปรรูปก็ทำแบบผลไม้แปรรูปทั่วไป บางส่วนก็แช่แข็ง เพราะในแต่ละปีมีผลไม้ออกมามาก ที่นี้ เราก็มองว่าเราจะครีเอท แวลู่ หรือจะสร้างสรรค์ให้มีคุณค่าเพิ่มขึ้นอย่างไร เพราะปัจจุบันนี้ เพียงแต่แอดแวลู่อย่างเดียวไม่พอแล้ว เราก็เริ่มมองไปที่ตัวสินค้าก่อน คำว่า ไอศกรีม เป็นสิ่งที่ทุกคนยอมรับ และเป็นของหวานที่ทุกคนชื่นชอบ ขณะเดียวกัน ก็มีด้านลบต่อสุขภาพ คือน้ำตาลมาก และมีส่วนผสมหลายอย่างที่เป็นสารสังเคราะห์ สรุปก็คือไม่ใช่สินค้าในกลุ่มเพื่อสุขภาพแน่นอน เราก็เลยมองว่า จะทำอย่างไรให้ผลไม้มาอยู่ในรูปของไอศกรีมที่เน้นความเป็นธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์"

และนี่คือที่มาของไอศกรีมผลไม้ ที่ทางผู้ประกอบการเน้นว่า เป็นธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยในช่วงต้น ทำออกมา 3 รสชาติ ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง และมะพร้าวอ่อน



ผลไม้ล้นตลาดทุกปี

แค่แช่แข็ง ส่งออก คงไม่พอ

"เราพัฒนาทั้ง 3 ตัวนี้มา ก็เป็นเนื้อผลไม้ล้วนๆ นั่นหมายความว่า เราได้ปฏิวัติวงการไอศกรีมให้เป็นธรรมชาติล้วน"

คุณมรุต บอกอีกว่า ปกติ ผลไม้ภาคตะวันออกอยู่ในภาวะล้นตลาดทุกปี ส่วนหนึ่งที่ชาวสวน นักธุรกิจส่งออก พ่อค้า ทำกันมากคือ แช่แข็งแล้วส่งออก แต่สำหรับคุณมรุตแล้ว เขาว่า แค่นั้นคงไม่พอ

"เราอยู่เมืองจันท์ เราก็อยากจะช่วย แต่คงต้องหาอะไรที่ใหม่ที่สุด สิ่งที่เราได้แล้วคือ ตัวเนื้อไอศกรีมที่ใหม่ เป็นผลไม้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าจะมาใส่แพ็กเกจจิ้งเก่าๆ มันก็ไม่เป็นจุดขาย ถ้าคนที่จะทานไอศกรีม จะนึกแค่ อยู่ในโคน ถ้วย หรือตัดกิน หรือทำซอร์ฟเสิร์ฟ เรากลับมองว่าเอ๊ะ ทำอย่างอื่นได้มั้ย จากนั้นก็สร้างกิมมิกว่า ถ้ามันเป็นไข่ล่ะ จะเป็นอย่างไร"

ดังนั้น ไอศกรีมผลไม้ รสทุเรียน มะม่วง และมะพร้าวอ่อน ในรูปไข่เป็ด ไข่ไก่ จึงออกมาด้วยประการฉะนี้ (ถ้าเป็นรสมะม่วงมีสีเหลือง จะคล้ายไข่ไก่มาก)

คุณมรุต เล่าอีกว่า " สำหรับผู้บริโภคเองเดินผ่านมา ก็จะถามว่า อะไรน่ะ ไข่หรือเปล่า บางคนนึกไปถึงไข่ข้าวหรือไข่ที่ผ่านการผสมแล้ว บางคนเดินผ่านไปแล้ววกกลับมา เรียกเพื่อนมาดูด้วยว่าเป็นอะไร ยิ่งถ้าเราบอกว่าเป็นทุเรียน เป็นไอศกรีมทุเรียนร้อยเปอร์เซ็นต์ เค้าก็จะบอกว่า เอ้ย! จริงเหรอ...ไม่น่าเชื่อ...นี่คือกิมมิกทางการตลาดที่เราคิดขึ้นมา นั่นคือ เราจะสร้างประสบการณ์ใหม่ เป็นลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร ดังที่เราให้สโลแกนไว้ว่า More than just ice-cream With a unique eating experience"

เมื่อจะรับประทานไอศกรีมที่ว่านี้ เพียงแต่เอาไม้จิ้มไปที่ตัวไข่ เยื่อพลาสติคใสก็จะหลุดออกโดยง่าย เจ้าหน้าที่ประจำบู๊ธ อธิบายว่า เป็นอีลาสติก รับเบอร์ (หรือยางที่มีความยืดหยุ่น) เมื่อพลาสติคใสหลุดออกไปแล้ว สิ่งที่ได้คือ ไอศกรีมผลไม้ 100 เปอร์เซ็นต์

"อีลาสติก รับเบอร์นี้ เป็นฟู้ดเกรด คือรับประกันว่าห่อหุ้มอาหารได้ นี่เป็นจุดหนึ่งที่ผู้บริโภคกังวลว่าจะมีอันตรายมั้ย แต่เราส่งตรวจเรียบร้อยแล้ว โดยใช้ระดับมาตรฐานสากลว่าปลอดภัย" คุณมรุต เผย และบอกอีกว่า

"โปรเจ็คต์นี้เริ่มมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ใช้เวลาปีกว่าๆ ในการวิจัยและพัฒนา ขณะนี้ ตอนนี้อยู่ในช่วงทำกลยุทธ์ทางการตลาด เรากำลังหาลู่ทางเพื่อส่งออก และดูว่าในประเทศเราจะกระจายสินค้าอย่างไร"

แล้วเล็งไปที่ไหนบ้าง นั่นเป็นคำถามที่ถามออกไป ผู้ประกอบการรายนี้ ตอบว่า "จริงๆ ตอนนี้มีหลายทางเลือก เรายังไม่ได้สรุป ที่มาออกงาน Thaifex ครั้งนี้ แค่ต้องการดูผลตอบรับ ก็ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับดีมาก เรามีบู๊ธเล็กๆ แต่ทุกคนที่เดินผ่านไป ก็จะเดินย้อนกลับมาด้วยความสะดุดตา สะดุดใจ"



ทำทุเรียนให้กลิ่นอ่อนลง

จับกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น

สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาตินั้น เขาว่า มีผู้ซื้อชาวต่างชาติติดต่อเข้ามาเยอะมาก จากหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ชื่นชอบทุเรียนเป็นหลัก เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ ส่วนชาติตะวันตก จะมีภาพติดลบกับทุเรียนเป็นส่วนใหญ่ ดังจะเห็นได้จาก ป้ายห้ามนำทุเรียนเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ทั้งรถเมล์ รถไฟ สนามบิน โรงแรม ฯลฯ เรียกว่า ในส่วนที่เป็นห้องปรับอากาศทั้งหมด เป็นส่วนต้องห้ามของผลไม้นาม "ทุเรียน"

"พอจบโปรเจ็คต์นี้ เรากำลังจะมีโปรเจ็คต์หน้าคือ Soft aroma durian คือเราจะพัฒนาว่า จะทำให้กลิ่นทุเรียน อ่อนลงได้อย่างไร เพื่อต้องการเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ชอบในกลิ่น แต่อยากลองในรสชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เรากำลังอยู่ในขั้นวิจัยและพัฒนา"

ทุเรียนย่อมมีกลิ่นแรงเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น การพัฒนาในครั้งนี้จะเป็นการฝืนธรรมชาติหรือไม่นั้น คุณมรุตว่า

"จริงๆ แล้ว ความต้องการนี้มาจากผู้บริโภค ถามว่าจะฝืนธรรมชาติมั้ย ผมขอเรียนอย่างนี้ว่า ปรากฏการณ์ของคนที่กินทุเรียน เรียกว่า ทุเรียนเอฟเฟ็กต์ คือจะรักหรือจะเกลียดทุเรียนมาจากการได้กลิ่นในครั้งแรก หมายความว่า คนที่ชอบ เมื่อทานปุ๊บแล้วชอบเลย อร่อย ส่วนที่ไม่ชอบคือ กินแล้วก็ไม่ชอบ ถึงขั้นเกลียด ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ทางด้านการตลาดนี่ชัดเจน ดังนั้น ทุเรียนจึงเป็นสินค้าตัวแรกที่เราเลือกขึ้นมาเป็นจุดขาย นั่นหมายความว่า คนที่ เป็นทุเรียนเลิฟเวอร์ หรือหลงรักรสชาติทุเรียน นี่จะกระโดดเข้าใส่เลย อย่างคนจีนที่ชอบมาก บางคนมาซื้อลูกเดียวไม่พอ"

"ในทางกลับกัน เรามองว่า เราพัฒนาทุเรียนเป็นตัวแรก ด้วยความที่ได้สินค้าแปลกใหม่ ก็โอเค แต่พอไปเจอเรื่องกลิ่น ก็เป็นปัญหา จึงต้องมีการวิจัยและพัฒนาเข้ามาช่วยในส่วนที่ช่วยได้ อย่างที่ ทำให้เป็นซอร์ฟอโรมา คำว่า ซอร์ฟอโรมา ไม่ได้หมายความว่า ทำให้ทุเรียนไม่มีกลิ่น แต่ทำให้กลิ่นเบาลง อ่อนลง"

ปกติคนที่ชอบรับประทานทุเรียน จะมี 3 พวกใหญ่ๆ คือชอบทุเรียนห่ามๆ กรอบ กลุ่มนี้จะไม่ได้รสหวาน ไม่ได้กลิ่น พวกที่สอง คือพวกที่ชอบระดับกลางๆ จะได้ครบทั้งรสชาติและกลิ่น ส่วนพวกที่สาม คือชอบแบบสุก จะได้ทุเรียนรสหวานจัด กลิ่นฉุน ในระดับที่เรียกทุเรียนผลนั้นว่า "เป็นปลาร้าแล้วนะจ๊ะ"

"จะมีอีกพวกหนึ่งคือ อยากจะลิ้มรสความหวาน แต่สู้กลิ่นไม่ไหว เราอยากให้เค้าได้ลิ้มรสสักนิดหนึ่ง ทุเรียนนี่เป็นคิงออฟฟรุตนะครับ ถ้าเป็นเราไปเจอราชาแห่งผลไม้ที่ประเทศไหน เราก็อยากลอง แต่ถ้าต้องบีบจมูกกิน มันก็ไม่ควรเป็นอย่างนั้น"

การวิจัยและพัฒนาในครั้งนี้ คุณมรุต เผยว่า ได้ร่วมพัฒนาเครื่องต้นแบบ กับบริษัทเล็กๆ จากประเทศญี่ปุ่นบริษัทหนึ่ง ซึ่งเป็นเอสเอ็มอีเหมือนกัน

ดูเหมือนว่า ในส่วนตัวผู้ประกอบการเอง ออกจะได้เปรียบในเรื่องการประสานเทคโนโลยีกับประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จากประเทศญี่ปุ่น

"ผมไม่ได้เรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร แต่มาทำตรงนี้ บางคนถามว่า ไม่ได้เรียนมา แล้วทำได้ด้วยเหรอ ผมตอบว่า ที่ผมทำได้เพราะไม่ได้เรียนมา เพราะผมคิดว่า การที่ผมเรียนมาทางวิศวกรรม ไม่มีพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร ทำให้ผมกล้าคิดนอกกรอบ คือถ้าจบทางด้านอาหารมาโดยตรง อาจจะมองแค่ในกรอบ การมองนอกกรอบ เราอาจจะต้องถอยออกมาแล้วมองเข้าไป ฉะนั้น ผมคือคนนอก ไม่ได้อยู่ในวงการ เป็นแค่ลูกชาวสวนผลไม้ที่ต้องการกลับไปพัฒนาให้กับชาวสวนเมืองจันท์"

สำหรับไอศกรีมผลไม้ ทั้ง 3 รสชาติในรูปไข่ คุณมรุตวางราคาขายส่งหน้าโรงงานไว้ที่ ลูกละ 15 บาท แต่ถ้าขายปลีกทั่วไป น่าจะอยู่ที่ลูกละ 30-35 บาท แล้วแต่ทำเล

"ตัวไอศกรีมผลไม้รูปไข่ ใช้เวลาวิจัยและพัฒนา ปีเศษๆ ตอนนี้อยู่ในช่วงเช็คผลตอบรับ ซึ่งก็มีผู้ประกอบการหลายเจ้าที่ต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายซึ่งเราอยู่ในระหว่างการพิจารณา"

และนี่เป็นอีกหนึ่งการให้ไอเดีย สร้างคุณค่าให้กับสินค้า ถ้าบอกว่าเป็นไอศกรีมรสทุเรียน คงจะดูเป็นสินค้าพื้นๆ ธรรมดาๆ ที่ไม่น่าตื่นเต้นอะไร แม้กระทั่งจะบอกว่า เป็นผลไม้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็เชื่อว่ามีผู้ประกอบการรายอื่นทำออกมาบ้างแล้ว แต่นี่เป็นไอศกรีมผลไม้ 100 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในบรรจุภัณฑ์รูปทรงไข่ แถมยังวางไข่ ในรังไข่พลาสติคที่ดูยังไงก็เป็นไข่ แต่ไม่ใช่ไข่

การสร้างความสนใจ ความประทับใจเมื่อแรกเห็นนี้เอง ที่ทำให้ผู้บริโภคหันมามอง หันมาพิจารณา กระทั่งต้องการชิม และนำไปสู่การค้าขายต่อไป

มีสินค้าธรรมดาๆ พื้นๆ อีกมากมาย ที่รอให้ผู้สร้างสรรค์งานเข้าไปพัฒนา เข้าไปจับมาแต่งตัวใหม่ เพื่อให้ต่อสู้ในทางการตลาดได้มากขึ้น และไม่แน่ว่า ผู้สร้างสรรค์งานรายต่อไป อาจเป็นคุณ!!!

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท อินโนเวทีฟ ฟู้ด แพ็คเกจจิ้ง จำกัด เลขที่ 65 ถนนเพชรเกษม วัดท่าพระ บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10600 โทร. (02) 467-4214-5



การลงทุนขายไอศกรีมผลไม้รูปไข่

1. รูปแบบซื้อมา ขายไป ราคาขายส่งหน้าโรงงาน ชิ้นละ 15 บาท สามารถนำไปขายได้ราคาชิ้นละ 30-35 บาท แล้วแต่ทำเล

2. นำไปขายเสริมในร้านอาหาร ซึ่งอาจจะมีตู้แช่อยู่แล้ว

3. ซื้อตู้แช่เพื่อขายไอศกรีม ราคาตู้แช่ ประมาณ 20,000 บาท

4. ลงทุนกับทางบริษัท 20,000 บาท สิ่งที่จะได้คือ ตู้แช่ และคีออส โดยใช้พื้นที่ขายประมาณ 2 ตารางเมตร (ทางคุณมรุตให้ข้อมูลว่า จริงๆ แล้ว ตัวเลขการลงทุนลักษณะนี้ประมาณ 30,000 บาท แต่ทางบริษัทต้องการช่วยผู้ประกอบการ 10,000 บาท จึงตั้งตัวเลขการลงทุนไว้ที่ 20,000 บาท)

5. สั่งซื้อสินค้ากับทางบริษัท ตั้งแต่ 1,000-1,500 บาท ทางบริษัทจัดส่งให้ฟรี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

6. ทำเลที่น่าสนใจมากที่สุด ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นประจำ ได้แก่ พัทยา สมุย ภูเก็ต กระบี่ ตรัง เชียงใหม่ หาดใหญ่ ฯลฯ และทำเลที่น่าสนใจรองลงไปได้แก่ ใกล้สถาบันการศึกษา รวมทั้งแหล่งชุมชน

ก้าวแรกเศรษฐี-ขนมครก

ดวงกมล โลหศรีสกุล

ขนมครกชาววัง ทำกินเพลิน ทำขายรวย

"ลงทุนครั้งหนึ่ง ประมาณ 300 บาท ซื้อแป้งสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม มาผสมกับ น้ำกะทิ น้ำสะอาด น้ำปูนใส น้ำตาลโตนด เกลือ จะได้แป้งสำหรับหยอดขนมครก 3 กิโลกรัม แป้งจำนวนนี้สามารถหยอดขนมครก ขนาด 15 เบ้า ได้ 24 กระทะ หากแคะไม่เสีย จะได้ขนมครก ทั้งหมด 360 ชิ้น จำหน่ายชิ้นละ 2 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 720 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ได้กำไรเกินครึ่ง"



ย่านชุมชนตอนเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นที่เป็นเวลาเปิดของตลาดนัด มักมีหนึ่งเมนูขนมไทยวางขาย นั่นคือ "ขนมครก" ขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า หัวกะทิ แล้วโรยด้วยหน้าต่างๆ ซึ่งรสชาติออกหวาน เค็ม มัน จึงไม่น่าแปลกใจ ที่หลายคนนิยมรับประทาน

ก้าวแรกเศรษฐีฉบับนี้ นำเสนอข้อมูล ช่องทางการลงทุน และสถานที่จำหน่ายอุปกรณ์ขนมครก ขนมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมไม่ได้มีพัฒนาการเหมือนอย่างทุกวันนี้ เพราะตามหลักขนมไทย ใช้เพียงข้าวเจ้าไปโม่ให้เป็นแป้ง เจือกับน้ำตาล และมะพร้าวเท่านั้น แต่ปัจจุบัน ถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย สร้างรสชาติให้โดดเด่นไม่ซ้ำใคร


ขนมครกชาววัง

จุดเด่น ชิ้นใหญ่ กรอบอร่อย

อาจารย์จินดามาศ ทินกร วิทยากรศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน ผู้เชี่ยวชาญขนมครก กล่าวว่า จำหน่ายขนมเมนูนี้ มากว่า 40 ปี สูตรที่ใช้เป็นสูตรโบราณตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ปัจจุบัน เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย นำส่วนผสมมาดัดแปลงเล็กน้อย ทว่ารสชาติ และรูปลักษณ์ยังคงเดิม "ขนมครกเมื่อก่อน สูตรดั้งเดิมนำข้าวสาร มาผสมข้าวสุกค้างคืนแล้วโม่ เพื่อให้มีความนิ่ม แต่ข้อเสียคือ ทำให้เสียไว ปัจจุบัน สะดวกสบาย เนื่องจากมีแป้งสำเร็จรูปจำหน่าย ช่วยลดความยากลงไปได้พอสมควร ส่วนหน้าที่ใช้โรยก็มีความหลากหลายมากขึ้น"

วัตถุดิบสำคัญของขนมครก ที่วิทยากรพูดถึงคือ แป้ง มีด้วยกัน 2 รูปแบบคือ แป้งสด และแป้งแห้ง ถามผู้เชี่ยวชาญได้ใจความว่า แป้งสดคือ แป้งที่ต้องทำเองไม่มีวางจำหน่าย อันมีส่วนผสมของข้าวสารเก่า ข้าวสวยกลางปีสุกค้างคืน ถั่วทอง หรือถั่วเขียวเลาะเปลือก นำมาโม่ด้วยเครื่อง วิธีการ นำข้าวสารเก่าแช่น้ำค้างคืน ไปโม่พร้อมข้าวสุกและถั่วทอง เหตุที่ไม่ใช้ข้าวใหม่ เพราะแป้งจะเหนียว เวลาแคะออกจากเบ้าจะไม่ค่อยล่อน ส่วนแป้งแห้งคือ แป้งสำเร็จรูปที่ขายทั่วไปตามท้องตลาด โดยความแตกต่างของแป้งทั้งสองนี้คือ แป้งสด เนื้อขนมจะละเอียดและหอม แต่แป้งแห้งจะให้ความสะดวกมากกว่า

นอกจากแป้งจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของขนมครก ยังมีกะทิที่ใช้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เลือกซื้อมะพร้าวสำหรับทำขนมมาขูด แล้วคั้นเพื่อให้ได้น้ำกะทิที่สดใหม่ จากนั้นผสมเกลือป่นเล็กน้อย การทำเช่นนี้จะทำให้ได้กะทิที่หอม นอกจากนั้น ยังมีความเข้มข้นมากกว่ากะทิกล่อง แต่หากเลี่ยงไม่ได้ แนะนำให้ใช้ยี่ห้ออร่อยดี เนื่องจากกลิ่นจะหอมแบบธรรมชาติ

อีกสิ่งที่จะช่วยเพิ่มรสชาติ ให้ขนมครกกรอบอร่อย นั่นคือ ขนาด วิทยากร เผยว่า ควรเลือกใช้เบ้าขนมครกที่มีขนาด 15 เบ้า เฉลี่ยหลุมละประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร เวลาเทแป้ง ให้เท 3/4 ของเบ้า จากนั้นใช้กระบวยหน้ากว้าง 5 เซนติเมตร กดให้แป้งล้นขึ้นมา ประมาณ 1 เซนติเมตร เติมหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ บริเวณที่ล้นเรียกว่าขอบ ซึ่งจะมีความกรอบ และแลดูชิ้นใหญ่ ลักษณะนี้รวมเรียกขนมครกชาววัง "เบ้าขนมครกที่วางขายทั่วไป มีตั้งแต่ขนาด 15 เบ้า 22 เบ้า และ 28 เบ้า อยากให้เลือกใช้ขนาด 15 เบ้า เนื่องจากชิ้นใหญ่ทำออกมาเฉลี่ยชิ้นละประมาณ 7 เซนติเมตร ซึ่งผู้บริโภคจะรู้สึกคุ้มค่า ต่างจากขนาดเล็กประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร"

ลำดับต่อมา ด้านรสชาติ อาจารย์จินดามาศ เผยว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ไม่นิยมรับประทานหวาน ดังนั้น อยากให้ผู้ประกอบการ ทำรสชาติแบบกลมกล่อม ไม่หวานจัด หรือเลี่ยนเกินไป ส่วนหน้าที่โรยยอดนิยม ได้แก่ ต้นหอม ผักชี ข้าวโพด เผือก ลูกตาล ถ้ายังไงสามารถนำไปดัดแปลงเพิ่มเติมได้



ลงทุน 3,000 บาท

ขายดีทุกวัน ไม่มีวันหยุด

ถึงตรงนี้ ถามผู้เชี่ยวชาญ ถึงจำนวนเงินลงทุน ได้ความว่า เงินที่ใช้ลงทุนขายขนมครกต่ำสุด เฉลี่ยใช้เงินประมาณ 3,000 บาท แบ่งเป็นค่าอุปกรณ์ 2,500 บาท ได้แก่ เตาไฟ 2 หัว เป็นเตาเหล็ก 1,500 บาท เบ้าขนมครก 1 ใบ ราคา 600 บาท กาหยอดขนมครก 60-100 บาท เตาแก๊ส 300 บาท ค่าวัตถุดิบ อาทิ แป้ง กะทิ น้ำตาลโตนด เกลือ จานกระดาษไว้ใส่ขนม ทั้งสิ้น 300 บาท แถมเหลือเป็นเงินหมุนเวียนจำนวนหนึ่ง "3,000 บาท หลักๆ ได้อุปกรณ์การขายและวัตถุดิบจำนวนหนึ่ง แต่จะไม่รวมอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ อาทิ กะละมังผสมแป้ง ทัพพี ช้อน ของจุกจิกในครัว เนื่องจากแต่ละบ้านมักมีอยู่แล้ว"

เมื่อทราบว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ต่อมาถึงรูปแบบการขาย วิทยากร ระบุว่า สามารถวางจำหน่ายได้ทั้งรถเข็น และตั้งโต๊ะ ขึ้นอยู่กับเงินทุน ถ้าเป็นรถเข็น คันละประมาณ 5,000 บาท ถ้าเลือกตั้งโต๊ะ สามารถเลือกวัสดุได้ตามกำลัง เลือกขนาดโต๊ะให้กว้าง 3 ฟุต ขึ้นไป ส่วนทำเลที่แนะนำ ยังคงอยู่ย่านตลาดสด ตลาดนัด งานวัด งานประจำปี ชุมชน หอพัก บริษัทห้างร้าน ป้ายรถประจำทาง หน้าร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล หมู่บ้านจัดสรร สถานศึกษา หรือหากใครมีร้านอาหารอยู่แล้ว นำไปเสริมเป็นของหวานได้ ส่วนวัน และช่วงเวลาขาย ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ขายได้ทุกวัน ตั้งแต่เช้า ไปจนค่ำมืด

คล้ายว่าขั้นตอนขนมครกไม่มากมายนัก ทว่าสิ่งใดที่ยากที่สุด อาจารย์จินดามาศ เผย อยู่ที่เทคนิคการหยอด บรรดามือใหม่ ควรใช้ช้อนหรือกระบวย ไม่ควรใช้กาหยอด เนื่องจากน้ำหนักมือยังไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้กะปริมาณไม่ถูก อีกทั้งเวลาแคะ เพื่อไม่ให้เสียของ ต้องใจเย็นรอจนกว่าขนมจะสุก "ลงทุนครั้งหนึ่ง ประมาณ 300 บาท ซื้อแป้งสำเร็จรูป 1 กิโลกรัม มาผสมกับ น้ำกะทิ น้ำสะอาด น้ำปูนใส น้ำตาลโตนด เกลือ จะได้แป้งสำหรับหยอดขนมครก 3 กิโลกรัม แป้งจำนวนนี้สามารถหยอดขนมครก ขนาด 15 เบ้า ได้ 24 กระทะ หากแคะไม่เสีย จะได้ขนมครก ทั้งหมด 360 ชิ้น จำหน่ายชิ้นละ 2 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 720 บาท หลังหักค่าใช้จ่าย ได้กำไรเกินครึ่ง"

นอกจากขนมครกจะลงทุนต่ำ ขายได้กำไรดีแล้ว ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือ วัตถุดิบหาซื้อได้ง่าย ส่วนผสมทุกอย่าง ซื้อได้ที่ตลาดสด ร้านขายของชำ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าทั่วไป ไม่เหมือนกับอาชีพบางชนิด ที่ต้องมีร้านประจำ เช่น ขายอาหาร หรือผลไม้

อีกเทคนิคการขายที่อาจารย์จินดามาศ แนะนำ คือรสชาติต้องคงที่ วัตถุดิบสดใหม่ สถานที่จำหน่ายสะอาด มีหลากหลายไส้ให้เลือกรับประทาน พูดจาไพเราะกับลูกค้า ตั้งใจขาย ไม่หยุดบ่อย จะทำให้ได้ลูกค้าประจำ จากนั้นจะเกิดการบอกปากต่อปาก

ก่อนยุติเนื้อหา อาจารย์จินดามาศนำสูตรการทำขนมครกชาววัง มาให้ทดลองทำ และย้ำว่า โอกาสในการขายขนมชนิดนี้ ยังมีพื้นที่อีกมาก เนื่องจากปัจจุบัน คนยังนิยมบริโภคขนมชนิดนี้อยู่ สนใจสอบถามเนื้อหา หรือเข้ารับการอบรม ติดต่อ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน โทรศัพท์ (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102 และ 2103


วัตถุดิบตัวแป้งขนมครก

ส่วนผสม

1. แป้งข้าวเจ้าอย่างดี ตราดอกไม้ 1 กิโลกรัม

2. น้ำกะทิ 4 ถ้วยตวง

3. น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง

4. น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง

5. น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ

6. เกลือ 1 ช้อนชา

7. โรยหน้าตามใจชอบ อาทิ ต้มหอม ข้าวโพด เผือก ฯลฯ

วิธีผสมแป้ง

ค่อยๆ เทแป้งข้าวเจ้า ลงผสมกับน้ำสะอาด น้ำปูนใส คนจนกว่าจะเข้ากัน จากนั้นเติมกะทิ น้ำตาลโตนด เกลือป่น แล้วคนให้เข้ากันดี



กะทิหน้าขนมครก

ส่วนผสม

1. หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง

2. หางกะทิ 2 ถ้วยตวง

3. น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย

4. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำกะทิสำหรับหยอดหน้า

ผสม หัวกะทิ หางกะทิ เกลือป่น น้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟ คนให้น้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น ใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้าขนมครก

วิธีทำขนมครก

1. ตั้งกระทะขนมครก ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอจนเตาร้อนเต็มที่

2. นำลูกประคบ ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า

3. ตักหรือใช้กาหยอดแป้งขนมครก ลงในเบ้าปริมาณ 3/4 นำกระบวยกดให้ล้นขึ้นมาด้านข้าง ประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดฝาทิ้งไว้ราว 2-3 นาที

4. หยอดหางกะทิ ตามด้วยหัวกะทิ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อ 1 เบ้า โรยหน้าตามใจชอบ ปิดฝาทิ้งไว้ รอจนขอบแป้งเหลือง ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะ

วิธีทำหน้าไข่เค็ม นำไข่เค็มต้มสุก มาแกะเปลือกออก นำไปขูดให้เป็นเส้นฝอยๆ ใช้โรยหน้าขนมครก เพิ่มความอร่อยด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นฝอย และผักชี (เฉพาะใบ)

วิธีทำหน้ากุ้ง ใช้กุ้งสด มะพร้าวทึนทึก ในปริมาณที่เท่ากัน สับให้ละเอียด นำไปรวน ใส่พริกไทย เกลือป่น ชิมให้ออกรสเค็มนิดๆ โรยบนหน้าขนมครก แต่งด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย พริกเหลืองซอย ใบผักชีเด็ดเป็นใบๆ



อุปกรณ์สำหรับทำขนมครก

1. เครื่องโม่แป้ง (ในกรณีทำแป้งสด)

2. เบ้าขนมครก

3. กาสำหรับหยอดแป้ง

4. ลูกประคบ (ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว)

5. ช้อนสำหรับแคะขนมครก



เคล็ดลับความอร่อย

1. น้ำมันพืชที่ใช้เช็ดเบ้าขนมครก ควรเป็นน้ำมันมะพร้าว จะทำให้ขนมครกมีกลิ่นหอม ชวนให้น่ารับประทาน นอกจากนั้น ยังทำให้ผิวขนมครกมีสีสวย

2. ภาชนะใส่ขนมครก ไม่ควรใช้โฟม เนื่องจากมีสารเมลามีน ก่อให้เกิดมะเร็ง ควรเป็นจานกระดาษ หรือรองด้วยใบตอง หรือหากจำเป็นต้องเรียงซ้อนกัน ก็ควรมีใบตองวางทับไว้ด้วย เพื่อไม่ให้ขนมครกติดกัน

3. เบ้าขนมครก มีทั้งที่ผลิตจากเหล็ก และสเตนเลส ขึ้นอยู่กับเงินลงทุน ส่งผลด้านความสวยงาม แต่ไม่ส่งผลต่อรสชาติแต่อย่างใด



ร้านจำหน่ายวัตถุดิบทำขนมครก

1. ตลาดสดใกล้บ้าน/ห้างสรรพสินค้า

2. ร้านแสงอรุณ ตั้งอยู่บริเวณหน้าตลาดจังหวัดนนทบุรี จำหน่ายวัตถุดิบทำขนมไทยทุกประเภท ภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดสำหรับทำขนม โทรศัพท์ (02) 525-0504

3. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721, (02) 221-3809, (02) 221-2280, (02) 221-1693



ร้านขายกล่องบรรจุและเบ้าขนมครก

1. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721

2. ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-0572 โทรสาร (02) 221-7796

3. ห้างแม็คโคร ทุกสาขา

4. ร้านกิตติเครื่องครัว ที่อยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 271-0634

5. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาถนนวิทยุ ที่อยู่ 83/7 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 254-8100-8 โทรสาร (02) 254-8109 เปิดทุกวันเวลา 09.00-19.00 น.

6. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาเยาวราช ที่อยู่ 436 ถนนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 226-5365-7, (02) 224-2240, (02) 224-2179 โทรสาร (02) 226-5364 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์

7. บริษัท วีรสุ จำกัด สาขาลาดพร้าว ที่อยู่ 3456 /1 ถนนลาดพร้าว บางกะปิ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 375-6284-7, (02) 734-1040-5 โทรสาร (02) 734-1049 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.

8. บริษัท วีรสุ รีเทล จำกัด สาขาแจ้งวัฒนะ ที่อยู่ 104/19-21 ถนนแจ้งวัฒนะ ทุ่งสองห้อง หลักสี่ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 982-4435-7 โทรสาร (02) 982-4439 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.

9. วีรสุคอร์เนอร์ สาขาเสรีเซ็นเตอร์ ถนนศรีนครินทร์ โทรศัพท์ (02) 746-0171 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-21.00 น.

10. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall งามวงศ์วาน ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 550-0609 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.

11. วีรสุคอร์เนอร์ ห้างอิเซตัน ชั้น 5 บริเวณหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต โทรศัพท์ (02) 255-9816 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.

12. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall บางกะปิ ชั้น 3 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 363-3076 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.

13. วีรสุคอร์เนอร์ The Mall ท่าพระ ชั้น 4 บริเวณแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ (02) 477-7200 เปิดวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 10.30-22.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.

14. ห้างแม็คโคร

15. ร้านดี-เบสท์ โกรเซอรี่ จำกัด เลขที่ 148/6-7 หมู่ 2 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 960-6924-5 โทรสาร (02) 960-6934

16. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ที่อยู่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 617-6310-2 โทรสาร (02) 617-7785

17. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ร้านสาขาคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 381-7956

18. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง สาขาพระโขนง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732-35 โทรสาร (02) 249-5620

19. บริษัท ดี เค เบเกอรี่มาร์ทเทรดดิ้ง จำกัด ที่อยู่ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 881-0619-21 โทรสาร (02) 881-0622

20. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 2 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02) 391-2093

21. บริษัท คิงส์แมชชีนส์กล้วยน้ำไทการช่าง จำกัด ที่อยู่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732, (02) 249-5235, (02) 249-5620, (02) 671-6844-5 โทรสาร (02) 672-8700

22. บริษัท จักรวาล เซ็นเตอร์ จำกัด ที่อยู่ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์ (02) 526-8115, (02) 968-3041-8 โทรสาร (02) 526-7918, (02) 968-4989

23. ร้านจิรวัฒน์ อุปกรณ์เบเกอรี่ ที่อยู่ แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 455-9453, (02) 801-0204

24.บริษัท ไทยวาชิโนอิเล็คตริค จำกัด 4264 หมู่ 11 ซอยแบริ่ง ถนนสุขุมวิท 107 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ (02) 758-4819 (084) 071-4748

เหยือกทองคำ แท้ๆ



นางแบบสาวรายหนึ่งกำลังรินเบียร์ใส่เหยือกเบียร์ทองคำบริสุทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นสินค้าประจำฤดูร้อนนี้ของร้านเครื่องประดับทานากะ คิคินโซกุ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 17 มิถุนายน โดยเหยือกเบียร์ทำจากทองคำนี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร สูง 13.5 เซนติเมตร หนัก 850 กรัม จำหน่ายในราคา 50,000 ดอลลาร์ (ราว 1,700,000 บาท) (เอเอฟพี)





ที่มา

ร้านก๋วยเตี๋ยว ของคุณเจ๊เหนอ


workdeena จะพามารู้จักกับการทำร้านก๋วยเตี๋ยว เพราะอาชีพอิสระอาชีพนี้เป็นอาชีพที่เกิดขึ้นมากมายในประเทศไทย แล้วทุกคนก็นิยมทาน และนิยมทำ เป็นอาชีพอิสระกันอีกด้วย และร้านก๋วยเตี๋ยวที่ทาง workdeena จะให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก คื่อ "ร้านก๋วยเตี๋ยวแม่ตูน" เจ้าของร้านชื่อ "เจ๊เหนอ"(ตูน เป็นชื่อของลูกเจ๊)

workdeena:- สวัสดี... เจ๊เหนอ วันนี้คนเต็มร้านเลยนะ เอาก๋วยเตี๋ยวไก่ เล็กแห้ ไม่งอก พิเศษลูกชิ้น น้ำซุป 1 ถ้วย นะจ๊ะ แล้วเดี๋ยวขอสัมภาษณ์ เจ๊เหนอนิดนึงนะจ๊ะ จะให้เจ๊เหนอเป็นดาราหน้าเว็บเสียหน่อย ได้ไหม


เจ๊เหนอ:- ได้เลยๆ... แต่เจ๊ขอทำให้ลูกค้าก่อนนะ ทำไมไม่บอกไวก่อนว่าจะขอถ่ายรูปด้วย วันนี้เจ๊ เลยแต่ตัวแต่หน้าไม่สวยเลย

workdeena:- ขอบคุณมาก เจ๊เหนอ ทาง workdeena อยากจะถามเจ๊เหนอว่า เจ๊เหนอทำอาชีพ ขายก๋วยเตี๋ยวมานานหรือยัง


เจ๊เหนอ:- จริงๆ แล้วเจ๊ ไม่ได้ทำอาชีพนี้มาก่อน อาชีพจริงๆ ของเจ๊ก็คือ ทำสวนผัก และผักที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวทั้งหมดก็เอามาจากสวนเจ๊ทั้งนั้น ที่ว่าทำไมเจ๊ถึงมาขายก๋วยเตี๋ยวตอนกลางคืน เพราะเมื่อก่อนตรงร้านนี้มีคนอื่นเขาขายอยู่ก่อนแล้ว แต่เขามีความจำเป็นที่จะต้องกลับบ้านเขาที่ต่างจังหวัด แล้วเขาไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกหรือเปล่า เขาเลยขายต่อให้ เจ๊เห็นว่ากลางคืนว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยเอาทำต่อจากเขา แต่ตอนนั้นก็มีแต่ก๋วยเตี๋ยวเนื้ออย่างเดียวนะ เจ๊ก็เลยมาเพิ่ม เป็น ก๋วยเตี๋ยวไก่ ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำตก ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้ำตก แล้วก็ยังมีอีกหลายอย่าง จะได้มีทางเลือกให้กับลูกค้า เพราะคนเรากินไม่เหมือนกัน

workdeena:- แล้วต่อวันเจ๊เหนอ ต้องลงทุนเท่าไร และได้กำไรเท่าไร ไม่ทราบว่าเจ๊พอจะบอกให้เป็นความรู้ได้ไหม เพื่อว่าถ้าใครได้เข้ามาอ่าน แล้วคิดอยากทำก๋วยเตี๋ยวขายบ้างจะได้รู้ว่าควรเตียมต้นทุนเท่าไร


เจ๊เหนอ:- บอกได้ๆ ไม่รู้จะปิดบังกันไปทำไม เจ๊ใช้ต้นทุนต่อวันประมาณ 2,000 - 3,000 บาท เมื่อก่อนใช้ไม่ถึงหรอก แต่เดี๋ยวนี้ลูกค้ามากขึ้นก็ต้องใช้ทุนเพิ่มขึ้น กำไรต่อวันก็ประมาณ 1,000 - 1,500 บาท กำไรก็เหมือนกันเมื่อก่อนได้ไม่มากเท่านี้ ถ้าหนูๆ คนไหนได้เข้ามาอ่านนะ หนูไม่ต้องกลัวว่าทำร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วจะขายไม่ได้ ใครๆ ก็ชอบก๋วยเตี๋ยว แค่หนูดูทำเลดีๆ และต้องมีความขยัน ความมานะ และความอดทน แค่นี้เราก็ทำได้แล้ว ถึงจะไม่รวยแต่ก็ไม่อดตายนะ

วันนี้ workdeena ต้องขอบคุณ เจ๊เหนอมาก ที่ยอมเสียเวลามาให้สัมภาษณ์ และยังให้ข้อคิดดีๆ กับพวกเราอีก ดังนั้นการที่เราจะทำอาชีพอิสระ อะไรก็ตาม สิ่งสำคัญเราต้องมี ความขยัน มานะ และอดทน เหมือนเช่นที่เจ๊เหนอบอกเอาไว้ แล้วเจอกันใหม่ กับ อาชีพอิสระ อาชีพต่อไปนะ

มอเตอร์ไซขายไอติมของ คุณทิดโม


วันนี้เรามาเจอกันอีกแล้ว พร้อมกับอากาศที่ร้อนเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนี้ ทาง workdeena เลยขอนำเอาอาชีพอิสระ ที่อาจจะทำให้เพื่อนๆ ทุกคนรู้สึกเย็นกันขึ้นมาบ้างนะ นั้นคืออาชีพ "ขายไอศครีม" ของ "ทิดโม" (ทิดโม คือเจ้าของกิจการ) การทำธุรกิจนี้ไม่อยากเลย แต่ต้องทำไอศครีมเป็นนะ

workdeena;- สวัสดีพี่ทิดโม ก่อนที่จะคุยกันขอซื้อไอศครีมสักแท่งนะพี่ ก่อนที่พี่จะมาทำอาชีพอิสระตัวนี้พี่ทำอะไรมาก่อน แล้วทำไม่ถึงคิดทำอาชิพนี้

เจ้าของธุรกิจ;- เมื่อก่อนก็เป็นลูกจ้างตามโรงงานในประเทศไทยก็หลายแห่ง และก็ไปทำงานเก็บผลไม้ที่ประเทศฟินแลน แต่ถึงจะได้เงินมาก็อยากลำบากเหลือเกิน ก็เป็นลูกจ้างเขาเนอะ พอกลับมาเมื่องไทยก็มาคิดว่าจะทำอะไรดี ที่จะสามารถเป็นอาชีพอิสระและเลี้ยงตัวเองได้แบบไม่ลำบากเกินไป ก็มาเจอพ่อค้าไอติม ก็เลยคุยกันก็เห็นว่าดี เลยขอซื้อสูตรจากเขา 5,000บาท (แต่จริงๆ แล้วสูตรทำไอติน หาอ่านได้จากหนังสือที่เกี่ยวกับการทำอาหาร แต่ตอนนั้นผมไม่รู้) และซื้อเครื่องปั่นไอติมอีก 15,000บาท แล้วก็เริ่มทำมานี่ก็ เข้าปีที่ 4 แล้ว

workdeena;-แล้วการทำไอศครีม 1 ถังต้องใช้ทุนเยอะไหม และมีกำไรเท่าไร/วัน แล้วขายที่ไหน เพื่อให้เป็นข้อมูลแก่เพื่อนๆ ที่อย่างมีอาชีพอิสระ และสนใจอยากทำ


เจ้าของธุรกิจ;- การทำไอติม 1 ถังใช้ทุนก็ประมาณ 300 - 400 บาท ถ้าขายหมดถัง ก็ได้กำไรประมาณ 800 - 900 บาทหลังหักต้นทุนแล้ว ถ้าถามถึงว่าขายที่ไหน ผมก็ออกขายทั่วไปตามหมู่บ้าน และตามพวกก่อสร้างบ้าง ผมบอกเลยนะว่าถ้าใครอยากทำ มัีนทำไม่ยากหรอก แต่ต้องไม่อายที่จะขับรถเล่ขายไอติมนะ ผมเคยได้ยินคนเขาบอกว่า "อย่าอายทำกิน" คำนี้มันจริงๆ เลยนะ


ต้องขอบคุณพี่ ทิดโม มากๆ เลยที่ยอมเสียเวลาให้ทาง workdeena ได้พูดคุยกัน (พี่แก่บอกว่าแค่นี้ก่อนนะเพราะเดี๋ยวไม่ทันลูกค้า) และถ้าใครอยากมีอาชีอิสระแบบ พี่เขาก็ลุยเลย ถ้าได้ผลอย่างไงก็เขียนมาคุยกันบางนะ

คุณตุ๊กตา-อาชีพ ข้าวกล่อง 10บาท


วันนี้เป็นอีกวันนึ่งที่ทาง workdeena ได้นำอาชีพอิสระที่ง่าย ๆ ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่คุณมีเงินลงทุนเพียงเล็กน้อย แต่สามารถทำกำไรให้คุณ/วัน ดีทีเดียว อาชีพอิสระที่ว่า ก็คือ "การขายข้าวกล่อง 10บาท" คุณอย่าคิดว่าได้แค่ กล่องละ 10บาทเองนะ แต่ให้คุณลองคิดดูว่าถ้าวันนึ่งคุณขายได้ 100กล่อง ก็ 1,000บาทเชียวนะ ตอนที่เราไปคุยกับ พี่ตุ๊กตาเจ้าของร้าน ทาง workdeena ต้องรอนานมากกว่าจะได้พูดคุยกัน เพราะร้านพี่เขามีลูกค้าเต็มไปหมด และเราก็ได้ถามและพูดคุยกับพี่ตุ๊กตา เกี่ยวกับการทำอาชีพขายข้าวกล่อง

workdeena;- พี่ตุ๊กตาขายมานานหรือยัง ทำไมมีลูกค้าเยอะมาก


เจ้าของอาชีพ;- พี่ขายมาประมาณ 2-3 ปี แลัว แต่เมื่อก่อนนี้พี่ก็เป็นลูกจ้างทำงานในบริษัทเหมือนกัน ที่ออกมา ก็เพราะเบื่องานเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยลองมาทำข้าวกล่องขายดู เพราะแถวบ้านยังไม่มีใครขายเลย แลัวที่ถามว่าทำไมลูกค้าเยอะ พี่ว่าไม่เยอะนะ จะมีลูกค้ามากก็เฉพาะตอนช่วง 7-8โมงเช้า เท่านั้น เพราะลูกค้าต้องรีบไปทำงาน ไม่มีเวลาทำอาหารให้ลูก-และครอบครัว ก็เลยต้องมาซื้อ

workdeena;- แล้วพี่ตุ๊กตาขายทั้งวันไหม หรือขายเฉพาะช่วงเช้า


เจ้าของอาชีพ;- อ๋อ...พี่ไม่ได้ขายทั้งวันหลอก พี่ขายเฉพาะช่วงเช้าและช่วงเย็นเท่านั้น ถ้าเป็นช่วงเช้าก็ตั้งแต่ 6โมงเช้า - 8โมงครึ่ง แต่ถ้าเป็นช่วงเย็นก็ตั้งแต่ 4โมงเย็น - 1ทุ่ม


workdeena;- ทางเราอยากจะให้พี่ตุ๊กตา บอกงบประมาณในการลงทุนให้กับเพื่อน ๆ ที่อยากทำอาชีพนี้บ้างได้ไหม ไม่ทราบว่าพี่ตุ๊กตาสามารถบอกได้หรือเปล่า


เจ้าของอาชีพ;- ได้เลย ๆ...ก็ถ้าใครอยากทำจริง ๆ นะ พี่ก็จะแนะนำให้ แค่เรามี กระทะ แก๊สปิคนิค กล่องโฟม
แค่นี้ก็พอ นอกนั้นก็เป็น เครื่องปรุง และของสด พวกนี้เป็นต้นทุนอีกส่วนนึงนะ ถ้าลงทุนครั้งแรกเลย แบบไม่มีอะไรเลยก็ประมาณ 1,000 - 2,000 บาทไม่เกินนี้ ที่เราต้องลงทุนทุกวันคือของสดก็ประมาณ 400-500บาท/วัน แต่ถ้าใครจะทำต้อง พัดกระเพา เป็นนะ ถ้าใส่ไข่ดาวอย่าลืมคิดเพิ่มเป็น 15บาทด้วยนะ

วันนี้ต้องขอบพี่ตุ๊กตาเป็นอย่างมากที่สละเวลาตอบให้ เพราะพี่เขาคุยไปด้วยและพัดกระเพาไปด้วย เออ..เกือบลืมไป พี่ตุ๊กตาได้บอกเคล็ดลับมาว่า ต้องพัดไปขายไปตรงนั้นเลย เพราะลูกค้าชอบความสดใหม่ และกลิ่นของอาหารยังเรียกลูกค้าได้อีก อ๋อ..ก็เพราะแบบนี้เองร้านพี่เขาถึงได้มีลูกค้ามาก ถ้าใครอยากทำก็ลองนำเอาเคล็ดลับอันนี้ไปใช้ดูนะ ถ้าได้ผลดีอย่างไร ก็บอกกันบ้างแล้วกันนะ

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ"


อ่านพบข้อเตือนใจสำหรับ "มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ" ซึ่งเตือนใจไว้หลายประเด็นต่างๆ แต่ผมพยายามเลือกตัดตอนออกมาเพียง 30 ข้อ (ที่ผมสนใจ)เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ


1. มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
2.จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้
3. ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
4. ต้องคิดว่า "ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร"
5.ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป
6. เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
7.อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
8. เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
9.อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ
10. คิดเข้าข้างตัวเอง
11.คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า
12.การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น "มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ" คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่ง ที่ไร้ค่าในขณะที่ …คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน
13. ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ ทำมาก…มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก ทำมาก...สบายในภายหลัง
14. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
15. คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
16.มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน
17. คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
18.ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใดการขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น
19.ลด ละ เลิก ค่านิยม "ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง"
20.วางแผนการเก็บเงิน โดยใช้เทคนิคง่ายๆ คือ "หลัก 3 บัญชี" คือให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้ ****
บัญชีที่ 1 คือบัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
บัญชีที่ 2 คือบัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
บัญชีที่ 3 คือบัญชีเงินออมเพื่อออกจากงานหรือออมเพื่ออนาคต


21.ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง
22. จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
23. จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
24.จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
25. จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
26.อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
27.อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
28.อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น
29. เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
30.อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก อย่าระบายอารมณ์ลงที่งานและคนอื่น

ขอเพิ่มเติมข้อเตือนใจพิเศษสำหรับคนวัยใกล้เกษียณอย่างผม ที่เขามีข้อเตือนใจว่า
จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง




วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีการ หาเงิน ผ่านเน็ต แบบถูกต้อง - Make Money Online

ทำไมต้องหาเงินผ่านเน็ต หาได้จริงหรือ?ใช่ Work At Home หรือไม่

คลิกป้ายโฆษณา หรือ อ่านเมล์เพื่อเอาตังก์ใช่หรือเปล่า ขายตรงหรือเปล่า

มันมีวิธีการที่หาเงินได้จริง ๆ โดยไม่ถูกหลอกลวงด้วยหรือ? เรื่องจริงของการหาเงินผ่านอินเทอร์เน็ต

สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา โปรโมตให้ดัง

ทำเว็บ E-Commerce ขายของ

ขายของใน Ebay

เป็นนายหน้าขายของให้ผู้อื่น (Affiliate Program)

ติดโฆษณาในเว็บไซต์ของเรา เพื่อหาเงินจากค่าโฆษณา (Publisher Program)

ขายชื่อโดเมนสวย ๆ

ทำ Parking Domain หาตังก์จากคนหลงเข้าไป

เขียน Ebook หรือ หนังสือขาย Online หรือขาย Software

มีอีกนับไม่ถ้วนแต่ส่วนใหญ่แล้ว จะทำกันอยู่แค่นี้แหละครับ

สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา โปรโมตให้ดัง

www.sanook.com

www.metacafe.com

www.myspace.com


ทำเว็บ E-Commerce ขายของ

www.buy.com

www.shop.com

www.tigerdirect.com

www.amazon.com

www.tarad.com

www.thaisecondhand.com

www.2home.com


ขายของใน Ebay

มีสินค้าเป็นของตัวเอง หรือ รับมาอีกต่อหนึ่ง

เอาไปประกาศขายบน Ebay ให้คนประมูล

ส่งของ + รับเงิน

ได้กำไร

เป็นนายหน้าขายของให้ผู้อื่น (Affiliate Program)

www.cj.com

www.clickbank.com

www.linkshare.com

www.come2shop.com

www.smart-review.com

www.googlerich.net

ติดโฆษณาในเว็บไซต์ของเรา เพื่อหาเงินจากค่าโฆษณา (Publisher Program)

www.google.com/adsense

www.adbrite.com

www.auctionads.com

www.overture.com

www.infomadesimple.com

ขายชื่อโดเมนสวย ๆ

www.parked.com

www.godaddy.com


เขียน Ebook หรือ หนังสือขาย Online หรือขาย Software

www.clickbank.com

สรุป

การหาเงินทาง Internet มีได้หลายวิธี

ยากง่ายแตกต่างกันไป

ที่นิยมกันมี 2 วิธีคือ Affiliate Marketing กับ Publisher Program

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประวัติ charice ความกตัญญู เป็นบ่อเกิดของความสำเร็จ

สาวน้อย Charice ดังมากในเมืองนอก ด้วยเสียงที่สุดยอดมาก ที่สามารถร้องกับ Celine Dion ได้อย่างสบายมาก ไปชมความสามารถในการร้องเพลงของเธอกัน คนนี้ต้องยกนิ้วให้จริงๆ


ประวัติ Charice
Charice Pempengco สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งเมืองตากาล็อค



ครั้งแรกที่ได้ดูคลิปนี้นี่ถึงกับขนลุกเลยครับ ทำไมเด็กคนนี้มันเทพขนาดนี้เนี่ย ตัวเล็กกะปิ๊ดเดียวแต่เสียงอย่างกับนักร้องระดับ Diva อย่างเจ๊มาลัย ป้าวิทนี่ย์ เวอร์ชั่นโหลดเตี้ยเลยทีเดียว พอได้ดูคลิปนี้ก็เลยเกิดความสนใจน้องคนนี้ขึ้นมาครับ ก็เลยลองเสิร์ชหาประวัติดูว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วก็ได้พบเรื่องที่น่าทึ่งอีกครั้งครับ

สาวน้อยเสียงเทพคนนี้ชื่อ Charice Pempengco (ชารีส เปมเปงโก) สาวน้อยจากประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเราที่มีชื่อเสียงทางด้าน นักมวย และ นักร้อง อยู่แล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ถึงแม้ว่าเธอจะตัวเล็กเหมือนเด็กอายุไม่เกิน 13 แต่จริงๆ แล้วตอนนี้เธออายุ 17 ปีแล้วครับ

ชารีสเริ่มร้องเพลงตั้งแต่อายุได้สี่ขวบจากการฟังเพลงจากสถานีวิทยุที่แม่เปิดทิ้งไว้เวลาทำงานบ้านแล้วก็ร้องตามวิทยุ และจากเพลงจากสถานีวิทยุนั้นเองที่ทำให้แม่ของชารีสพบว่า ลูกสาวของตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านการร้องเพลงที่พระเจ้ามอบให้มา

แต่ชีวิตของชารีสไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างเจ้าหญิงในนิยาย เพราะครอบครัวของชาีรีสมีฐานะยากจน และพ่อของเธอก็เป็นโรคติดเหล้าอย่างรุนแรงจนกระทั่งวันหนึ่งที่เกิดอาการคลุ้มคลั่งจนเกือบจะฆ่าแม่ของเธอในบ้านต่อหน้าชารีส แต่โชคยังดีที่เพื่อนบ้านเข้ามาช่วยไว้ได้ทันและนับตั้งแต่วันนั้น พ่อและแม่ของชารีสก็แยกทางกันทันที โดยแม่ของชารีสต้องเลี้ยงดูเธอและน้องด้วยตัวคนเดียว

ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะค่อนข้างลำบาก แม่ของเธอต้องทำงานในโรงงานซักอบรีดวันละไม่ต่ำกว่าสิบสองชั่วโมงเพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูลูก ชารีสจึงเริ่มช่วยแม่หารายได้มาเจือจุนครอบครัวด้วยการเริ่มประกวดร้องเพลงชิงรางวัลตั้งแต่อายุ 8 ขวบ (จำได้ไม่ชัวร์ แต่น่าจะราวๆ นี้แหละครับ)

ด้วยพรสวรรค์ในการร้องเพลงที่ไม่ได้รับการฝึกสอนอย่างจริงจังทำให้ทุกคนต่างทึ่งในความสามารถของเธอ และในวันหนึ่งก็มีคนนำคลิปวิดีโอที่ถ่ายตอนชารีสร้องเพลงไปโพสต์บนเว็บยูทูป และจากจุดนั้นเองทำให้ชีวิตของสาวน้อยแห่งเมืองตากาล็อคเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

จากจำนวนผู้เข้าชมคลิปวิดีโอที่เธอร้องเพลงเป็นจำนวนกว่าสิบล้านคนในเวลาอันรวดเร็วนั้น ทำให้รายการสตาร์คิงของประเทศเกาหลีสนใจนำเธอไปออกรายการดังคลิปข้างบนที่เอามาแปะให้ดู ก็ยิ่งทำให้ชารีสเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนในที่สุด ดวงมหาเฮงของแม่สาวตัวก็เปี๊ยกนี่ก็ประทับร่าง เมื่อเจ้าแม่ทอล์กโชว์ของเมืองลุงแซมอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ ได้ดูคลิปวิดีโอนั้น แล้วนำเธอมาออกรายการเมื่อปีที่แล้วตามคลิปนี้ครับ


เรื่องราวอาจจะเหมือนแค่ฝันเพียงชั่วข้ามคืนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไป แต่ดูเหมือนกับจะไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อโอปราห์เห็นความสามารถที่ชาีรีสแสดงในรายการของตน และคิดว่าคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าหากว่าเพชรเม็ดนี้จะไม่ได้รับการเจียรไน โอปราห์จึงแนะนำให้ชาีรีสได้พบกับ เดวิด ฟอสเตอร์ นักร้อง นักดนตรี และโปรดิวเซอร์ชื่อดังระดับโลก ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ วิทนี่ย์ ฮุสตัน, ซิลีน ดิออน, และไมเคิล บูเบล ซึ่งเดวิด ฟอสเตอร์เองพอได้เห็นพรสวรรค์ของชารีสก็ถึงกับเอ่ยปากชวนให้เธอมาร่วมงานกับเขา

แต่เรื่องราวดีๆ ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อความฝันอันสูงสุดของชารีส ซึ่งก็คือ การได้ร่วมร้องเพลงกับดีว่าระดับเทพอย่าง ซิลีน ดิออน นั้นเป็นจริงขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือของโอปราห์ (โห ป้าจะน้ำใจมหาสมุทรไปไหนเนี่ย) ซึ่งได้โทรศัพท์ไปพูดคุยและเล่าเรื่องราวความกตัญญูและความมหัศจรรย์ของชารีสให้กับซิลีนฟัง ซิลีนจึงได้ชวนให้ชารีสไปร่วมร้องเพลงกับเธอในคอนเสิร์ตที่เมดิสันสแควร์การ์เด้นท์ ในเพลง Because you love me ที่เป็นเพลงที่ชารีสตั้งใจร้องให้กับแม่ของเธอ



หลังจากคอนเสิร์ตในครั้งนั้น ก็ทำให้ชารีสเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศอเมริกาและทั่วโลกครับ และตอนนี้ก็มีอัลบั้มเดี่ยวออกมาแล้วด้วย จากเรื่องราวทั้งหมดทำให้ตัวเองได้ข้อคิดมาว่า คนที่...กตัญญูต่อพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณนั้นมักจะเจริญทุกคน และคนที่ไม่ยอมท้อถอยต่ออุปสรรคก็จะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างที่ชารีสเป็นนี่แหละครับ

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

16 อาชีพชายหนุ่มที่หญิงสาวไม่ควรแต่งงานด้วย*


1. หมอ
เพราะหมอชอบบอกให้คนไข้หายใจแรงๆ และร้องอา...ห์ยาวๆ ตลอดทั้งวัน ฟังแล้วโรคจิตพิกล


2. ทหาร
เพราะทหารตัวใหญ่ แข็งแรง อึด แล้วก้ชอบบอกว่า ยก...ก อาวุธ! แบกอาวุธ! แล้วก้เล็งอาวุธ! เป็นบางทีมันก้ดีอยู่หรอก แต่บ่อยๆ ห้องนอนมันจะกลายเป็นสนามรบเอา


3. นักกีฬา
เพราะนักกีฬาจ้องแต่จะทำลายสถิติ อยู่บ้านเฉยๆ ก้สะกิดแล้วสะกิดอีก "หมู่นี้สถิติตกไปนะเธอ มาทำลายสถิติกันเถอะ"


4. นักร้อง
เพราะนักร้องบางคน ชอบมีไมค์ส่วนตัวหลายอัน


5. คนขับแท๊กซี่
เพราะชอบฝ่าไฟแดง แถมยังปาดซ้ายปาดขวาไปมา


6. กระเป๋ารถเมล์
เพราะแค่เริ่มเดินเครื่อง ก้ตะโกนสั่ง ชิดในทันที!


7. ผู้กำกับการสดง
เพราะผู้กำกับใหญ่ๆ เอะอะอะไรก้สั่ง "เอาอีกเทคๆ"


8. ดารา
เพราะดาราชอบร้องไห้ ร้องทั้งวันทั้งคืน ก้หมดอารมณ์อ่าดิ


9. นักเล่นหุ้น
เพราะเด๋ยวเกิดอารมณ์ขึ้นๆลงๆตามหุ้น วันไหนไม่พอใจก้อาจขายทิ้งซะงั้น


10. นักเล่นกล้าม
เพราะนักเนกล้ามหน้าอกใหญ่กว่าของสาวๆ จะกลายเป็นปมด้อยของสาวๆแทน


11. พ่อครัวเบเกอร์รี่
เพราะถึงแม้จะน่าติดใจในรสชาติของขนม แต่สาวๆก้ควรคำนึงว่า วันๆพ่อครัว"ตีไข่"ไปไม่รุ้กี่รอบทั้งวัน


12.ทนาย
เพราะเอะอะอะไร ทนายก้จะพูดแทนเราทุกอย่าง


13. ครู
เพราะพกวนี้จะชอบสั่งสอนเป็นวิสัย และพอสอนเสร็จก้จะถามว่าเข้าใจไหม และถ้าตอบว่าเข้าใจ ก้จะให้"การบ้าน"ไปทำอีก และชอบบอกว่าเก่งมากๆ เอาอีก เอาอีก


14. พนักงานแคชเชียร์
เพราะพวกนี้เวลากำลังยุ่งทีไร ชอบบอกว่า "เข้าช่องถัดไปได้ไหมครับ?"


15. พนักงานรถไฟ
เพราะรถไฟของพวกเขาชอบร้องว่า "ถึงก้ช่าง ไม่ถึงก้ช่าง"


16. นักสนุ๊กเกอร์
เพราะพวกนี้เล็งตั้งนาน แต่แทงทีเดียว ลงหลุมเลย

ปล. ดีน่ะ ที่ยังเหลือหนุ่มติสเอาไว้ให้ กร๊ากกกกก~

โรคไข้หวัดใหญ่ ที่เราต้องเรียนรู้


ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุใหม่

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ข้อแตกต่างระหว่างไข้หวัด เชื้อไข้หวัดใหญ

ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดต่างกันอย่างไร

ไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อ Influenza virus เป็นการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจ เชื้ออาจจะลามเข้าปอดทำให้เกิดปอดบวม ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดตามตัวปวดกล้ามเนื้อมาก จะพบมากทุกอายุโดยเฉพาะในเด็กจะพบมากเป็นพิเศษ แต่อัตราการเสียชีวิตมักจะพบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคไต เป็นต้น การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด สามารถลดอัตราการติดเชื้อ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดโรคแทรกซ้อน ลดการหยุดงานหรือหยุดเรียน

สำหรับไข้หวัดเป็นการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล ไข้ไม่สูงมาก

ในปี คศ.2003 ได้มีการแนะนำเรื่องไข้หวัดใหญ่ดังนี้

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน(เนื่องจากเชื้อนี้มักจะระบาดในต่างประเทศ หากประเทศเราจะฉีดก็น่าจะเป็นช่วงเดียวกัน) โดยเน้นไปที่ประชาชนที่มีอายุ 50 ปี,เด็กอายุ 6-23 เดือน,คนที่อายุ 2-49 ปีที่มีโรคประจำตัวกลุ่มนี้ให้ฉีดในเดือนตุลาคม ส่วนกลุ่มอื่น เช่นเด็ก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ดูแลคนป่วย กลุ่มนี้ให้ฉีดเดือนพฤศจิกายน
เด็กที่อายุ 6-23 เดือนควรจะฉีดทุกรายโดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย
ชนิดของวัคซีนที่จะฉีดให้ใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของเชื้อ A/Moscow/10/99 (H3N2)-like, A/New Caledonia/20/99 (H1N1)-like, และ B/Hong Kong/330/2001
ให้ลดปริมาณสาร thimerosal ซึ่งเป็นสารปรอท
เชื้อที่เป็นสาเหตุ

การติดต่อ

เชื้อนี้ติดต่อได้ง่ายโดยทางเดินหายใจ วิธีการติดต่อได้แก่

ติดต่อโดยการไอหรือจาม เชื้อจะเข้าทางเยื่อบุตาและปาก
สัมผัสเสมหะของผู้ป่วยทางแก้วน้ำ ผ้า จูบ
สัมผัสทางมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
อาการของโรค

ระยะฟักตัวประมาณ1-4 วันเฉลี่ย 2 วัน
ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน
เบื่ออาหาร คลื่นไส้
ปวดศรีษะอย่างรุนแรง
ปวดแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบกระบอกตา
ไข้สูง 39-40 องศา
เจ็บคอคอแดง มีน้ำมูกไหล
ไอแห้งๆ ตาแดง
อาการไข้ คลื่นไส้อาเจียนจะหายใน 2 วัน แต่อาการน้ำมูกไหลคัดจมูกอาจจะอยู่ได้ 1 สัปดาห์
สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงมักจะเกิดในผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว
อาจจะพบว่ามีการอักเสบของเยื่อหุ่มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ
อาจจะมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดศรีษะ ซึมลง หมดสติ
ระบบหายใจอาจจะมีอาการของโรคปอดบวม จะหอบหายใจเหนื่อยจนถึงหายใจวาย
โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่จะหายในไม่กี่วัน แต่ก็มีบางรายซึ่งอาจจะมีอาการปวดข้อและไอได้ถึง 2 สัปดาห์
ระยะติดต่อ

ระยะติดต่อหมายถึงระยะเวลาที่เชื้อสามารถติดต่อไปยังผู้อื่น

ระยะเวลาที่ติดต่อคนอื่นคือ 1 วันก่อนเกิดอาการ
ห้าวันหลังจากมีอาการ
ในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้นาน 10 วัน
การวินิจฉัย

การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่จะอาศัยระบาดวิทยาโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด และอาการของผู้ป่วย การวินิจฉัยที่แน่นอนต้องทำการตรวจดังนี้

นำเอาเสมหะจากจมูกหรือคอไปเพาะเชื้อไวรัส
เจาะเลือดผู้ป่วยหาภูมิ 2 ครั้งโดยครั้งที่สองห่างจากครั้งแรก 14 วัน
การตรวจหา Antigen
การตรวจโดยวิธี PCR,Imunofluorescent
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ

ผู้ป่วยอาจจะมีอาการกำเริบของโรคที่เป็นอยู่ เช่นหัวใจวาย หรือหายใจวาย
มีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ เช่น ปอดบวม ฝีในปอด
เชื้ออาจจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การรักษา

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะหายเอง หากมีอาการไม่มากอาจจะดูแลเองที่บ้าน วิธีการดูแลมีดังนี้

ให้นอนพักไม่ควรจะออกกำลังกาย
ให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือดื่มน้ำผลไม้ ไม่ควรดื่มน้ำเปล่ามากเกินไปเพราะอาจจะขาดเกลือแร่
รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้ใช้ผ้าชุมน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลงให้รับประทาน paracetamol ไม่แนะนำให้ aspirinในคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปีเพราะอาจจะทำให้เกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า Reye syndrome
ถ้าไอมากก็รับประทานยาแก้ไอ แต่ในเด็กเล็กไม่ควรซื้อยารับประทาน
สำหรับผู้ที่เจ็บคออาจจะใช้น้ำ 1 แก้วผสมเกลือ 1 ช้อนกรวกคอ
อย่าสั่งน้ำมูกแรงๆเพราะอาจจะทำให้เชื้อลุกลาม
ในช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์สาธรณะ ลูกบิดประตู
เวลาไอหรือจามต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก
ช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงสถามที่สาธารณะ
ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์เมื่อไร

แม้ว่าไข้หวัดใหญ่จะหายได้เอง แต่ผู้ป่วยบางรายมีโรคแทรกซ้อน ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์

ผู้ป่วยเด็กควรปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้

ไข้สูงและเป็นมานาน
ให้ยาลดไข้แล้วไข้ยังเกิน 38.5องศา
หายใจหอบหรือหายใจลำบาก
มีอาการมากกว่า 7 วัน
ผิวสีม่วง
เด็กดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารไม่พอ
เด็กซึม หรือไม่เล่น
เด็กไข้ลด แต่อาการไม่ดีขึ้น
สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้พบแพทย์

ไข้สูงและเป็นมานาน
หายใจลำบาก หรือหายใจหอบ
เจ็บหรือแน่นหน้าอก
หน้ามืดเป็นลม
สับสน
อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได
กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่เสี่งต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน ควรจะพบแพทย์เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่

ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด
คนท้อง
คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
ผู้ป่วยโรคเอดส์
ผู้ที่พักในสถาพเลี้ยงคนชรา
ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการเหล่านี้ควรจะรักษาในโรงพยาบาล

มีอาการขาดน้ำไม่สามารถดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอ
เสมหะมีเลือดปน
หายใจลำบาก หายใจหอบ
ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วงเขียว
ไข้สูงมากเพ้อ
มีอาการไข้และไอหลังจากไข้หวัดหายแล้ว
การรักษาในโรงพยาบาล

แพทย์จะให้น้ำเกลือสำหรับผู้ที่ดื่มน้ำไม่พอ
ผู้ป่วยเหล่านี้ควรจะได้รับยา Amantadine หรือ rimantidine เพื่อให้หายเร็วและลดความรุนแรงของโรค ควรจะให้ใน 48 ชมหลังจากมีไข้ และให้ต่อ 5-7 วัน ยานี่ไม่ได้ลดโรคแทรกซ้อน
ให้ยาลดน้ำมูกหากมีน้ำมูก
ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนไม่ควรให้ยาปฎิชีวนะ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะหายใน 2-3 วันไข้จะหายใน 7 วันอาการอ่อนเพลียอาจจะอยู่ได้ 1-2 สัปดาห์

การป้องกัน

ล้างมือบ่อยๆ
อย่าเอามือเข้าปากหรือขยี้ตา
อย่าใช้ของส่วนตัว เช่นผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ร่วมกับผู้อื่น
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ให้พักที่บ้านเมื่อเวลาป่วย
เวลาไอจามใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก
การฉีดวัคซีน

การป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน ซึ่งทำจากเชื้อที่ตายแล้วโดยฉีดทีแขนปีละครั้ง หลังฉีด 2 สัปดาห์ภูมิจึงขึ้นสูงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ แต่การฉีดจะต้องเลือกผู้ป่วยดังต่อไปนี้

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวเช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเอดส์
หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่
ผู้ที่อาศัยในสถานเลี้ยงคนชรา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง
นักเรียนที่อยู่รวมกัน
ผู้ที่จะไปเที่ยวยังที่ระบาดของไข้หวัดใหญ่
ผู้ที่ต้องการลดการติดเชื้อ
การใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่เพื่อรักษา

Amantadine and Ramantadine เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาไวรัสไๆข้หวัดใหญ่ชนิด A ไม่ครอบคลุมชนิด B
Zanamivir Oseltamivir เป็นยาที่รักษาได้ทั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิด A,B
การให้ยาภายใน 2 วันหลังเกิดอาการจะลดระยะเวลาเป็นโรค
จะใช้ยารักษาไข้หวัดกับคนกลุ่มใด

เราจะใช้ยากับคนกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโรคกลุ่มที่ควรจะได้รับยารักษาได้แก่

คนที่อายุมากกว่า 65 ปี
เด็กอายุ 6-23 เดือน
คนท้อง
คนที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ
การให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่

ยาที่่ได้รับการรับรองว่าใช้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้แก่ Amantadine Ramantadine Oseltamivir วิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน แต่ก็มีบางกรณีที่จำเป็นต้องให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่

ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับวัคซีนไม่ทัน ทำให้ต้องได้รับยาในช่วงที่มีการระบาดของโรค
ผู้ที่ดูดแลกลุ่มเสี่ยงและไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ควรจะได้รับยาในช่วงที่มีการระบาดของโรค
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่นโรคเอดส์
กลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่อยากเป็นโรค
คำแนะนำการใช้ยาในเด็ก

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำอย่างไร?เมื่อคุณไม่มีความสุขในการทำงาน



หลาย ๆ คนอาจจะเกิดความเครียดและเบื่อหน่ายกับงานที่ทำอยู่นะคะ ก็มีหลายคนได้มาปรึกษาปัญหาเรื่องงานบ้าง ก็อยากจะลาออก และบ้างก็ถามว่าแล้วจะปรับตัวอย่างไรหากเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำอยู่

อยากจะฝากข้อคิดไว้ประการหนึ่งนะคะว่า ถ้าหากมีอิสรภาพทางการเงินซึ่งหมายถึงว่า การที่มีเงินที่ใช้สอยได้ไม่เดือดร้อนแล้วก็ “สามารถเลือกที่ทำในสิ่งที่คุณรัก” แต่ถ้าหากยังมีเงินไม่พอที่จะใช้จ่ายแล้ว “ก็ต้อง (พยายาม) รักในงานที่ทำ”

การจะรักในงานที่ตนเองทำอยู่นั้นอาจจะเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก และเห็นคน วัยหนุ่มสาวในปัจจุบันจะมีความอดทนค่อนข้างต่ำ พอรู้สึกไม่พอใจ/ไม่ถูกใจกับงานหรือกับคนร่วมงานก็จะคิดจะลาออก

การลาออกไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา เพราะจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของตัวเอง หรือคนที่รู้จัก ทั้งที่เป็นเพื่อนฝูงและญาติพี่น้อง ก็ได้ยินทุกคนบ่นถึงปัญหาในที่ทำงานของตนเองแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน ราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ ธุรกิจเอกชน เพียงแต่ปัญหาจะมากจะน้อยเท่านั้น ดังนั้นการย้ายงานจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่ง ก็จะเผชิญกับปัญหาในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง

ดังนั้นการที่จะทำใจให้รักกับงานก็คงจะต้องพยายามคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้

(1) ความจำเป็นของรายได้สำหรับมาเลี้ยงตนเองและสมาชิกในครอบครัว เพราะการมีรายได้สำหรับเลี้ยงตนเอง ทำให้ตนเองอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น การจะต้องพึ่งพาคนอื่นที่แม้จะเป็นญาติพี่น้องแล้ว อาจจะเป็นไปได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวหรือเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากพ่อแม่แล้ว คนที่จะมารับภาระ หรืออุปถัมภ์เราตลอดไป คงจะเป็นไป ได้ยาก

ดังนั้นอย่าด่วนผลุนผลันลาออกจากงาน ควรจะตริตรองดูว่าอะไรคือปัญหาเกิดจากตัวเรา เกิดจากเพื่อนร่วมงาน หรือ เกิดจากระบบ และวัฒนธรรมขององค์กร และพิจารณา ดูว่า เราจะสามารถปรับตัวเราได้หรือไม่ เราไม่สามารถปรับเปลี่ยนเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานได้ ถ้าเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจะปรับตนเองได้ จึงตัดสินว่าขั้นสุดท้ายถึงการลาออก ก่อนจะลาออกก็ท่องสโลแกนที่เคยฮิตในยุคหนึ่งว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” พยายามท่องไว้ให้ขึ้นใจ

(2) ให้เห็นคุณค่าของงาน ทั้งนี้งานอาชีพที่สุจริตทุกชนิดล้วนแต่มีคุณค่าของตนเองทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นงานระดับล่าง เช่น เสมียน ภารโรง หรือพนักงานทำความสะอาด ต่างเป็นกลไกหนึ่งขององค์กร และทำงานในส่วนที่รับผิดชอบให้ดีที่สุดด้วยความขยันหมั่นเพียร การทำงานที่เท่ากับคนอื่นทำก็จะได้เท่ากับคนอื่น การทำงานจะต้องทำให้มีผลงานที่ดีและในวันหนึ่งก็จะเป็นที่ประจักษ์รับรู้ของบุคคลอื่นและเมื่องานที่เราทำได้รับการยอมรับ

(3) มองถึงคนอื่นที่ด้อยกว่าตนเอง เพื่อสร้างกำลังในการทำงานต้องคิดดูว่าเราโชคดี ที่ยังมีงานทำ ในขณะที่คนอื่นอีกจำนวนมากกำลังตกงานหรือหางาน การจะมองแต่บุคคลที่อยู่สูงกว่าเราก็อาจจะทำให้หดหู่ท้อถอย ดังนั้นการมองว่าคนอื่นที่ยากลำบากกว่าเราก็ยังมีอยู่มาก

(4) ทำใจให้รักกับงาน ถ้าคิดว่างานดูน่าเบื่อหน่าย ก็จะทำให้ไม่อยากจะทำงาน ดังนั้นจึงต้องคิดปรับปรุงและพัฒนางานให้ท้าทาย น่าสนใจ ว่าเราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ซึ่งถ้าหากทำได้สำเร็จก็จะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่ก้าวข้ามความเบื่อหน่ายจากงานประจำ

หวังว่าคงจะเป็นข้อคิดให้สำหรับคนที่กำลังเซ็งและเบื่อหน่ายกับงานนะคะ และถ้าหากจะตัดสินใจลาออกจากงานจริง ก็เสนอให้ลาพักร้อน เพื่อใช้เวลาสำหรับการไตร่ตรองดูก่อน.

ขอบคุณที่มา เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=70230&NewsType=2&Template=1



'รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2552'



ผลจากการสำรวจเกษตรกรและผู้สนใจ ที่สนใจในอาชีพเกษตรกรรมทั่วประเทศ พบว่างานเกษตรกรรมที่ทำง่าย ๆ และ สร้างรายได้เร็วนั้นมักจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลว่ามีการลงทุนน้อย, ใช้พื้นที่ไม่มาก, สามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้, มีการใช้สารเคมีน้อยและที่สำคัญ ได้เงินเร็ว จากการนำข้อมูลอาชีพเกษตร กรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจและนำมาเผยแพร่ผ่านทางหน้าเกษตรเดลินิวส์ หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมานั้น มีหลายอาชีพได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ

คุณสมบูรณ์ วงศา เกษตรกร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกมะขามหวานและมะม่วงมาเริ่มต้นด้วยการปลูกพริกไทยสดเพียง 30 หลัก ผลผลิตดกและขายได้ราคาดีและไม่พบปัญหาทางด้านการตลาด ปัจจุบันมีรายได้จากการเก็บผลผลิตพริกไทยสดที่ปลูกจำนวน 105 หลักที่มีอายุต้นเฉลี่ย 8 ปีเป็นเงินประมาณ 200,000 บาทต่อปี สร้างรายได้สูงกว่าไม้ผลที่เคยปลูก มาทุกชนิดและใช้พื้นที่ปลูกไม่มากนัก พริกไทยสดเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตเร็วปลูกไปเพียง 14 เดือน จะเริ่มให้ผลผลิตขายได้บ้างและให้ผลผลิตเต็มที่เมื่อต้นมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป คุณสมบูรณ์บอกว่าราคาพริกไทยสดจะแพงมากในช่วงปีใหม่ไปจนตลอดฤดูแล้งและมีราคาถูกที่สุด ในช่วงฤดูฝนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 ราคาขายพริกไทยสดจากสวนได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 150 บาท ในขณะ ที่เดือนสิงหาคม 2551 ราคาต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัม ละ 50 บาท

คุณกุหลาบ ทรายแก้ว เกษตรกร จ.กำแพงเพชร ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกตะไคร้หยวก ซึ่งมีลำต้น อวบอ้วน กลิ่นฉุนเล็กน้อยโดยปลูกแซม ในสวนฝรั่งแป้นสีทอง ทำ รายได้เสริมให้แก่ครอบครัวได้เป็นอย่างดีและยังได้บอกถึงเทคนิคในการปลูกตะไคร้ที่เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปัก ต้นตะไคร้ลงตรง ๆ บริเวณกลางหลุมปลูก ธรรมชาติของต้นตะไคร้จะมีการแตกกอจากตรงกลางหลุม แล้วขยายกอออกไปหาขอบหลุม เมื่อต้นตะไคร้แก่จะอยู่บริเวณกลางกอ จะทำให้เราเก็บเกี่ยวตะไคร้ได้ยาก เพราะใบตะไคร้จะบาดมือและแขนคนเก็บ วิธีปลูกที่ถูกต้องควรจะปักต้นตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ปักให้รอบเป็นวงกลมบริเวณขอบหลุมโดยปลูกหลุมละ 4-6 ต้น คุณกุหลาบบอกว่าราคาขายตะไคร้ จะยืนพื้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท และ ขายได้ราคากิโลกรัมละ 8-10 บาท ในช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม-เมษายน และ ช่วงเทศกาลต่าง ๆ

การปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ นับเป็นอาชีพยอดฮิตในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เนื้อที่น้อย, ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถใช้แรงงานในครัวเรือน ได้ คุณพิชัย ลัยนันทน์ เกษตรกร จ.สุโขทัยมีประสบการณ์ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์มานานถึง 8 ปี ถือเป็นเกษตรกรรายหนึ่งที่เป็นต้นตำรับในการปลูกมะนาวรูปแบบนี้ หลักการสำคัญของการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์คือดินผสมที่ใช้ปลูกจะใช้หน้าดิน 3 ส่วน, ขี้วัวเก่า 1 ส่วนและเปลือกถั่วเขียว 2 ส่วนผสมให้เข้ากัน (เปลือกถั่วเขียวจะช่วยให้ดินที่ปลูกมีการระบายน้ำที่ดี) ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้เหมือนกับที่ลงปลูกในดิน โดยใช้หลักการ ในช่วงฝนทิ้งช่วง ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยในช่วงทั้ง 2 เดือนนี้ จะต้องงดการให้น้ำอย่างเด็ดขาด เมื่อฝนทิ้งช่วงนานประมาณ 10-15 วัน ฉีดกระตุ้นให้ออกดอกจะได้ผลผลิตมะนาวหน้าแล้ง ออกจำหน่ายได้ในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ซึ่งมีราคาแพงที่สุด

“การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม แบบคอนโด” เป็นงานทดลอง และมีสถานีประมงน้ำจืดชัยนาทเป็นผู้ริเริ่มในช่วงที่คุณสนธิพันธ์ ผาสุขดี เป็นหัวหน้าสถานีฯ เมื่อปี พ.ศ. 2544 จากแนวคิดที่ว่ากุ้งก้ามกรามที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติมักจะชอบอาศัยอยู่ตามซอกหินที่ใช้พื้นที่ไม่มากนักและกุ้งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง จึงมีการตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะนำกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงในขวดพลาสติกได้ เพียงแต่ยึดหลักว่าเลี้ยงใน ระบบปิด น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ระบบการกรองและการ หมุนเวียนน้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพ จากการที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติกขนาดบรรุจุ 5 ลิตร พบปัญหากุ้งตายเกิดจากพื้นที่แคบเกินไปทำให้กุ้งลอกคราบไม่ได้ เปลี่ยนมาใช้ตู้กระจกขนาดบรรจุ 16-17 ลิตร พบว่าปัญหาเรื่องกุ้งตายหมดไป แต่ถ้าเกษตรกรคิดจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ควรจะเลี้ยงในตะกร้าพลาสติก, เลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชังเลี้ยงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและการจัดการเรื่องระบบการหมุนเวียนน้ำ การเลี้ยงกุ้งแบบคอนโดจะได้กุ้งที่มีขนาดน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 600-700 บาท

“การเลี้ยงปลาไหลนาในยางรถจักรยานยนต์เก่า” เป็นความพยายามที่จะหาวิธีการเลี้ยงปลาไหลนาด้วยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติและเป็นการนำเอาวัสดุเหลือใช้มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าปลาไหลทนทานในน้ำที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดีและไม่ชอบสภาพน้ำลึก ปัจจุบันประชากรปลาไหล นาที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเกือบทั้งหมดจับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ความต้องการในการบริโภคปลาไหลนาของคนไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปลาไหลนาจัดเป็นปลาที่มีปริมาณไขมันต่ำที่สุดชนิดหนึ่ง

คุณวิโรจน์ เทียนขาว เกษตรกรจาก จ.นครสวรรค์ มีอาชีพปลูกกระชายมานานกว่า 20 ปี และรูปแบบในการปลูกกระชายของคุณวิโรจน์น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของการทำการเกษตรแบบพอเพียง เนื่องจากปลูกแซมในสวนผลไม้ จากที่กระชายทำรายได้รองเปลี่ยนมาเป็นรายได้หลักในปัจจุบัน และได้ฝากถึงเกษตรกรที่จะปลูกกระชายแซมในสวนผลไม้แนะนำว่าไม่ควรปลูกแซมในสวนมะยงชิดและสวนมะขามหวาน เนื่องจากต้นกระชายจะยุบตายก่อนที่จะลงหัว แต่ถ้าปลูกในร่มเงาของไม้ผลอื่น ๆ เช่น ขนุน มะม่วง กล้วยหรือสะเดา การเจริญเติบโต และการลงหัวของกระชายจะดีมาก

มีการคาดการณ์กันว่าในปีหน้า (พ.ศ.2552) สภาพเศรษฐกิจ ของทั่วโลกจะชะลอตัวลงซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยมีผลทำให้มีการเลิกจ้างแรงงานเป็นจำนวน มาก ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกจนเกินเหตุ และหมดกำลังใจ เนื่องจากยังมีอาชีพเกษตรกรรมอีกมากมายที่ทำได้ง่าย ๆ และพอเลี้ยงชีพได้ ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นโดยใช้ชีวิตอย่างพอเพียงดังคำขวัญของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร บิดาแห่งวงการเกษตรแผนใหม่ที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” หน้าเกษตรเดลินิวส์ขอเป็นกำลังใจให้กับเกษตรกรไทยทุกคนได้ต่อสู้กันต่อไปและใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

คนจับแมลงขาย อาชีพเสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยว


แสงไฟสีแสดมองเห็นไกลลิบอยู่กลางทุ่งนายามดึก โดยมีถุงพลาสติกสีขาวผูกติดเข้ากับลำไม้ไผ่ขนาดเล็ก ซึ่งกางคลุมเหนือหลอดนีออนอีกชั้น ขณะที่พื้นด้านล่างมีกะละมังใส่น้ำวางเรียงรายล้อมรอบเป็นวงกลม เพื่อเป็นภาชนะสำหรับดักแมลง ที่ทั้งลุงต้อยและปอนด์สองพ่อลูกยึดเป็นอาชีพเสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าว

ทุกปีช่วงฤดูหนาวมาเยือนถือเป็นสัญญาณบอกว่า ถึงเวลาออกดักแมลงตามท้องทุ่ง ซึ่งจะสว่างไสวด้วยแสงไฟสีแสดล่อแมลงให้มาติดกับ ส่วนใหญ่แมลงที่ดักจับได้มีทั้ง แมงเหนี่ยง แมงดา จิ้งหรีด แมงกระชอน และแมงตับเต่า แมลงเม่า

หลายปีมานี้ลุงต้อยมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 3,000-4,000 บาท จากการที่ออกดักแมลงกับลูกชาย วันไหนได้เยอะก็จะแบ่งขายสด และคัดแยกนำ ไปคั่ว ทอด เตรียมไปขายตามงานวัดย่านจังหวัดบุรีรัมย์เรียกว่าสามารถมีรายได้จุนเจือครอบครัว ถึงสองทาง

ลุงต้อยเล่าว่า วันนี้นิยมกินแมลงเป็นอาหารกันมาก น่าจะมาจากวัฒนธรรมการบริโภคและภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดต่อกันมาตามสภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าราคาแมลงจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ตั๊กแตนปาทังกา แต่ก่อนกิโลกรัมละ 40 บาท แต่ตอนนี้กิโลละ 400 แล้วยังไม่พอกับความต้องการของตลาด

“แมลงมีตลาดค่อนข้างกว้างเพราะเป็นอาหารที่แปลก จึงมีคนอยากทดลองกิน โอกาสในการทำตลาดจึงสูง คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งใจมาตลาดนัดเพื่อซื้อแมลง แต่เป็นเพราะเขาเดินผ่านมาและเห็นว่ามันแปลกก็เลยลองกิน ในเรื่องคู่แข่งมีน้อยมากเพราะส่วนใหญ่จะเป็นรถเข็นที่ขายแมลงทอดตามงาน วัดยังไม่มีระบบในการทำธุรกิจอย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม การดักจับแมลง ถ้าไม่รู้ทิศทางลมหรือมีความชำนาญก็จะทำได้ลำบากเพราะแมลงค่อนข้างบินกระจายในที่นาผืนหนึ่ง อาจอยู่กระจัดกระจายตามทิศทางลมและบริเวณที่ชื้นแฉะใกล้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะคืนที่อากาศอบอ้าวแมลงจะลงเยอะ แต่ถ้าคืนไหนมีอากาศเย็นแมลงจะมีน้อยมาก นอกจากนี้แสงของนีออนจะมีผลต่อการล่อจับแมลงแต่ละชนิดด้วย ตัวอย่างเช่น แมงดาจะชอบแสงสีม่วงอ่อน ทำให้แมงดาเข้ามาเล่นไฟและติดกับดักได้โดยง่าย

อาชีพนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวนี้มีคนทำกันเยอะอยู่ที่ความชำนาญ แต่ถ้ามีฝีมือและสูตรการทอดแมลงให้มีรสชาติถูกปาก ก็จะช่วยให้มีรายได้มากขึ้นได้ไม่ยากนัก

โดย : เดลินิวส์

' ปลากะตักแปรรูป ' อีกหนึ่งอาชีพเสริม NEW


ปลากะตัก เป็นปลาผิวน้ำขนาดเล็กที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นว่า “ปลาฉิ้งฉั้ง” หรือ “บูร่า” (ลูกปลากะตัก) ซึ่งมีการแพร่กระจาย อยู่ทั่วไปตลอดแนวชายฝั่งอันดามันในระดับความลึก 5-70 เมตร พบมากแถบ จ.สตูล จ.พังงา และ จ.ระนอง โดยปกติแหล่งทำการประมงจะมีการทำประมงอย่างหนาแน่นในบริเวณอ่าวพังงาเพราะสามารถทำประมงได้เกือบตลอดทั้งปี ส่วนชนิดที่พบยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่ชนิด แต่ที่พบได้แก่ ปลากะตักหัวแหลม ปลากะตักส่วนใหญ่ ที่จับได้จะนำมาต้มตากแห้ง เพื่อจำหน่ายทั้งภาย ในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เป็นต้น


ไข่ปลากะตักจะแพร่กระจายอยู่ทั่วไปทุกเดือน แต่จะพบหนาแน่นอยู่สองช่วงด้วยกันคือ ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน และกรกฎาคม-กันยายน ในบริเวณห่างฝั่ง 10-30 ไมล์ทะเล ในระดับความลึกต่าง ๆ กันขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมของในแต่ละพื้นที่นั้น ๆ


การผสมพันธุ์ของปลากะตักเป็นแบบรวมฝูง พ่อ-แม่พันธุ์จะปล่อยไข่และน้ำเชื้อออกมาผสมกันในน้ำ ขนาดปลากะตักหัวแหลม ที่โตเต็มวัยที่จะผสมพันธุ์ได้นั้นมีขนาดความยาวเหยียดประมาณ 60-80 มม. ซึ่งจะมีไข่ประมาณ 1,588 ฟอง และพบมากในเดือนธันวาคม-มกราคม ในบริเวณอ่าวไทยตอนใน


ชาวบ้านที่ยึดอาชีพเสริมต้มปลากะตักนั้นส่วนใหญ่หลังจากเสร็จงานประจำ แต่บางคนก็สามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้เลย ซึ่งปกติแล้วปลากะตักส่วนใหญ่จะสั่งมาจาก จ.สตูล และ จ.ปัตตานี ในกิโลกรัมละ 11 บาท จากนั้นก็นำมาต้มโดยตั้งน้ำให้เดือดก่อนที่จะใส่ปลาลงไปและต้องใส่เกลือลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ (ปลาสด 25-30 กก. ต่อ เกลือ 0.5-1 กก.) จากนั้นก็นำไปตากจนแห้งสนิท แล้วใส่ถุงรอให้แม่ค้ามารับอีกทีหนึ่ง (ปลาสด 3 กก. จะได้ปลาแห้ง 1 กก.) ในราคากิโลกรัมละ 35-40 บาท แม่ค้าก็จะพาไป จ้างฉีกปลาพร้อมกับเด็ดหัวด้วยในราคากิโลกรัมละ 3 บาท จากนั้นก็ส่งต่อให้แม่ค้าอีกทอดหนึ่งเพื่อแปรรูปอีกเป็นขั้นตอนต่อไป


ปลากะตักสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากทำปลาแห้งแล้วยังนำไปทำปลากรอบ ทำน้ำปลา เป็นต้น ซึ่งปลากะตักนั้นเป็นปลาที่ใช้ในการทำน้ำปลาแท้ที่มีคุณภาพสูงสุด เพราะน้ำปลาที่ได้จะมีกลิ่นหอม รสดี สีค่อนข้างแดง โดยปลาที่ใช้ต้องสด และต้องคัดล้างสะอาดเพื่อให้ได้น้ำปลาที่มีคุณภาพ

ขั้นตอนการนำไปทำน้ำปลาได้แก่...เริ่มจากสร้างถังหมักน้ำปลาสูง 1.8 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร ความจุประมาณ 2,800-3,000 กก. จากนั้นหล่อคอนกรีตเสริมด้วยโครงสร้างไม้ไผ่แทนโครงสร้างเหล็กเพื่อป้องกันการเป็นสนิมและการแตกร้าว ถังที่สร้างเสร็จให้ทำความสะอาดแล้วจึงทำการแช่น้ำจืด เพื่อให้ถังปูนคลายความเค็มออกมา ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลา 1-2 เดือน จนกระทั่งปูนจืดจึงล้างถังให้สะอาดแล้วตากถังให้แห้งก่อนการบรรจุปลาลงถังซึ่งต้องใช้ปลากะตัก จำนวน 2,500 กก. ต่อการหมัก 1 ถัง

วิธีทำได้แก่ ล้างทำความสะอาดปลากะตักแล้วนำมาคลุกกับเกลือ ในอัตราส่วน 2 : 1 หรือ 3 : 1 แล้วนำไปใส่ถังหมักซีเมนต์ ซึ่งภายในใส่เกลือรองก้นถัง เมื่อใส่ปลาครบจำนวนแล้วให้ใช้ตาข่ายพลาสติกปิดปากถัง 1 ผืน เพื่อป้องกันผงและแมลง นำหลังคาโปร่งแสงมาคลุมถังหมักแล้วยึดด้วยเชือกให้แน่นเพื่อป้องกันลม-ฝนลง ถังหมักเพราะจะทำให้น้ำปลาเสียหายได้ ใช้ระยะเวลาในการหมัก 1 ปี จากนั้นนำมากรองจะได้ น้ำปลาที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทานสามารถเก็บไว้บริโภคได้เป็นเวลานาน.

บุญยา คงคาลิหมีน
(จาก nicaonline.com)

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (5/2/2551)

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

ศูนย์ฝึกอาชีพกทม.

ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร มี 8 ศูนย์

ถามกันมาบ่อยๆ ค่ะเลยรวบรวมมาให้ มีการอบรมตลอดปี กระจายไปหลายเขต

1 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร วัดธรรมมงคล
โทรศัพท์ 0-2331-7573-4

2 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร สวนลุมพินี
โทรศัพท์ 0 2251 5849, 0 2251 5268

3 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร วัดวรจรรยาวาส
โทรศัพท์ 0 2292 0194 และ 0 2289 3478

4 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร บางพลัด
โทรศัพท์ 0 2423 2026

5 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร จัตุจักร 2 (มีนบุรี)
โทรศัพท์ 0 2540 4375-6

6 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร วัดสุทธาวาส บางกอกน้อย
โทรศัพท์ 0 2412 4611-2

7 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร จตุจักร 1
โทรศัพท์ 0 2272-4741, 0 2272-4742

8 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยรามคำแหง
โทรศัพท์ 0 2-3692823-4

คุณสมบัติ
1. สัญชาติไทย
2. ชาย - หญิง อายุ 10 ปีขึ้นไป
3. อ่านออก - เขียนได้
4. มีความประพฤติเรียบร้อย
5.ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคน่ารังเกียจ
6. เฉพาะวิชาคอมพิวเตอร์ต้องพิมพ์ดีดได้
7. เฉพาะวิชาช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ต้องมีความรู้พื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ (ผ่านการประเมิน)
8. เฉพาะวิชาช่างซ่อมโทรทัศน์ (ต้องมีความรู้พื้นฐานวิชาซ่อมวิทยุ)

หลักฐานการสมัคร
1. บัตรประชาชน หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้(มีรูป)
2. รูปถ่าย (หน้าตรง) ขนาด 1-2 นิ้ว จำนวน 2 รูป
3. ยื่นใบสมัครด้วยตนเอง

คุณวุฒิที่ได้รับเมื่อจบหลักสูตร

1. จบหลักสูตรตั้งแต่ 120 ชั่วโมงขึ้นไป จะได้รับวุฒิบัตรที่ออกให้โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
2. จบหลักสูตรต่ำกว่า 120 ชั่วโมง จะได้รับเกียรติบัตรที่ออกให้โดยผู้อำนวยการสำนักพัฒนาชุมชน

การรับสมัคร (กรุณาตรวจสอบ วัน เวลา การรับสมัครจากศูนย์แต่ละศูนย์อีกครั้ง)
1. หลักสูตร 1 เดือนเรียนวันจันทร์-ศุกร์ (80 ชั่วโมง)เวลาเรียน 09.00 - 14.00 น.
รับสมัครจำนวน 10 รุ่น/ปี
- รุ่นที่ 1 รับสมัคร 5 สิงหาคม - 30 กันยายน เปิดเรียน ตุลาคม
- รุ่นที่ 2 รับสมัคร 5- 30 ตุลาคม เปิดเรียน พฤศจิกายน
- รุ่นที่ 3 รับสมัคร 5- 30 พฤศจิกายน เปิดเรียน ธันวาคม
- รุ่นที่ 4 รับสมัคร 5- 30 ธันวาคม เปิดเรียน มกราคม
- รุ่นที่ 5 รับสมัคร 5- 30 มกราคม เปิดเรียน กุมภาพันธ์
- รุ่นที่ 6 รับสมัคร 5- 30 กุมภาพันธ์ เปิดเรียน มีนาคม
- รุ่นที่ 7 รับสมัคร 5 มีนาคม - 30 เมษายน เปิดเรียน พฤษภาคม
- รุ่นที่ 8 รับสมัคร 5- 30 พฤษภาคม เปิดเรียน มิถุนายน
- รุ่นที่ 9 รับสมัคร 5- 30 มิถุนายน เปิดเรียน กรกฎาคม
- รุ่นที่ 10 รับสมัคร 5- 30 กรกฎาคม เปิดเรียน สิงหาคม

2. หลักสูตร 2 เดือน เรียนวันจันทร์ - ศุกร์ (160 ชั่วโมง) เวลาเรียน 09.00 - 14.00 น.
รับสมัคร จำนวน 5 รุ่น/ปี
- รุ่นที่ 1 รับสมัคร 1 สิงหาคม - 30 กันยายน เปิดเรียน ตุลาคม - พฤศจิกายน
- รุ่นที่ 2 รับสมัคร 5- 30 พฤศจิกายน เปิดเรียน ธันวาคม - มกราคม
- รุ่นที่ 3 รับสมัคร 5- 30 มกราคม เปิดเรียน กุมภาพันธ์ - มีนาคม
- รุ่นที่ 4 รับสมัคร 5 มีนาคม - 30 เมษายน เปิดเรียน พฤษภาคม - มิถุนายน
- รุ่นที่ 5 รับสมัคร 5- 30 มิถุนายน เปิดเรียน กรกฎาคม - สิงหาคม

3. หลักสูตร 4 เดือน วันเสาร์/วันอาทิตย์ (80 ชั่วโมง) เวลาเรียน 09.00 - 15.00 น.
เปิดรับสมัคร จำนวน 3 รุ่น/ปี
- รุ่นที่ 1 เปิดรับสมัคร 1-30 กันยายน เปิดเรียน ตุลาคม - มกราคม
- รุ่นที่ 2 เปิดรับสมัคร 5 - 31 มกราคม เปิดเรียน กุมภาพันธ์ - พฤษภาคม
- รุ่นที่ 3 เปิดรับสมัคร 1 - 31 พฤษภาคม เปิดเรียน มิถุนายน - กันยายน

5. หลักสูตรเรียน 6 เดือนวันเสาร์/อาทิตย์ (125 ชั่วโมง) เวลาเรียน 09.00 -15.00 น.
เปิดรับสมัคร จำนวน 2 รุ่น/ปี
- รุ่นที่ 1 เปิดรับสมัคร 1 - 30 กันยายน เปิดเรียน ตุลาคม - มีนาคม
- รุ่นที่ 2 เปิดรับสมัคร 1- 31 มีนาคม เปิดเรียน เมษายน - กันยายน

ฝ่ายฝึกอบรมอาชีพ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน

สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม ฝ่ายฝึกอบรมม.เกษตรศาสตร์ บางเขน

www.eto.ku.ac.th

เรียนรู้ สร้างสรรค์ และเสริมสร้างสุขภาพกาย รุ่นที่ 1 วันที่ 14-16 มกราคม 2552

www.eto.ku.ac.th/trbk/personal/personal2552/main52.html

ฝ่ายฝึกอบรม, สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ลาดยาว จตุจักร กทม. 10900
โทร 02-942-8822 ต่อ 220 - 226 โทรสาร 02-942-8830 กด 0

วิชาชีพของศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน

โปรแกรมอบรมวิชาชีพ โดย : ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน
วันที่ วิชา ค่าอบรม


04 เม.ย 2552
_ การนวดสปาเพื่อสุขภาพและความงาม 1 (สครับผิว/อโรมา/สวีดิช), (2 วัน) 3,210
_ ซาลาเปาทับหลีและขนมจีบเศรษฐี (สูตรโกชิน-ระนอง) 2,675
_ ช่างซ่อมนาฬิกาและการเปิดร้าน (2 วัน) 2,675
_ สเต๊กหมู Porkchop สเต๊กเนื้อ T Bone สลัดน้ำข้นน้ำใส (สูตรฝรั่งเศส) 2,140
_ เย็นตาโฟสูตรโบราณและต้มยำมะนาว (ร้านกะลานู้ดเดิ้ล) 1,605
_ สารพัดน้ำพริก 1 (ครูตุ๊ก-8 รายการ เช่น น้ำพริกกะปิ ลงเรือ อ่อง หนุ่ม ฯลฯ 1,605
_ ศิลปะการปักเลื่อมลูกปัดและการเพ้นต์เสื้อยืด 1,605
_ ข้าวต้มมัดและขนมต้ม (สูตรพระนครใต้ อ.ลดาวัลย์) 1,605
_ ก๋วยจั๊บน้ำข้น (สูตร อ.กนกวรรณ-เจ้าตำรับข้าวหมูแดงพริกแกง) 1,605
_ กาแฟโบราณและเครื่องดื่มที่เกี่ยวข้อง 1,284

05 เม.ย 2552
_ น้ำพริกของขวัญ 8 รายการ (ครูตุ๊ก-กุ้งเสียบ กุ้งกรอบ ปลาข้าวสาร ปลาสลิด ฯลฯ) 2,140
_ โรตี-ชาชัก (สูตรปัตตานี) 1,605
_ รวมมิตร ทับทิมกรอบ ซ่าหริ่ม (อ.พะเยาว์-ร้านหน้า ธ.กสิกรไทย สาขาถนนติวานนท์ 30) 1,605
_ ผัดไทย หอยทอด (สูตรเจ๊ดา) 1,605
_ ขนมลูกชุป 10 รูปแบบ (ส้ม เชอร์รี่ ชมพู่เพชรบุรี มะยม มะม่วง ฯลฯ) 1,605
_ ขนมตาลและขนมถ้วยตะไล (สูตรพระนาครใต้ อ.ลดาวัลย์) 1,605
_ การทำเส้นบะหมี่ หมูแดง พร้อมน้ำราดรสเด็ด 1,605
_ กรอบรูปไม้และการเปิดร้าน 1,605
_ ช่างซ่อมนาฬิกาและการเปิดร้าน (2 วัน) -
_ การนวดสปาเพื่อสุขภาพและความงาม 1 (สครับผิว/อโรมา/สวีดิช), (2 วัน) -

25 เม.ย 2552
_ การจัดดอกไม้และการเปิดร้าน (2 วัน) (วันที่ 1/ทรงสามเหลี่ยม ช่อมือถือ) 3,210
_ กระจกอะลูมิเนียม (2 วัน) 2,675
_ อาหารญี่ปุ่น 11 ของทานเล่นสไตล์ญี่ปุ่น (ขายเสริมกับซูชิ) 2,140
_ ปลาหมึกย่างและน้ำจิ้มรสเด็ด (แถมน้ำจิ้มสุกี้) 1,605
_ ข้าวหมูแดงหมูกรอบ (สูตรใส่พริกแกง) 1,605
_ ขนมไทย 1 (ขนมนึ่ง 4 รายการ/ขนมกล้วย ฟักทอง ขนมชั้น และมันสำปะหลัง 1,605
_ ขนมจีน 4 น้ำ (น้ำเงี้ยว เขียวหวาน น้ำพริก และน้ำยากะทิ) 1,605
_ ขนมครกชาววัง (สูตรต้นตำรับ 30 ปี-อ.จินดามาศ) 1,605
_ ช่างประปา 1 (ซ่อมบำรุง) 1,284

26 เม.ย 2552
_ อาหารเหนือยอดนิยม 4 รายการ (ไส้อั่ว แกงฮังเล น้ำเงี้ยว และข้าวซอย) 2,140
_ โรตีสูตรนิ่ม ไส้ผลไม้ต่างๆ (ลูกเกด กล้วยหอม ขนุน ทุเรียน ฯลฯ) 1,605
_ เทคนิคการพิมพ์สกรีนเสื้อผ้าสไตล์ต่างๆ (น้อยโปรอาร์ต) 1,605
_ ส้มตำไฮโซและการเปิดร้าน (10 รายการ-ร้านครัววงเดือน) 1,605
_ ลอดช่องสิงคโปร์และทับทิมกรอบ (สูตรการค้า) 1,605
_ ช่างประปา 2 (ช่างติดตั้งแท็งก์ ปั๊มน้ำ และต่อยอดธุรกิจ) 1,605
_ ขนมรังผึ้ง วอฟเฟิลไส้กรอก (ร้านนายผล) 1,284
_ การจัดดอกไม้และการเปิดร้าน (2 วัน) (วันที่ 2/กระเช้าดอกไม้ ดอกไม้ช่อยาว) -
_ กระจกอะลูมิเนียม (2 วัน) -



* ราคาดังกล่าว รวมอุปกรณ์ เอกสารพร้อมบริการอาหารกลางวันและอาหารว่าง

ผู้สนใจ สมัครโดย โทร.จองที่นั่งก่อน และโอนเงิน (ตามจำนวนที่ระบุท้ายวิชา)
เข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยประชานิเวศน์ 1 เลขที่บัญชี 737-2-13905-0
(ส่งหลักฐานการโอน พร้อมระบุให้ชัดเจนว่า เรียนวิชาอะไร วันไหน แฟกซ์ 0-2580-4030)
หรือ

สอบถามรายละเอียดที่ คุณโสภีพรรณ, คุณญาฑิกาณต์, คุณวนิดา, คุณอนุวัฒน์
โทร.02-589-2222, 02-589-0492, 02-954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102, 2103
(จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น.) หรือ อีเมล์มาที่ techno@matichon.co.th

แต่ละวิชา อบรมวันเดียวจบ (09.00-16.00น.) สถานที่เรียน ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน บริเวณ สนง.ข่าวสด ย่านประชานิเวศน์ 1

วิธีสมัครเข้ารับการอบรมวิชาชีพของศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน
โดย นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และนิตยสารเส้นทางเศรษฐี
***ผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับวุฒิบัตรรับรอง***

สถาบันเอชานซ์ (A Chance Learning) ฝึกอาชีพ

สถาบันเอชานซ์ (A Chance Learning) จัดอบรมอาชีพเดือนเมษายน 2552 พบหลักสูตรใหม่หลากหลาย

1. วันเสาร์ที่ 4 เม.ย. 2552 การทำเรซิ่นเลียนแบบเครื่องประดับอัญมณี ทำเรซิ่นอีฟ๊อกซีเลียนแบบอัญมณีเพื่อทำเครื่องประดับในรูปแบบจี้ ตุ้มหู และเข็มกลัด การหล่ออีฟ๊อกซีเลียนแบบพลอยสีรูปแบบต่างๆ สูตรการผสมเนื้องาน
การคำนวณต้นทุน การพัฒนาและประยุกต์แบบ

2. วันเสาร์ที่ 4 เม.ย. 2552 การทำอาหารอิตาเลียนยอดฮิต การเลือกวัตถุดิบสำหรับทำอาหารอิตาเลียน การทำซอสหลักต่างๆ สำหรับอาหารอิตาเลียน เช่น ซอสเนื้อ ซอสมะเขือเทศ ซอสครีม ซอสเพสโต้ การต้มเส้นพาสต้าอย่างถูกวิธี การทำลา-ซานญ่าซอสเนื้อ ลาซานญ่าผักโขมและเห็ด สปาเก็ตตี้ซอสต่างๆ พาสต้าอบครีมชีส และผักโขมอบชีส

3. วันอาทิตย์ที่ 5 เม.ย. 2552 การทำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสุนัข การทำแชมพูอาบน้ำผสมสมุนไพรกำจัดเห็บหมัด ครีมนวดขนสุนัข น้ำมันนวดขนสุนัขช่วยคลายเครียดและกันยุง ครีมทาขนสุนัขช่วยรักษาแผล แป้งโรยตัวกันยุง

4. วันอาทิตย์ที่ 5 เม.ย. 2552 การทำน้ำสลัดสูตรการค้า วัตถุดิบและอุปกรณ์การทำน้ำสลัด เทคนิคการทำน้ำสลัดสูตรการค้า ประเภทของน้ำสลัดที่ควรรู้ ปฏิบัติการทำน้ำสลัดไข่ น้ำสลัดข้นรสกระเทียม น้ำสลัดมายองเนส น้ำสลัดครีมเปรี้ยว น้ำสลัดเทอริยากิ น้ำสลัดฟรุตค็อกเทล น้ำสลัดไขมันต่ำ

5. วันเสาร์ที่ 18 เม.ย. 2552 การจัดดอกไม้แนวโมเดิร์น ดอกไม้ในธุรกิจบริการ มาตรฐานการจัดดอกไม้ การจัดดอกไม้แบบต่างๆ รูปทรงการจัดดอกไม้ 9 แบบ แนวทางการใช้สีในการจัดดอกไม้ (วงจรสี) หลักการเลือกภาชนะและอุปกรณ์การจัดดอกไม้ ดอกไม้ในโอกาสต่างๆ เทคนิคการดูแลดอกไม้ พร้อมปฏิบัติการจัดดอกไม้แบบแจกันรูปทรงต่างๆ (จัดเดี่ยว 1 แบบ) และการจัดแบบ Center Piece (จัดเป็นกลุ่ม 1 แบบ)

6. วันเสาร์ที่ 18 เม.ย. 2552 การทำเครปเย็นแบบญี่ปุ่น 3 สูตร เรียนรู้วัตถุดิบประยุกต์และอุปกรณ์ การผสมแป้งแบบต่างๆ เทคนิคการทำเครปเย็นและใส้ การห่อแบบญี่ปุ่น

7. วันอาทิตย์ที่ 19 เม.ย. 2552 การผสมเครื่องดื่มนมผสม (Milk Shake Mixed Drinks) เรียนรู้เกี่ยวกับชนิดของนม น้ำเชื่อม ผลไม้ที่ใช้ในการผสม ปฏิบัติผสมเครื่องดื่มชา กาแฟ ผลไม้และนมผสมกว่า 15 สูตร

8. วันอาทิตย์ที่ 19 เม.ย. 2552 การทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 5 สูตร การทำโลชั่นบำรุงผิวผสมข้าวบาร์เลย์ เจลอโรมาเธอราปี ครีมผสมสมุนไพรขัดผิว เจลขัดผิว (Gel Scrub) และครีมบำรุงผิวหน้าผสมสารสกัด

9. วันเสาร์ที่ 25 เม.ย. 2552 การทำเครื่องสำอางทำความสะอาดผิวหน้า ประกอบด้วย เจลล้างหน้ามะขามและขมิ้นชัน โฟมล้างหน้าแตงกวาและว่านหางจระเข้ ครีมน้ำนมล้างหน้า (Cleansing Milk) ผสมสารสกัดมะละกอ สเปร์ฉีดให้ความสดชื่นแก่ผิวหน้า (Refreshing Water) และโลชั่นกระชับผิวมะเขือเทศ (Toner)

10. วันเสาร์ที่ 25 เม.ย. 2552 การทำไอศกรีมผลไม้สูตรไขมันต่ำ ปฏิบัติการทำไอศกรีม Kiwi Berry Sorbet, Power Low-Fat, Beauty Soft Ice Cream, Blue Melon Sorbet และ Fruity Yogurt Ice Cream

11. วันเสาร์ที่ 25 เม.ย. 2552 การออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าสุนัข หลักการออบแบบเสื้อผ้าสำหรับสุนัข การเลือกผ้าและวัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บ การวัดขนาดและรูปร่างสุนัข การขึ้นหุ่น การทำแพทเทิร์น การขยายแบบ การวางผ้า การตกแต่งเสื้อผ้า ปฏิบัติการตัดเย็บเสื้อผ้าสุนัขแบบชุด 1 ชิ้น ด้วยมือ พร้อมสาธิตการตัดเย็บชุดเสื้อและกางเกง การพัฒนาแบบ

12. วันอาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2552 วันอาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2552 การทำกระเป๋าแบบสะพายหนังกลับ เรียนรู้การออกแบบและสร้างแพทเทิร์นกระเป๋าหนังแท้ การขึ้นรูปกระเป๋า เทคนิคการตกแต่งด้วยลูกปัด และการถักลายประกอบ แนะนำแหล่งซื้อวัสดุอุปกรณ์เครื่องหนัง ปฏิบัติการทำกระเป๋าหนังสตรีแฮนด์เมดแบบสะพาย

13. วันอาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2552 การทำอาหารเวียดนามเพื่อสุขภาพ การเลือกวัตถุดิบในการทำอาหารเวียตนาม ปฏิบัติการทำอาหารเวียดนาม ประกอบด้วย ข้าวเกรียบปากหม้อ, ขนมเบื้องญวน, ปลาหมึกพันอ้อย, แหนมเนือง, ปอเปี้ยสอดใส้หมู-กุ้ง การทำเครื่องเคียง ประกอบด้วย ผักดอง ข้าวเหนียวทอด และการทำน้ำจิ้ม ประกอบด้วย น้ำจิ้มใส น้ำจิ้มแหนมเนือง น้ำจิ้มพริกเหลือ ซอสถั่ว และพริกแดงบด

14. วันอาทิตย์ที่ 26 เม.ย. 2552 การผลิตสบู่ก้อนธรรมชาติผสมสมุนไพร ส่วน ประกอบหลักในการทำสบู่ คุณสมบัติของวัตถุดิบที่ใช้ในการทำสบู่ เครื่องมือและอุปกรณ์ สมุนไพรที่สามารถนำมาผสมในสบู่/สรรพคุณที่ควรทราบ การตั้งสูตรสบู่ ปฏิบัติการ ทำสบู่ก้อนสูตรพื้นฐาน สบู่ผสมสมุนไพร เช่น สบู่สูตรพื้นฐาน สบู่ใบบัวบก สบู่ขมิ้นชัน สบู่มะขามป้อม สบู่น้ำผึ้ง สบู่กระเจี๊ยบแดง และน้ำนมแพะ


สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่โทร. 0-29334597-8, 086-987-0042 หรือ www.achance.co.th

สำนักส่งเสริมและฝึกอบรม ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน

แนะแนวการสอนและส่งเสริมอาชีพ

ชุดพับธนบัตรแบบใหม่ล่าสุด
ชุดพับธนบัตรแบ่งออกเป็น*ชุด A และ*ชุด B หนึ่งชุดมีอย่างละ ๕ แผ่น

ชุด A = แผ่นที่ ๑ ดอกบัวหลวง+ดอกบัวสาย ,
แผ่นที่ ๒ ชุดรับปริญญา+ดอกไม้มงคลโบตั๋น ,
แผ่นที่ ๓ ผีเสื้อ+แมลงปอล้อลม ,
แผ่นที่ ๔ ปลามงคลปลาเงิน+ปลาทอง ,
แผ่นที ๕ ปลามงคล ปลาตะเพียนเงิน+ปลาตะเพียนทอง .........

ชุด B. แผ่นที่ ๑. ดอกกุหลาบเวียงพิงขนาดกว้าง ๑๕ นิ้ว+ดอกเดหลี ,
แผ่นที่ ๒. ช่อบูชาพระศรีนิยม+ดอกกล้วยไม้แคทรียาเท่าของจริง ,
แผ่นที่ ๓.ดอกกระดังงา+ดอกอมาลิลลี่
แผ่นที่ ๔. ประตูหัวใจใส่นามบัตรหรือรูปคนรัก+ต้นหม้อข้าว หม้อแกงลิง ,
แผ่นที่ ๕. ดอกกล้วยไม้รองเท้านารีศรีตรัง+ดอกกล้วยไม้รองเท้านารีชนิดหูยาว ขนาดเท่าของจริง *ชุดละ ๕ แผ่น ๗๕๐฿

*ซื้อ ๑ชุด ขอค่าจัดส่ง ๑๐๐ ฿= แบบด่วนพิเศษ= ถ้าสั่ง ๒ ชุด รวม ๑๐ แผ่น *ฟรี*ค่าจัดส่ง+ พร้อมแถมหนังสือ*ศิลปะการพับธนบัตรแบบใหม่ล่าสุด เล่มที่ ๒. ราคาเล่มละ ๑๑๙ ฿+หนังสือดอกไม้เกล็ดปลาแบบใหม่ล่าสุดเล่ม ๒. ราคา ๙๕ ฿ รวม ๒ เล่ม =๒๑๔ ฿ หนังสือแต่ละเล่มมี๑๕-๑๖ แบบ สอนละเอียดทุกขั้นตอน ...ไม่มีจำหน่ายตามท้องตลาด

...สอนไม่ดีดูแล้วทำไม้ได้จริงยินดีคืนเงิน ติดต่อ อ.ศกุนตลา วิทยากรพิเศษ รายการ*ประกายทักษะ*ช่อง๑๑*และสำนักส่งเสริมและฝึกอบรมหหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ก ท ม...และฯลฯ....๐๘๙-๒๐๘๙๙๙๑.... เก็บเงินปลายทางค่ะ สงสัยติดขัดข้องใจสอบถามให้เข้าใจจนสบายใจตลอดถึง ๒๒.๐๐ น.ครูปุ้ยนอนดึก สงสัยครูเข้าไปที่เข้าไปที่ Google .ใส่ชื่อ ศกุนตลา คร้ามอ่ำ มารู้จักตัวตนกันก่อนนะคะ *ปกติราคาแผ่นละ ๒๐๐-๒๕๐฿.......


อ.ศกุนตลา คร้ามอ่ำ สอนวิชา ที่ยังไม่มีเรียน แบบของตนเฉพาะ
พับธนบัตรแบบใหม่ ๑๐๐ กว่าแบบล่าสุด นกสำลี

น้ำพริกเสวยปลาร้าสับสมุนไพร *นพเก้า*สูตรครูปุ้ยตัวจริงใครดู รักแท้แซบหลาย คงจำได้ช่อง ๗ และอาหารโบราณ ไทย จีน ครูปุ้ย - sakutala_pui@hotmail.com

อ. ศกุนตลา คร้ามอ่ำ
มือถือ 089-2089991 , 084-0170134
บ้าน + แฟกซ์ 02-9921957


02-942-8822 ต่อ 220-226
อ.ศกุนตลา
089-20899910 084-0170134

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

Digital Coach อาชีพใหม่ในวงการเทคโนโลยี


เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายคนตามแทบไม่ทัน จึงเกิดอาชีพใหม่แนะแนวการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : Digital Coach คือบุคคลที่ทำหน้าที่สอนหรือให้คำแนะนำผู้ประกอบการ องค์กร หรือบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับความรู้ทางด้านเทคโนโลยี เพื่อนำไปใช้เพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น หรือสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ทางด้านการตลาดให้มากขึ้นด้วย

ยกตัวอย่างเช่น Digital Coach อาจจะสอนพนักงานบริษัทให้รู้จักใช้โทรศัพท์มือถือในการรับส่งอีเมลกับลูกค้า หรือใช้บล็อกในการประชาสัมพันธ์องค์กร เป็นต้น

เหตุที่ Digital Coach จำเป็นสำหรับยุคสมัยนี้ เพราะเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ารวดเร็วมาก ทำให้คนส่วนใหญ่ตามแทบไม่ทัน ยิ่งคนที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจหรือข้องแวะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ ทุกวันนี้จึงอาจมีคำถามที่ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เช่น

“เฮ้ โทรศัพท์รุ่นนี้ส่งข้อมูลวีดีโอได้ด้วยเหรอ?”

“Gmail ดียังไงเหรอ?”

“บล็อกต่างจากเว็บไซต์ตรงไหน?”

“จะทำกราฟหรือแผนภูมิใน excel หรือ word ดี?”

“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเดี๋ยวนี้พิมพ์งานแล้วเซฟออนไลน์ได้เลย ไม่ต้องใช้ word ทำก็ได้”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างของคนที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านเทคโนโลยี ซึ่งจริงๆ แล้วในแต่ละองค์กรยังมีคนอีกมากที่ต้องการคำแนะนำดีๆ เพื่อสร้างสรรค์งานได้อย่างเต็มที่

ดังนั้นความสำคัญของ Digital Coach จึงเพิ่มมากขึ้นทุกวัน และเป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนที่หันมาทำอาชีพนี้กันมากขึ้น โดยตัวอย่างหน้าที่หลักๆ ในการเป็น Digital Coach เช่น

- การสอนให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เก็บสำรองข้อมูลเพื่อป้องกันการสูญหายของเอกสารสำคัญ

- การเช็คอีเมลผ่านโทรศัพท์มือถือ

- การใช้บล็อกในการสื่อสารกับลูกค้าขององค์กร

- การจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยและเรียกใช้ได้อย่างง่ายดาย

หากมองแนวโน้มความต้องการ Digital Coach ของตลาดแล้ว พบว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และนี่อาจเป็นอาชีพใหม่หรือช่องทางการทำมาหากินอีกแบบ ที่น่าจะสร้างรายได้ให้แก่ผู้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างดี และยังส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆ มีศักยภาพการผลิตและการบริการที่ดีขึ้นอีกด้วย

ที่มา : TTTonline Team

เรียนนวดฟรี 1 วันกับศูนย์อบรมเรือนไม้สปา


หากมองหาอาชีพใหม่ หารายได้เสริม ไม่รู้จะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไร ลองมาทดลองเรียนนวดฟรี 1 วันกับศูนย์อบรมเรือนไม้สปา

กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--สมาคมแพทย์แผนไทย
หากมองหาอาชีพใหม่ หารายได้เสริม ไม่รู้จะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไร ลองมาทดลองเรียนนวดฟรี 1 วันกับศูนย์อบรมเรือนไม้สปา อาจจะได้ทางเลือกใหม่สำหรับอาชีพคุณ จบแล้วได้รับใบประกาศฯจากสมาคมแพทย์แผนไทย


ศูนย์อบรมเรือนไม้สปา สมาคมแพทย์แผนไทย จ.ปทุมธานี สาขาพหลโยธิน 54/4 โทร084-0919511


เรียนนวดแผนไทย นวดน้ำมันหอมระเหย นวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า 3 วิชา ได้ใบประกาศจากสมาคมแพทย์แผนไทย ทั้ง 3 วิชา ภาษาไทย /อังกฤษ จบแล้วมีงานรอสามารถไปทำงานเป็น เธอราปิสต์ในสปาชั้นนำได้ทันที หรือเพื่อสอบยกระดับมาตรฐานแรงงาน 1 สำหรับไปทำงานต่างประเทศ พิเศษ จากราคาปกติ 16,000 ลดพิเศษเหลือเพียง 13,600 สมัครด่วน!!!



หลักสูตรเร่งรัด 3 วิชา เรียน 15 วัน


1. นวดไทย (150 ชม 6วัน) 6,000 บาท (สอนนวดแบบราชสำนัก/เชลยศักดิ์ เส้นประธานสิบ สอนสรีระและวิธีการแก้อาการที่ถูกต้อง รวมทั้งสอนวิธีการใช้สมุนไพรสำหรับการทำลูกประคบพร้อมปฏิบัติ )


2. นวดน้ำมันหอมระเหย (60 ชม 5 วัน) 5,500 บาท (สอนนวดแบบสวีดิชมาสสาจ , และนวดแบบDeep tissue,นวดอโรมา สปา สอนขัดผิวด้วยสมุนไพร 20ชนิด ผสมน้ำนม )


3. นวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า(60 ชม 4 วัน) 4,500 บาท (รวมถึงการสอนนวดมือ และสปาเท้า นวดบรรเทาอาการปวด คอ บ่า ไหล่) ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์อบรมเรือนไม้ สปา โทร 084-0919511 จบแล้วมีงานทำทันที รายได้ดี สนใจทดลองเรียนฟรี 1 วัน www.ruenmai.com ท่านจะได้รับการสอนอย่างใกล้ชิด โดยอาจารย์ผู้มากด้วยประสบการณ์ หากท่านจบคอร์สเรียนแล้ว และมีความประสงค์จะเรียนเพิ่มเติมในวิชาเดิมเพื่อสร้างความมั่นใจ สามารถเข้าเรียนในวิชาดังกล่าวซ้ำอีกได้ โดยทางศูนย์ไม่เก็บค่าเรียนแต่ประการใด

อาชีพใหม่ ธุรกิจรับบริการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์



พ่อค้าชาวไนจีเรีย ทำธุรกิจรับบริการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือให้แก่ผู้คนที่มาซื้อของภายในตลาดเมืองลากอสของไนจีเรีย โดยจ่ายค่าบริการเพียงเล็กน้อยที่มาของข่าว www.dailynews.co.th

สนไหม!?" อาชีพรับจ้างเที่ยว" รายได้คืนละพัน


สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

"เดี๋ยวนี้อาชีพ "ชายรับจ้างเที่ยว" รายได้ดีคืนละเป็นพัน ไม่ต้องทำอะไรแค่ไปนั่งกินเหล้าโชว์หล่อเรียกลูกค้า ไม่จำเป็นต้องขายบริการ" นี่คือคำบอกเล่าของ นายเอ (ขอสงวนนาม) ผู้จัดการผับแห่งหนึ่งย่านซอยสุขุมวิท 23

ผู้จัดการผับ คนเดิมยังกล่าวอีกว่า งานนี้เริ่มมีมาระยะหนึ่งแล้วแต่จะปะปนกันไปกับงานบาร์โฮสต์ (บาร์สำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ จะมีพนักงานต้อนรับชายไว้คอยบริการนั่งเป็นเพื่อน) ส่วนผู้ชายจ้างเที่ยวก็จะมีบ้างตามผับต่างๆ แต่ในช่วง 1 - 2 ปีมานี้ ด้วยความที่ธุรกิจสถานบันเทิงแข่งขันกันมาก อาชีพรับจ้างเที่ยวจึงบูมมากขึ้น และสมัยนี้ผู้หญิงเที่ยวกลางคืนกันเยอะ จึงต้องหาสิ่งดึงดูดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่ทำงานกลางคืน อาบอบนวด บางคนเลิกงานก็มาเที่ยวต่อ หรือกลุ่มโคโยตี้ที่ทุกวันเจอแต่ลูกค้าผู้ใหญ่ ต้องนั่งเอาใจเกือบทุกวัน ก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศ

ขณะที่ นายธงชัย หนึ่งในนักศึกษาซึ่งรับจ๊อบงานนี้ กล่าวว่า ปกติเราก็ชอบสังสรรค์อยู่แล้ว พอดีเห็นโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ลองโทร.มาสอบถาม ก็ทราบว่า จ้างเที่ยวเฉยๆ ไม่มีขายบริการ ให้เราดูเหมือนเป็นลูกค้าคนหนึ่ง ทำตัวเหมือนมาเที่ยวปกติ ก็เลยลองทำดูเล่นเพราะปกติก็ชอบเที่ยวอยู่แล้ว

"สำหรับกฎเกณฑ์การทำงานหลักๆ ก็คือรูปร่างหน้าตาต้องพอใช้ได้ แต่งตัวดี คิดค่าจ้างเป็นรายวัน ระหว่าง 800 - 2,500 บาท อยู่ที่หน้าตาและบุคลิก โดยอาจจะให้มาที่ร้านอาทิตย์ละ 1 – 3 วัน มีเหล้าให้กินฟรี แค่มาเที่ยวอย่างเดียวเท่านั้น หรือบางทีอาจจะให้ไปจีบลูกค้าแล้วชวนให้มาเที่ยวที่นี่อีกก็มีบ้าง" นายเอ กล่าว

"งานก็ประมาณ 4 ทุ่ม ส่วนค่าจ้างจะแตกต่างกันไป ประมาณ 1,000 - 1,500 บาท แล้วแต่ตกลงกัน ทำตรงนี้ก็ถือว่าได้หาเงินอีกทางหนึ่งดีกว่าไปเที่ยวแล้วเสียเงิน ถึงสถานที่จะไม่ใช่ที่ฮิตทั่วไปแต่ก็ถือว่าโอเค" หนุ่มรับจ้างเที่ยว กล่าว


ข้อมูลจาก ไทยโพส์ต

วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2552

อาชีพเสริม สอนทำดอกไม่จันทน์ ลงทุนน้อย รายได้ดีมาก

ดอกไม้จันทน์

ดอกไม้จันทน์ มีความหมายตามพจนานุกรมว่า เนื้อไม้จันทน์เป็นต้น ที่ใสเป็นแถบบางนำมาประดิษฐ์ เป็นช่อขนาดเล็กใช้ในการเผาศพ

การเผาศพส่วนใหญ่จะนำดอกไม้ ธูป เทียน มาวางไว้ใต้เชิงตะกอนศพเพื่อเป็นการขอขมาศพ สมัยก่อนใช้ท่อนจันทน์ ท่อนจันทน์เป็นของราคา การใช้ท่อนจันทน์เผาศพล้วนๆ ส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะใช้กัน แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปจะใช้ท่อนจันทน์ 2-3 ท่อน เท่านั้น ภายหลังใด้คิดประดิษฐ์เอาไม้จันทน์มาทำเป็นดอกไม้ เพื่อเป็นการประหยัด ทั้งนี้เนื่องจากไม้จันทน์เป็นของหายาก และเพื่อให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปจึงได้มีคิดประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ในรูปแบบใหม่ โดยนำวัสดุต่างๆ ที่หาได้ง่ายและสะดวกมาประดิษฐ์แทน

การวางดอกไม้จันทน์ เมื่อชักผ้ามหาบังสุกุลเสร็จ เจ้าภาพจะนำดอกไม้จันทน์มากแจกให้กับผู้มาร่วมงาน คนละ 1 ช่อ หรือนำใส่พาน วางไว้หน้าเมรุ เมื่อได้เวลาเผา พระก็จะสวดอภิธรรม ผู้มาร่วมงาน ก็ทยอยขึ้นบรรไดเมรุ นำช่อดอกไม้จันทน์ไปวางไว้ในพานหน้าศพ

แสงธรรมดอกไม้จันทน์เป็นผู้ผลิตดอกไม่จันทน์ ขายปลีก และส่ง กำลังขยายงาน เนื่องจากมีการสั่งซื้อเข้ามามากมาย แต่ไม่อาจจัดตาม order ได้ครบถ้วน จึงคิดว่าตลาดดอกไม้จันทน์นี้ยังกว้างมาก หากสอนให้คนที่ต้องการมีรายได้พิเศษนอกเวลางาน ได้ทำเป็นรายได้เสริม ก็น่าจะดี บวกกับอาจมีคนช่วยทำ เพราะเมื่อทำเป็นแล้วก็จะรับซื้อด้วย
ผู้ที่สนใจจะเรียนทำดอกไม้จันทน์ สามารถติดต่อนัดเวลาเรียนได้ รับจำนวนจำกัด (1 คอร์ส ไม่เกิน 2 คน) ทำเป็นแล้วยินดีรับซื้อ แต่หากจะหาตลาดขายเอง ก็ไม่ขัดข้อง และจะได้กำไรมากกว่าด้วย เพราะไม่ต้องผ่านตัวกลาง
สนใจคุยรายละเอียดที่ 07-9252682 นัท

*** รายละเอียดการเรียนคร่าว ๆ

- เปิดสอนในวัน เสาร์ บ่าย 3 โมงครึ่ง
วันอาทิตย์หรือวันหยุดมี 3 รอบ คือ
9.00 –12.00, 12.30 –15.00, 15.00-18.00
- ค่าเรียน 400 บาท อุปกรณ์การเรียนฟรี
- สอนทำ 2 แบบ คือ พุ่มเชิญและดอกเดี่ยว
พุ่มเชิญมี 9 ดอก ต้นทุน 5 บาท รับซื้อราคา 10 บาท (ถ้าหาตลาดเองก็จะได้ราคาดี ประมาณ 15-30 บาท)
ดอกเดี่ยว ต้นทุน ร้อยละ 40 บาท รับซื้อร้อยละ 70 บาท (ถ้าหาตลาดเองจะขายได้ประมาณ ร้อยละ 80-140 บาท แล้วแต่ต่อรอง)
***สำหรับผู้ที่อยู่ในเขต กทม. ทางร้านจะหาตลาดแถวบ้านท่านไว้ให้ขายเองโดยตรง***

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้