วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ"


อ่านพบข้อเตือนใจสำหรับ "มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ" ซึ่งเตือนใจไว้หลายประเด็นต่างๆ แต่ผมพยายามเลือกตัดตอนออกมาเพียง 30 ข้อ (ที่ผมสนใจ)เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ


1. มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
2.จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้
3. ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
4. ต้องคิดว่า "ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร"
5.ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป
6. เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
7.อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
8. เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
9.อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ
10. คิดเข้าข้างตัวเอง
11.คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า
12.การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น "มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ" คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่ง ที่ไร้ค่าในขณะที่ …คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน
13. ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ ทำมาก…มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก ทำมาก...สบายในภายหลัง
14. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
15. คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
16.มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน
17. คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
18.ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใดการขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น
19.ลด ละ เลิก ค่านิยม "ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง"
20.วางแผนการเก็บเงิน โดยใช้เทคนิคง่ายๆ คือ "หลัก 3 บัญชี" คือให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้ ****
บัญชีที่ 1 คือบัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
บัญชีที่ 2 คือบัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
บัญชีที่ 3 คือบัญชีเงินออมเพื่อออกจากงานหรือออมเพื่ออนาคต


21.ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง
22. จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
23. จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
24.จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
25. จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
26.อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
27.อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
28.อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น
29. เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
30.อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก อย่าระบายอารมณ์ลงที่งานและคนอื่น

ขอเพิ่มเติมข้อเตือนใจพิเศษสำหรับคนวัยใกล้เกษียณอย่างผม ที่เขามีข้อเตือนใจว่า
จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง




วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีการ หาเงิน ผ่านเน็ต แบบถูกต้อง - Make Money Online

ทำไมต้องหาเงินผ่านเน็ต หาได้จริงหรือ?ใช่ Work At Home หรือไม่

คลิกป้ายโฆษณา หรือ อ่านเมล์เพื่อเอาตังก์ใช่หรือเปล่า ขายตรงหรือเปล่า

มันมีวิธีการที่หาเงินได้จริง ๆ โดยไม่ถูกหลอกลวงด้วยหรือ? เรื่องจริงของการหาเงินผ่านอินเทอร์เน็ต

สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา โปรโมตให้ดัง

ทำเว็บ E-Commerce ขายของ

ขายของใน Ebay

เป็นนายหน้าขายของให้ผู้อื่น (Affiliate Program)

ติดโฆษณาในเว็บไซต์ของเรา เพื่อหาเงินจากค่าโฆษณา (Publisher Program)

ขายชื่อโดเมนสวย ๆ

ทำ Parking Domain หาตังก์จากคนหลงเข้าไป

เขียน Ebook หรือ หนังสือขาย Online หรือขาย Software

มีอีกนับไม่ถ้วนแต่ส่วนใหญ่แล้ว จะทำกันอยู่แค่นี้แหละครับ

สร้างเว็บไซต์ขึ้นมา โปรโมตให้ดัง

www.sanook.com

www.metacafe.com

www.myspace.com


ทำเว็บ E-Commerce ขายของ

www.buy.com

www.shop.com

www.tigerdirect.com

www.amazon.com

www.tarad.com

www.thaisecondhand.com

www.2home.com


ขายของใน Ebay

มีสินค้าเป็นของตัวเอง หรือ รับมาอีกต่อหนึ่ง

เอาไปประกาศขายบน Ebay ให้คนประมูล

ส่งของ + รับเงิน

ได้กำไร

เป็นนายหน้าขายของให้ผู้อื่น (Affiliate Program)

www.cj.com

www.clickbank.com

www.linkshare.com

www.come2shop.com

www.smart-review.com

www.googlerich.net

ติดโฆษณาในเว็บไซต์ของเรา เพื่อหาเงินจากค่าโฆษณา (Publisher Program)

www.google.com/adsense

www.adbrite.com

www.auctionads.com

www.overture.com

www.infomadesimple.com

ขายชื่อโดเมนสวย ๆ

www.parked.com

www.godaddy.com


เขียน Ebook หรือ หนังสือขาย Online หรือขาย Software

www.clickbank.com

สรุป

การหาเงินทาง Internet มีได้หลายวิธี

ยากง่ายแตกต่างกันไป

ที่นิยมกันมี 2 วิธีคือ Affiliate Marketing กับ Publisher Program

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประวัติ charice ความกตัญญู เป็นบ่อเกิดของความสำเร็จ

สาวน้อย Charice ดังมากในเมืองนอก ด้วยเสียงที่สุดยอดมาก ที่สามารถร้องกับ Celine Dion ได้อย่างสบายมาก ไปชมความสามารถในการร้องเพลงของเธอกัน คนนี้ต้องยกนิ้วให้จริงๆ


ประวัติ Charice
Charice Pempengco สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งเมืองตากาล็อค



ครั้งแรกที่ได้ดูคลิปนี้นี่ถึงกับขนลุกเลยครับ ทำไมเด็กคนนี้มันเทพขนาดนี้เนี่ย ตัวเล็กกะปิ๊ดเดียวแต่เสียงอย่างกับนักร้องระดับ Diva อย่างเจ๊มาลัย ป้าวิทนี่ย์ เวอร์ชั่นโหลดเตี้ยเลยทีเดียว พอได้ดูคลิปนี้ก็เลยเกิดความสนใจน้องคนนี้ขึ้นมาครับ ก็เลยลองเสิร์ชหาประวัติดูว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน แล้วก็ได้พบเรื่องที่น่าทึ่งอีกครั้งครับ

สาวน้อยเสียงเทพคนนี้ชื่อ Charice Pempengco (ชารีส เปมเปงโก) สาวน้อยจากประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของเราที่มีชื่อเสียงทางด้าน นักมวย และ นักร้อง อยู่แล้ว แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ถึงแม้ว่าเธอจะตัวเล็กเหมือนเด็กอายุไม่เกิน 13 แต่จริงๆ แล้วตอนนี้เธออายุ 17 ปีแล้วครับ

ชารีสเริ่มร้องเพลงตั้งแต่อายุได้สี่ขวบจากการฟังเพลงจากสถานีวิทยุที่แม่เปิดทิ้งไว้เวลาทำงานบ้านแล้วก็ร้องตามวิทยุ และจากเพลงจากสถานีวิทยุนั้นเองที่ทำให้แม่ของชารีสพบว่า ลูกสาวของตัวเองมีพรสวรรค์ทางด้านการร้องเพลงที่พระเจ้ามอบให้มา

แต่ชีวิตของชารีสไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างเจ้าหญิงในนิยาย เพราะครอบครัวของชาีรีสมีฐานะยากจน และพ่อของเธอก็เป็นโรคติดเหล้าอย่างรุนแรงจนกระทั่งวันหนึ่งที่เกิดอาการคลุ้มคลั่งจนเกือบจะฆ่าแม่ของเธอในบ้านต่อหน้าชารีส แต่โชคยังดีที่เพื่อนบ้านเข้ามาช่วยไว้ได้ทันและนับตั้งแต่วันนั้น พ่อและแม่ของชารีสก็แยกทางกันทันที โดยแม่ของชารีสต้องเลี้ยงดูเธอและน้องด้วยตัวคนเดียว

ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะค่อนข้างลำบาก แม่ของเธอต้องทำงานในโรงงานซักอบรีดวันละไม่ต่ำกว่าสิบสองชั่วโมงเพื่อหารายได้มาเลี้ยงดูลูก ชารีสจึงเริ่มช่วยแม่หารายได้มาเจือจุนครอบครัวด้วยการเริ่มประกวดร้องเพลงชิงรางวัลตั้งแต่อายุ 8 ขวบ (จำได้ไม่ชัวร์ แต่น่าจะราวๆ นี้แหละครับ)

ด้วยพรสวรรค์ในการร้องเพลงที่ไม่ได้รับการฝึกสอนอย่างจริงจังทำให้ทุกคนต่างทึ่งในความสามารถของเธอ และในวันหนึ่งก็มีคนนำคลิปวิดีโอที่ถ่ายตอนชารีสร้องเพลงไปโพสต์บนเว็บยูทูป และจากจุดนั้นเองทำให้ชีวิตของสาวน้อยแห่งเมืองตากาล็อคเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

จากจำนวนผู้เข้าชมคลิปวิดีโอที่เธอร้องเพลงเป็นจำนวนกว่าสิบล้านคนในเวลาอันรวดเร็วนั้น ทำให้รายการสตาร์คิงของประเทศเกาหลีสนใจนำเธอไปออกรายการดังคลิปข้างบนที่เอามาแปะให้ดู ก็ยิ่งทำให้ชารีสเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนในที่สุด ดวงมหาเฮงของแม่สาวตัวก็เปี๊ยกนี่ก็ประทับร่าง เมื่อเจ้าแม่ทอล์กโชว์ของเมืองลุงแซมอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์ ได้ดูคลิปวิดีโอนั้น แล้วนำเธอมาออกรายการเมื่อปีที่แล้วตามคลิปนี้ครับ


เรื่องราวอาจจะเหมือนแค่ฝันเพียงชั่วข้ามคืนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไป แต่ดูเหมือนกับจะไม่ใช่อย่างนั้น เมื่อโอปราห์เห็นความสามารถที่ชาีรีสแสดงในรายการของตน และคิดว่าคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าหากว่าเพชรเม็ดนี้จะไม่ได้รับการเจียรไน โอปราห์จึงแนะนำให้ชาีรีสได้พบกับ เดวิด ฟอสเตอร์ นักร้อง นักดนตรี และโปรดิวเซอร์ชื่อดังระดับโลก ผู้ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ วิทนี่ย์ ฮุสตัน, ซิลีน ดิออน, และไมเคิล บูเบล ซึ่งเดวิด ฟอสเตอร์เองพอได้เห็นพรสวรรค์ของชารีสก็ถึงกับเอ่ยปากชวนให้เธอมาร่วมงานกับเขา

แต่เรื่องราวดีๆ ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อความฝันอันสูงสุดของชารีส ซึ่งก็คือ การได้ร่วมร้องเพลงกับดีว่าระดับเทพอย่าง ซิลีน ดิออน นั้นเป็นจริงขึ้นมาด้วยความช่วยเหลือของโอปราห์ (โห ป้าจะน้ำใจมหาสมุทรไปไหนเนี่ย) ซึ่งได้โทรศัพท์ไปพูดคุยและเล่าเรื่องราวความกตัญญูและความมหัศจรรย์ของชารีสให้กับซิลีนฟัง ซิลีนจึงได้ชวนให้ชารีสไปร่วมร้องเพลงกับเธอในคอนเสิร์ตที่เมดิสันสแควร์การ์เด้นท์ ในเพลง Because you love me ที่เป็นเพลงที่ชารีสตั้งใจร้องให้กับแม่ของเธอ



หลังจากคอนเสิร์ตในครั้งนั้น ก็ทำให้ชารีสเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศอเมริกาและทั่วโลกครับ และตอนนี้ก็มีอัลบั้มเดี่ยวออกมาแล้วด้วย จากเรื่องราวทั้งหมดทำให้ตัวเองได้ข้อคิดมาว่า คนที่...กตัญญูต่อพ่อแม่หรือผู้มีพระคุณนั้นมักจะเจริญทุกคน และคนที่ไม่ยอมท้อถอยต่ออุปสรรคก็จะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างที่ชารีสเป็นนี่แหละครับ

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

16 อาชีพชายหนุ่มที่หญิงสาวไม่ควรแต่งงานด้วย*


1. หมอ
เพราะหมอชอบบอกให้คนไข้หายใจแรงๆ และร้องอา...ห์ยาวๆ ตลอดทั้งวัน ฟังแล้วโรคจิตพิกล


2. ทหาร
เพราะทหารตัวใหญ่ แข็งแรง อึด แล้วก้ชอบบอกว่า ยก...ก อาวุธ! แบกอาวุธ! แล้วก้เล็งอาวุธ! เป็นบางทีมันก้ดีอยู่หรอก แต่บ่อยๆ ห้องนอนมันจะกลายเป็นสนามรบเอา


3. นักกีฬา
เพราะนักกีฬาจ้องแต่จะทำลายสถิติ อยู่บ้านเฉยๆ ก้สะกิดแล้วสะกิดอีก "หมู่นี้สถิติตกไปนะเธอ มาทำลายสถิติกันเถอะ"


4. นักร้อง
เพราะนักร้องบางคน ชอบมีไมค์ส่วนตัวหลายอัน


5. คนขับแท๊กซี่
เพราะชอบฝ่าไฟแดง แถมยังปาดซ้ายปาดขวาไปมา


6. กระเป๋ารถเมล์
เพราะแค่เริ่มเดินเครื่อง ก้ตะโกนสั่ง ชิดในทันที!


7. ผู้กำกับการสดง
เพราะผู้กำกับใหญ่ๆ เอะอะอะไรก้สั่ง "เอาอีกเทคๆ"


8. ดารา
เพราะดาราชอบร้องไห้ ร้องทั้งวันทั้งคืน ก้หมดอารมณ์อ่าดิ


9. นักเล่นหุ้น
เพราะเด๋ยวเกิดอารมณ์ขึ้นๆลงๆตามหุ้น วันไหนไม่พอใจก้อาจขายทิ้งซะงั้น


10. นักเล่นกล้าม
เพราะนักเนกล้ามหน้าอกใหญ่กว่าของสาวๆ จะกลายเป็นปมด้อยของสาวๆแทน


11. พ่อครัวเบเกอร์รี่
เพราะถึงแม้จะน่าติดใจในรสชาติของขนม แต่สาวๆก้ควรคำนึงว่า วันๆพ่อครัว"ตีไข่"ไปไม่รุ้กี่รอบทั้งวัน


12.ทนาย
เพราะเอะอะอะไร ทนายก้จะพูดแทนเราทุกอย่าง


13. ครู
เพราะพกวนี้จะชอบสั่งสอนเป็นวิสัย และพอสอนเสร็จก้จะถามว่าเข้าใจไหม และถ้าตอบว่าเข้าใจ ก้จะให้"การบ้าน"ไปทำอีก และชอบบอกว่าเก่งมากๆ เอาอีก เอาอีก


14. พนักงานแคชเชียร์
เพราะพวกนี้เวลากำลังยุ่งทีไร ชอบบอกว่า "เข้าช่องถัดไปได้ไหมครับ?"


15. พนักงานรถไฟ
เพราะรถไฟของพวกเขาชอบร้องว่า "ถึงก้ช่าง ไม่ถึงก้ช่าง"


16. นักสนุ๊กเกอร์
เพราะพวกนี้เล็งตั้งนาน แต่แทงทีเดียว ลงหลุมเลย

ปล. ดีน่ะ ที่ยังเหลือหนุ่มติสเอาไว้ให้ กร๊ากกกกก~

โรคไข้หวัดใหญ่ ที่เราต้องเรียนรู้


ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุใหม่

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ข้อแตกต่างระหว่างไข้หวัด เชื้อไข้หวัดใหญ

ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดต่างกันอย่างไร

ไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อ Influenza virus เป็นการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจ เชื้ออาจจะลามเข้าปอดทำให้เกิดปอดบวม ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศรีษะ ปวดตามตัวปวดกล้ามเนื้อมาก จะพบมากทุกอายุโดยเฉพาะในเด็กจะพบมากเป็นพิเศษ แต่อัตราการเสียชีวิตมักจะพบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคไต เป็นต้น การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด สามารถลดอัตราการติดเชื้อ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล ลดโรคแทรกซ้อน ลดการหยุดงานหรือหยุดเรียน

สำหรับไข้หวัดเป็นการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีอาการน้ำมูกไหล ไข้ไม่สูงมาก

ในปี คศ.2003 ได้มีการแนะนำเรื่องไข้หวัดใหญ่ดังนี้

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน(เนื่องจากเชื้อนี้มักจะระบาดในต่างประเทศ หากประเทศเราจะฉีดก็น่าจะเป็นช่วงเดียวกัน) โดยเน้นไปที่ประชาชนที่มีอายุ 50 ปี,เด็กอายุ 6-23 เดือน,คนที่อายุ 2-49 ปีที่มีโรคประจำตัวกลุ่มนี้ให้ฉีดในเดือนตุลาคม ส่วนกลุ่มอื่น เช่นเด็ก เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้ดูแลคนป่วย กลุ่มนี้ให้ฉีดเดือนพฤศจิกายน
เด็กที่อายุ 6-23 เดือนควรจะฉีดทุกรายโดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย
ชนิดของวัคซีนที่จะฉีดให้ใช้ชนิดที่มีส่วนผสมของเชื้อ A/Moscow/10/99 (H3N2)-like, A/New Caledonia/20/99 (H1N1)-like, และ B/Hong Kong/330/2001
ให้ลดปริมาณสาร thimerosal ซึ่งเป็นสารปรอท
เชื้อที่เป็นสาเหตุ

การติดต่อ

เชื้อนี้ติดต่อได้ง่ายโดยทางเดินหายใจ วิธีการติดต่อได้แก่

ติดต่อโดยการไอหรือจาม เชื้อจะเข้าทางเยื่อบุตาและปาก
สัมผัสเสมหะของผู้ป่วยทางแก้วน้ำ ผ้า จูบ
สัมผัสทางมือที่ปนเปื้อนเชื้อโรค
อาการของโรค

ระยะฟักตัวประมาณ1-4 วันเฉลี่ย 2 วัน
ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน
เบื่ออาหาร คลื่นไส้
ปวดศรีษะอย่างรุนแรง
ปวดแขนขา ปวดข้อ ปวดรอบกระบอกตา
ไข้สูง 39-40 องศา
เจ็บคอคอแดง มีน้ำมูกไหล
ไอแห้งๆ ตาแดง
อาการไข้ คลื่นไส้อาเจียนจะหายใน 2 วัน แต่อาการน้ำมูกไหลคัดจมูกอาจจะอยู่ได้ 1 สัปดาห์
สำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรงมักจะเกิดในผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัว
อาจจะพบว่ามีการอักเสบของเยื่อหุ่มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ
อาจจะมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดศรีษะ ซึมลง หมดสติ
ระบบหายใจอาจจะมีอาการของโรคปอดบวม จะหอบหายใจเหนื่อยจนถึงหายใจวาย
โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่จะหายในไม่กี่วัน แต่ก็มีบางรายซึ่งอาจจะมีอาการปวดข้อและไอได้ถึง 2 สัปดาห์
ระยะติดต่อ

ระยะติดต่อหมายถึงระยะเวลาที่เชื้อสามารถติดต่อไปยังผู้อื่น

ระยะเวลาที่ติดต่อคนอื่นคือ 1 วันก่อนเกิดอาการ
ห้าวันหลังจากมีอาการ
ในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้นาน 10 วัน
การวินิจฉัย

การวินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่จะอาศัยระบาดวิทยาโดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาด และอาการของผู้ป่วย การวินิจฉัยที่แน่นอนต้องทำการตรวจดังนี้

นำเอาเสมหะจากจมูกหรือคอไปเพาะเชื้อไวรัส
เจาะเลือดผู้ป่วยหาภูมิ 2 ครั้งโดยครั้งที่สองห่างจากครั้งแรก 14 วัน
การตรวจหา Antigen
การตรวจโดยวิธี PCR,Imunofluorescent
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญ

ผู้ป่วยอาจจะมีอาการกำเริบของโรคที่เป็นอยู่ เช่นหัวใจวาย หรือหายใจวาย
มีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ เช่น ปอดบวม ฝีในปอด
เชื้ออาจจะทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การรักษา

ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะหายเอง หากมีอาการไม่มากอาจจะดูแลเองที่บ้าน วิธีการดูแลมีดังนี้

ให้นอนพักไม่ควรจะออกกำลังกาย
ให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือดื่มน้ำผลไม้ ไม่ควรดื่มน้ำเปล่ามากเกินไปเพราะอาจจะขาดเกลือแร่
รักษาตามอาการ หากมีไข้ให้ใช้ผ้าชุมน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลงให้รับประทาน paracetamol ไม่แนะนำให้ aspirinในคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปีเพราะอาจจะทำให้เกิดกลุ่มอาการที่เรียกว่า Reye syndrome
ถ้าไอมากก็รับประทานยาแก้ไอ แต่ในเด็กเล็กไม่ควรซื้อยารับประทาน
สำหรับผู้ที่เจ็บคออาจจะใช้น้ำ 1 แก้วผสมเกลือ 1 ช้อนกรวกคอ
อย่าสั่งน้ำมูกแรงๆเพราะอาจจะทำให้เชื้อลุกลาม
ในช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์สาธรณะ ลูกบิดประตู
เวลาไอหรือจามต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก
ช่วงที่มีการระบาดให้หลีกเลี่ยงสถามที่สาธารณะ
ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์เมื่อไร

แม้ว่าไข้หวัดใหญ่จะหายได้เอง แต่ผู้ป่วยบางรายมีโรคแทรกซ้อน ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์

ผู้ป่วยเด็กควรปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการดังต่อไปนี้

ไข้สูงและเป็นมานาน
ให้ยาลดไข้แล้วไข้ยังเกิน 38.5องศา
หายใจหอบหรือหายใจลำบาก
มีอาการมากกว่า 7 วัน
ผิวสีม่วง
เด็กดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารไม่พอ
เด็กซึม หรือไม่เล่น
เด็กไข้ลด แต่อาการไม่ดีขึ้น
สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่หากมีอาการดังต่อไปนี้ให้พบแพทย์

ไข้สูงและเป็นมานาน
หายใจลำบาก หรือหายใจหอบ
เจ็บหรือแน่นหน้าอก
หน้ามืดเป็นลม
สับสน
อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได
กลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่เสี่งต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน ควรจะพบแพทย์เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่

ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว เช่น โรคตับ โรคหัวใจ โรคไต โรคปอด
คนท้อง
คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
ผู้ป่วยโรคเอดส์
ผู้ที่พักในสถาพเลี้ยงคนชรา
ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการเหล่านี้ควรจะรักษาในโรงพยาบาล

มีอาการขาดน้ำไม่สามารถดื่มน้ำได้อย่างเพียงพอ
เสมหะมีเลือดปน
หายใจลำบาก หายใจหอบ
ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีม่วงเขียว
ไข้สูงมากเพ้อ
มีอาการไข้และไอหลังจากไข้หวัดหายแล้ว
การรักษาในโรงพยาบาล

แพทย์จะให้น้ำเกลือสำหรับผู้ที่ดื่มน้ำไม่พอ
ผู้ป่วยเหล่านี้ควรจะได้รับยา Amantadine หรือ rimantidine เพื่อให้หายเร็วและลดความรุนแรงของโรค ควรจะให้ใน 48 ชมหลังจากมีไข้ และให้ต่อ 5-7 วัน ยานี่ไม่ได้ลดโรคแทรกซ้อน
ให้ยาลดน้ำมูกหากมีน้ำมูก
ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนไม่ควรให้ยาปฎิชีวนะ
ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะหายใน 2-3 วันไข้จะหายใน 7 วันอาการอ่อนเพลียอาจจะอยู่ได้ 1-2 สัปดาห์

การป้องกัน

ล้างมือบ่อยๆ
อย่าเอามือเข้าปากหรือขยี้ตา
อย่าใช้ของส่วนตัว เช่นผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ร่วมกับผู้อื่น
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ให้พักที่บ้านเมื่อเวลาป่วย
เวลาไอจามใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก
การฉีดวัคซีน

การป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน ซึ่งทำจากเชื้อที่ตายแล้วโดยฉีดทีแขนปีละครั้ง หลังฉีด 2 สัปดาห์ภูมิจึงขึ้นสูงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ แต่การฉีดจะต้องเลือกผู้ป่วยดังต่อไปนี้

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี
ผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวเช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ
ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเอดส์
หญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป และมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่
ผู้ที่อาศัยในสถานเลี้ยงคนชรา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง
นักเรียนที่อยู่รวมกัน
ผู้ที่จะไปเที่ยวยังที่ระบาดของไข้หวัดใหญ่
ผู้ที่ต้องการลดการติดเชื้อ
การใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่เพื่อรักษา

Amantadine and Ramantadine เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาไวรัสไๆข้หวัดใหญ่ชนิด A ไม่ครอบคลุมชนิด B
Zanamivir Oseltamivir เป็นยาที่รักษาได้ทั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิด A,B
การให้ยาภายใน 2 วันหลังเกิดอาการจะลดระยะเวลาเป็นโรค
จะใช้ยารักษาไข้หวัดกับคนกลุ่มใด

เราจะใช้ยากับคนกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโรคกลุ่มที่ควรจะได้รับยารักษาได้แก่

คนที่อายุมากกว่า 65 ปี
เด็กอายุ 6-23 เดือน
คนท้อง
คนที่มีโรคประจำตัว เช่นโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ
การให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่

ยาที่่ได้รับการรับรองว่าใช้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้แก่ Amantadine Ramantadine Oseltamivir วิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน แต่ก็มีบางกรณีที่จำเป็นต้องให้ยาเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่

ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับวัคซีนไม่ทัน ทำให้ต้องได้รับยาในช่วงที่มีการระบาดของโรค
ผู้ที่ดูดแลกลุ่มเสี่ยงและไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ควรจะได้รับยาในช่วงที่มีการระบาดของโรค
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี เช่นโรคเอดส์
กลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่อยากเป็นโรค
คำแนะนำการใช้ยาในเด็ก

วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ทำอย่างไร?เมื่อคุณไม่มีความสุขในการทำงาน



หลาย ๆ คนอาจจะเกิดความเครียดและเบื่อหน่ายกับงานที่ทำอยู่นะคะ ก็มีหลายคนได้มาปรึกษาปัญหาเรื่องงานบ้าง ก็อยากจะลาออก และบ้างก็ถามว่าแล้วจะปรับตัวอย่างไรหากเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำอยู่

อยากจะฝากข้อคิดไว้ประการหนึ่งนะคะว่า ถ้าหากมีอิสรภาพทางการเงินซึ่งหมายถึงว่า การที่มีเงินที่ใช้สอยได้ไม่เดือดร้อนแล้วก็ “สามารถเลือกที่ทำในสิ่งที่คุณรัก” แต่ถ้าหากยังมีเงินไม่พอที่จะใช้จ่ายแล้ว “ก็ต้อง (พยายาม) รักในงานที่ทำ”

การจะรักในงานที่ตนเองทำอยู่นั้นอาจจะเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก และเห็นคน วัยหนุ่มสาวในปัจจุบันจะมีความอดทนค่อนข้างต่ำ พอรู้สึกไม่พอใจ/ไม่ถูกใจกับงานหรือกับคนร่วมงานก็จะคิดจะลาออก

การลาออกไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา เพราะจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของตัวเอง หรือคนที่รู้จัก ทั้งที่เป็นเพื่อนฝูงและญาติพี่น้อง ก็ได้ยินทุกคนบ่นถึงปัญหาในที่ทำงานของตนเองแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน ราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ ธุรกิจเอกชน เพียงแต่ปัญหาจะมากจะน้อยเท่านั้น ดังนั้นการย้ายงานจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่ง ก็จะเผชิญกับปัญหาในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง

ดังนั้นการที่จะทำใจให้รักกับงานก็คงจะต้องพยายามคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้

(1) ความจำเป็นของรายได้สำหรับมาเลี้ยงตนเองและสมาชิกในครอบครัว เพราะการมีรายได้สำหรับเลี้ยงตนเอง ทำให้ตนเองอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น การจะต้องพึ่งพาคนอื่นที่แม้จะเป็นญาติพี่น้องแล้ว อาจจะเป็นไปได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวหรือเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากพ่อแม่แล้ว คนที่จะมารับภาระ หรืออุปถัมภ์เราตลอดไป คงจะเป็นไป ได้ยาก

ดังนั้นอย่าด่วนผลุนผลันลาออกจากงาน ควรจะตริตรองดูว่าอะไรคือปัญหาเกิดจากตัวเรา เกิดจากเพื่อนร่วมงาน หรือ เกิดจากระบบ และวัฒนธรรมขององค์กร และพิจารณา ดูว่า เราจะสามารถปรับตัวเราได้หรือไม่ เราไม่สามารถปรับเปลี่ยนเจ้านาย หรือเพื่อนร่วมงานได้ ถ้าเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจะปรับตนเองได้ จึงตัดสินว่าขั้นสุดท้ายถึงการลาออก ก่อนจะลาออกก็ท่องสโลแกนที่เคยฮิตในยุคหนึ่งว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” พยายามท่องไว้ให้ขึ้นใจ

(2) ให้เห็นคุณค่าของงาน ทั้งนี้งานอาชีพที่สุจริตทุกชนิดล้วนแต่มีคุณค่าของตนเองทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นงานระดับล่าง เช่น เสมียน ภารโรง หรือพนักงานทำความสะอาด ต่างเป็นกลไกหนึ่งขององค์กร และทำงานในส่วนที่รับผิดชอบให้ดีที่สุดด้วยความขยันหมั่นเพียร การทำงานที่เท่ากับคนอื่นทำก็จะได้เท่ากับคนอื่น การทำงานจะต้องทำให้มีผลงานที่ดีและในวันหนึ่งก็จะเป็นที่ประจักษ์รับรู้ของบุคคลอื่นและเมื่องานที่เราทำได้รับการยอมรับ

(3) มองถึงคนอื่นที่ด้อยกว่าตนเอง เพื่อสร้างกำลังในการทำงานต้องคิดดูว่าเราโชคดี ที่ยังมีงานทำ ในขณะที่คนอื่นอีกจำนวนมากกำลังตกงานหรือหางาน การจะมองแต่บุคคลที่อยู่สูงกว่าเราก็อาจจะทำให้หดหู่ท้อถอย ดังนั้นการมองว่าคนอื่นที่ยากลำบากกว่าเราก็ยังมีอยู่มาก

(4) ทำใจให้รักกับงาน ถ้าคิดว่างานดูน่าเบื่อหน่าย ก็จะทำให้ไม่อยากจะทำงาน ดังนั้นจึงต้องคิดปรับปรุงและพัฒนางานให้ท้าทาย น่าสนใจ ว่าเราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ซึ่งถ้าหากทำได้สำเร็จก็จะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่ก้าวข้ามความเบื่อหน่ายจากงานประจำ

หวังว่าคงจะเป็นข้อคิดให้สำหรับคนที่กำลังเซ็งและเบื่อหน่ายกับงานนะคะ และถ้าหากจะตัดสินใจลาออกจากงานจริง ก็เสนอให้ลาพักร้อน เพื่อใช้เวลาสำหรับการไตร่ตรองดูก่อน.

ขอบคุณที่มา เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=70230&NewsType=2&Template=1



'รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2552'



ผลจากการสำรวจเกษตรกรและผู้สนใจ ที่สนใจในอาชีพเกษตรกรรมทั่วประเทศ พบว่างานเกษตรกรรมที่ทำง่าย ๆ และ สร้างรายได้เร็วนั้นมักจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลว่ามีการลงทุนน้อย, ใช้พื้นที่ไม่มาก, สามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้, มีการใช้สารเคมีน้อยและที่สำคัญ ได้เงินเร็ว จากการนำข้อมูลอาชีพเกษตร กรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจและนำมาเผยแพร่ผ่านทางหน้าเกษตรเดลินิวส์ หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมานั้น มีหลายอาชีพได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ

คุณสมบูรณ์ วงศา เกษตรกร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกมะขามหวานและมะม่วงมาเริ่มต้นด้วยการปลูกพริกไทยสดเพียง 30 หลัก ผลผลิตดกและขายได้ราคาดีและไม่พบปัญหาทางด้านการตลาด ปัจจุบันมีรายได้จากการเก็บผลผลิตพริกไทยสดที่ปลูกจำนวน 105 หลักที่มีอายุต้นเฉลี่ย 8 ปีเป็นเงินประมาณ 200,000 บาทต่อปี สร้างรายได้สูงกว่าไม้ผลที่เคยปลูก มาทุกชนิดและใช้พื้นที่ปลูกไม่มากนัก พริกไทยสดเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตเร็วปลูกไปเพียง 14 เดือน จะเริ่มให้ผลผลิตขายได้บ้างและให้ผลผลิตเต็มที่เมื่อต้นมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป คุณสมบูรณ์บอกว่าราคาพริกไทยสดจะแพงมากในช่วงปีใหม่ไปจนตลอดฤดูแล้งและมีราคาถูกที่สุด ในช่วงฤดูฝนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 ราคาขายพริกไทยสดจากสวนได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 150 บาท ในขณะ ที่เดือนสิงหาคม 2551 ราคาต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัม ละ 50 บาท

คุณกุหลาบ ทรายแก้ว เกษตรกร จ.กำแพงเพชร ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการปลูกตะไคร้หยวก ซึ่งมีลำต้น อวบอ้วน กลิ่นฉุนเล็กน้อยโดยปลูกแซม ในสวนฝรั่งแป้นสีทอง ทำ รายได้เสริมให้แก่ครอบครัวได้เป็นอย่างดีและยังได้บอกถึงเทคนิคในการปลูกตะไคร้ที่เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปัก ต้นตะไคร้ลงตรง ๆ บริเวณกลางหลุมปลูก ธรรมชาติของต้นตะไคร้จะมีการแตกกอจากตรงกลางหลุม แล้วขยายกอออกไปหาขอบหลุม เมื่อต้นตะไคร้แก่จะอยู่บริเวณกลางกอ จะทำให้เราเก็บเกี่ยวตะไคร้ได้ยาก เพราะใบตะไคร้จะบาดมือและแขนคนเก็บ วิธีปลูกที่ถูกต้องควรจะปักต้นตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ปักให้รอบเป็นวงกลมบริเวณขอบหลุมโดยปลูกหลุมละ 4-6 ต้น คุณกุหลาบบอกว่าราคาขายตะไคร้ จะยืนพื้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท และ ขายได้ราคากิโลกรัมละ 8-10 บาท ในช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม-เมษายน และ ช่วงเทศกาลต่าง ๆ

การปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์ นับเป็นอาชีพยอดฮิตในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เนื้อที่น้อย, ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถใช้แรงงานในครัวเรือน ได้ คุณพิชัย ลัยนันทน์ เกษตรกร จ.สุโขทัยมีประสบการณ์ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์มานานถึง 8 ปี ถือเป็นเกษตรกรรายหนึ่งที่เป็นต้นตำรับในการปลูกมะนาวรูปแบบนี้ หลักการสำคัญของการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์คือดินผสมที่ใช้ปลูกจะใช้หน้าดิน 3 ส่วน, ขี้วัวเก่า 1 ส่วนและเปลือกถั่วเขียว 2 ส่วนผสมให้เข้ากัน (เปลือกถั่วเขียวจะช่วยให้ดินที่ปลูกมีการระบายน้ำที่ดี) ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้เหมือนกับที่ลงปลูกในดิน โดยใช้หลักการ ในช่วงฝนทิ้งช่วง ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยในช่วงทั้ง 2 เดือนนี้ จะต้องงดการให้น้ำอย่างเด็ดขาด เมื่อฝนทิ้งช่วงนานประมาณ 10-15 วัน ฉีดกระตุ้นให้ออกดอกจะได้ผลผลิตมะนาวหน้าแล้ง ออกจำหน่ายได้ในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ซึ่งมีราคาแพงที่สุด

“การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม แบบคอนโด” เป็นงานทดลอง และมีสถานีประมงน้ำจืดชัยนาทเป็นผู้ริเริ่มในช่วงที่คุณสนธิพันธ์ ผาสุขดี เป็นหัวหน้าสถานีฯ เมื่อปี พ.ศ. 2544 จากแนวคิดที่ว่ากุ้งก้ามกรามที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติมักจะชอบอาศัยอยู่ตามซอกหินที่ใช้พื้นที่ไม่มากนักและกุ้งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง จึงมีการตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะนำกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงในขวดพลาสติกได้ เพียงแต่ยึดหลักว่าเลี้ยงใน ระบบปิด น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ระบบการกรองและการ หมุนเวียนน้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพ จากการที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติกขนาดบรรุจุ 5 ลิตร พบปัญหากุ้งตายเกิดจากพื้นที่แคบเกินไปทำให้กุ้งลอกคราบไม่ได้ เปลี่ยนมาใช้ตู้กระจกขนาดบรรจุ 16-17 ลิตร พบว่าปัญหาเรื่องกุ้งตายหมดไป แต่ถ้าเกษตรกรคิดจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ควรจะเลี้ยงในตะกร้าพลาสติก, เลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชังเลี้ยงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและการจัดการเรื่องระบบการหมุนเวียนน้ำ การเลี้ยงกุ้งแบบคอนโดจะได้กุ้งที่มีขนาดน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 600-700 บาท

“การเลี้ยงปลาไหลนาในยางรถจักรยานยนต์เก่า” เป็นความพยายามที่จะหาวิธีการเลี้ยงปลาไหลนาด้วยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติและเป็นการนำเอาวัสดุเหลือใช้มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าปลาไหลทนทานในน้ำที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดีและไม่ชอบสภาพน้ำลึก ปัจจุบันประชากรปลาไหล นาที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเกือบทั้งหมดจับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ความต้องการในการบริโภคปลาไหลนาของคนไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปลาไหลนาจัดเป็นปลาที่มีปริมาณไขมันต่ำที่สุดชนิดหนึ่ง

คุณวิโรจน์ เทียนขาว เกษตรกรจาก จ.นครสวรรค์ มีอาชีพปลูกกระชายมานานกว่า 20 ปี และรูปแบบในการปลูกกระชายของคุณวิโรจน์น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของการทำการเกษตรแบบพอเพียง เนื่องจากปลูกแซมในสวนผลไม้ จากที่กระชายทำรายได้รองเปลี่ยนมาเป็นรายได้หลักในปัจจุบัน และได้ฝากถึงเกษตรกรที่จะปลูกกระชายแซมในสวนผลไม้แนะนำว่าไม่ควรปลูกแซมในสวนมะยงชิดและสวนมะขามหวาน เนื่องจากต้นกระชายจะยุบตายก่อนที่จะลงหัว แต่ถ้าปลูกในร่มเงาของไม้ผลอื่น ๆ เช่น ขนุน มะม่วง กล้วยหรือสะเดา การเจริญเติบโต และการลงหัวของกระชายจะดีมาก

มีการคาดการณ์กันว่าในปีหน้า (พ.ศ.2552) สภาพเศรษฐกิจ ของทั่วโลกจะชะลอตัวลงซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยมีผลทำให้มีการเลิกจ้างแรงงานเป็นจำนวน มาก ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกจนเกินเหตุ และหมดกำลังใจ เนื่องจากยังมีอาชีพเกษตรกรรมอีกมากมายที่ทำได้ง่าย ๆ และพอเลี้ยงชีพได้ ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นโดยใช้ชีวิตอย่างพอเพียงดังคำขวัญของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร บิดาแห่งวงการเกษตรแผนใหม่ที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” หน้าเกษตรเดลินิวส์ขอเป็นกำลังใจให้กับเกษตรกรไทยทุกคนได้ต่อสู้กันต่อไปและใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

คนจับแมลงขาย อาชีพเสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยว


แสงไฟสีแสดมองเห็นไกลลิบอยู่กลางทุ่งนายามดึก โดยมีถุงพลาสติกสีขาวผูกติดเข้ากับลำไม้ไผ่ขนาดเล็ก ซึ่งกางคลุมเหนือหลอดนีออนอีกชั้น ขณะที่พื้นด้านล่างมีกะละมังใส่น้ำวางเรียงรายล้อมรอบเป็นวงกลม เพื่อเป็นภาชนะสำหรับดักแมลง ที่ทั้งลุงต้อยและปอนด์สองพ่อลูกยึดเป็นอาชีพเสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าว

ทุกปีช่วงฤดูหนาวมาเยือนถือเป็นสัญญาณบอกว่า ถึงเวลาออกดักแมลงตามท้องทุ่ง ซึ่งจะสว่างไสวด้วยแสงไฟสีแสดล่อแมลงให้มาติดกับ ส่วนใหญ่แมลงที่ดักจับได้มีทั้ง แมงเหนี่ยง แมงดา จิ้งหรีด แมงกระชอน และแมงตับเต่า แมลงเม่า

หลายปีมานี้ลุงต้อยมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 3,000-4,000 บาท จากการที่ออกดักแมลงกับลูกชาย วันไหนได้เยอะก็จะแบ่งขายสด และคัดแยกนำ ไปคั่ว ทอด เตรียมไปขายตามงานวัดย่านจังหวัดบุรีรัมย์เรียกว่าสามารถมีรายได้จุนเจือครอบครัว ถึงสองทาง

ลุงต้อยเล่าว่า วันนี้นิยมกินแมลงเป็นอาหารกันมาก น่าจะมาจากวัฒนธรรมการบริโภคและภูมิปัญญาชาวบ้านที่สืบทอดต่อกันมาตามสภาวะเศรษฐกิจ แม้ว่าราคาแมลงจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ตั๊กแตนปาทังกา แต่ก่อนกิโลกรัมละ 40 บาท แต่ตอนนี้กิโลละ 400 แล้วยังไม่พอกับความต้องการของตลาด

“แมลงมีตลาดค่อนข้างกว้างเพราะเป็นอาหารที่แปลก จึงมีคนอยากทดลองกิน โอกาสในการทำตลาดจึงสูง คนส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งใจมาตลาดนัดเพื่อซื้อแมลง แต่เป็นเพราะเขาเดินผ่านมาและเห็นว่ามันแปลกก็เลยลองกิน ในเรื่องคู่แข่งมีน้อยมากเพราะส่วนใหญ่จะเป็นรถเข็นที่ขายแมลงทอดตามงาน วัดยังไม่มีระบบในการทำธุรกิจอย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตาม การดักจับแมลง ถ้าไม่รู้ทิศทางลมหรือมีความชำนาญก็จะทำได้ลำบากเพราะแมลงค่อนข้างบินกระจายในที่นาผืนหนึ่ง อาจอยู่กระจัดกระจายตามทิศทางลมและบริเวณที่ชื้นแฉะใกล้แหล่งน้ำ โดยเฉพาะคืนที่อากาศอบอ้าวแมลงจะลงเยอะ แต่ถ้าคืนไหนมีอากาศเย็นแมลงจะมีน้อยมาก นอกจากนี้แสงของนีออนจะมีผลต่อการล่อจับแมลงแต่ละชนิดด้วย ตัวอย่างเช่น แมงดาจะชอบแสงสีม่วงอ่อน ทำให้แมงดาเข้ามาเล่นไฟและติดกับดักได้โดยง่าย

อาชีพนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวนี้มีคนทำกันเยอะอยู่ที่ความชำนาญ แต่ถ้ามีฝีมือและสูตรการทอดแมลงให้มีรสชาติถูกปาก ก็จะช่วยให้มีรายได้มากขึ้นได้ไม่ยากนัก

โดย : เดลินิวส์

' ปลากะตักแปรรูป ' อีกหนึ่งอาชีพเสริม NEW


ปลากะตัก เป็นปลาผิวน้ำขนาดเล็กที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นว่า “ปลาฉิ้งฉั้ง” หรือ “บูร่า” (ลูกปลากะตัก) ซึ่งมีการแพร่กระจาย อยู่ทั่วไปตลอดแนวชายฝั่งอันดามันในระดับความลึก 5-70 เมตร พบมากแถบ จ.สตูล จ.พังงา และ จ.ระนอง โดยปกติแหล่งทำการประมงจะมีการทำประมงอย่างหนาแน่นในบริเวณอ่าวพังงาเพราะสามารถทำประมงได้เกือบตลอดทั้งปี ส่วนชนิดที่พบยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่ชนิด แต่ที่พบได้แก่ ปลากะตักหัวแหลม ปลากะตักส่วนใหญ่ ที่จับได้จะนำมาต้มตากแห้ง เพื่อจำหน่ายทั้งภาย ในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เป็นต้น


ไข่ปลากะตักจะแพร่กระจายอยู่ทั่วไปทุกเดือน แต่จะพบหนาแน่นอยู่สองช่วงด้วยกันคือ ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน และกรกฎาคม-กันยายน ในบริเวณห่างฝั่ง 10-30 ไมล์ทะเล ในระดับความลึกต่าง ๆ กันขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมของในแต่ละพื้นที่นั้น ๆ


การผสมพันธุ์ของปลากะตักเป็นแบบรวมฝูง พ่อ-แม่พันธุ์จะปล่อยไข่และน้ำเชื้อออกมาผสมกันในน้ำ ขนาดปลากะตักหัวแหลม ที่โตเต็มวัยที่จะผสมพันธุ์ได้นั้นมีขนาดความยาวเหยียดประมาณ 60-80 มม. ซึ่งจะมีไข่ประมาณ 1,588 ฟอง และพบมากในเดือนธันวาคม-มกราคม ในบริเวณอ่าวไทยตอนใน


ชาวบ้านที่ยึดอาชีพเสริมต้มปลากะตักนั้นส่วนใหญ่หลังจากเสร็จงานประจำ แต่บางคนก็สามารถยึดเป็นอาชีพหลักได้เลย ซึ่งปกติแล้วปลากะตักส่วนใหญ่จะสั่งมาจาก จ.สตูล และ จ.ปัตตานี ในกิโลกรัมละ 11 บาท จากนั้นก็นำมาต้มโดยตั้งน้ำให้เดือดก่อนที่จะใส่ปลาลงไปและต้องใส่เกลือลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ (ปลาสด 25-30 กก. ต่อ เกลือ 0.5-1 กก.) จากนั้นก็นำไปตากจนแห้งสนิท แล้วใส่ถุงรอให้แม่ค้ามารับอีกทีหนึ่ง (ปลาสด 3 กก. จะได้ปลาแห้ง 1 กก.) ในราคากิโลกรัมละ 35-40 บาท แม่ค้าก็จะพาไป จ้างฉีกปลาพร้อมกับเด็ดหัวด้วยในราคากิโลกรัมละ 3 บาท จากนั้นก็ส่งต่อให้แม่ค้าอีกทอดหนึ่งเพื่อแปรรูปอีกเป็นขั้นตอนต่อไป


ปลากะตักสามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากทำปลาแห้งแล้วยังนำไปทำปลากรอบ ทำน้ำปลา เป็นต้น ซึ่งปลากะตักนั้นเป็นปลาที่ใช้ในการทำน้ำปลาแท้ที่มีคุณภาพสูงสุด เพราะน้ำปลาที่ได้จะมีกลิ่นหอม รสดี สีค่อนข้างแดง โดยปลาที่ใช้ต้องสด และต้องคัดล้างสะอาดเพื่อให้ได้น้ำปลาที่มีคุณภาพ

ขั้นตอนการนำไปทำน้ำปลาได้แก่...เริ่มจากสร้างถังหมักน้ำปลาสูง 1.8 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร ความจุประมาณ 2,800-3,000 กก. จากนั้นหล่อคอนกรีตเสริมด้วยโครงสร้างไม้ไผ่แทนโครงสร้างเหล็กเพื่อป้องกันการเป็นสนิมและการแตกร้าว ถังที่สร้างเสร็จให้ทำความสะอาดแล้วจึงทำการแช่น้ำจืด เพื่อให้ถังปูนคลายความเค็มออกมา ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลา 1-2 เดือน จนกระทั่งปูนจืดจึงล้างถังให้สะอาดแล้วตากถังให้แห้งก่อนการบรรจุปลาลงถังซึ่งต้องใช้ปลากะตัก จำนวน 2,500 กก. ต่อการหมัก 1 ถัง

วิธีทำได้แก่ ล้างทำความสะอาดปลากะตักแล้วนำมาคลุกกับเกลือ ในอัตราส่วน 2 : 1 หรือ 3 : 1 แล้วนำไปใส่ถังหมักซีเมนต์ ซึ่งภายในใส่เกลือรองก้นถัง เมื่อใส่ปลาครบจำนวนแล้วให้ใช้ตาข่ายพลาสติกปิดปากถัง 1 ผืน เพื่อป้องกันผงและแมลง นำหลังคาโปร่งแสงมาคลุมถังหมักแล้วยึดด้วยเชือกให้แน่นเพื่อป้องกันลม-ฝนลง ถังหมักเพราะจะทำให้น้ำปลาเสียหายได้ ใช้ระยะเวลาในการหมัก 1 ปี จากนั้นนำมากรองจะได้ น้ำปลาที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทานสามารถเก็บไว้บริโภคได้เป็นเวลานาน.

บุญยา คงคาลิหมีน
(จาก nicaonline.com)

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (5/2/2551)

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้