วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

‘เฉาก๊วยยุคใหม่’‘เพิ่มเครื่อง’เพิ่มมูลค่า

‘เฉาก๊วยยุคใหม่’‘เพิ่มเครื่อง’เพิ่มมูลค่า


เป็น ของหวานทานเล่นได้ทุกฤดูกาล ยิ่งช่วงอากาศร้อนยิ่งชื่นใจ ที่อยู่คู่กับคนไทยมานานแล้ว สำหรับ “เฉาก๊วย” ซึ่งทีม “ช่องทางทำกิน” ก็เคยนำเสนอข้อมูลไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีผู้สนใจถามไถ่เข้ามาอีกเรื่อย ๆ ดังนั้น วันนี้ทางทีมงานเลยเอาใจแฟน ๆ คอลัมน์ โดยนำสูตรเฉาก๊วยมาบอกกล่าวกันอีกครั้ง ถึง 2 สูตรเลย.....

“เฉาก๊วย” สูตรแรก ออกแนว “เฉาก๊วยทรงเครื่อง” โดยมี พุทรา รากบัว แป๊ะก๊วย ถั่วแดง ลูกชิด เป็นเครื่องประกอบด้วย ซึ่งก็ช่วยทำให้หน้าตา-รสชาติน่าทาน-หอมหวานยิ่งขึ้น ทั้งนี้ วัตถุดิบต่าง ๆ นั้นแหล่งซื้อ-แหล่งที่มีคุณภาพ ถ้าเป็นในกรุงเทพฯก็ต้องยกให้ย่าน “เยาวราช” ไปเสาะหาร้านขายวัตถุดิบได้ไม่ยาก

สำหรับการทำตัวเฉาก๊วย ตามสูตรแรกนี้จะใช้ น้ำเปล่า 1 หม้อใหญ่ ต่อต้นหญ้าจีน หรือหญ้าเฉาก๊วย 6.5 กก. เป็นสัดส่วนของส่วนผสมหลักที่ทำแล้วจะได้ตัวเฉาก๊วยประมาณ 15 กก.

สัดส่วนนี้ถือว่าใส่หญ้าเฉาก๊วยสูงเพื่อให้ได้คุณภาพดี ซึ่งหญ้าเฉาก๊วยมีราคาแพง บางเจ้าจึงลักไก่ด้วยการใส่น้อย แล้วผสมวุ้นหรือแป้งลงไปมาก เพื่อลดต้นทุน แต่ผลที่ได้ก็คือตัวเฉาก๊วยจะเละ ไม่เหนียวนุ่ม การทำให้ได้คุณภาพต้องใช้หญ้าเฉาก๊วยให้เหมาะสม และที่สำคัญ น้ำที่ใช้ในการทำของทุกชนิดต้องใช้ “น้ำกรอง”

อย่าใช้น้ำก๊อกธรรมดา เพราะจะทำให้มีกลิ่นคลอรีน

กรรมวิธีการทำ เริ่มจากล้างหญ้าเฉาก๊วยให้สะอาด จากนั้นต้มกับน้ำสักพักหนึ่ง แล้วนำน้ำเฉาก๊วยที่ได้มากรอง เอาน้ำที่ได้มาเคี่ยวด้วยไฟที่ร้อนพอดี ๆ เคี่ยวจนเหนียว ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง เมื่อเคี่ยวได้ที่แล้วก็พักทิ้งไว้ 1 คืน ในอุณหภูมิที่เย็นพอดี ๆ เพื่อให้เฉาก๊วยอยู่ตัว เมื่อจะนำมาขายก็ค่อยตัดเฉาก๊วยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ
กับของเชื่อมอื่น ๆ ที่นำมาทำเป็นเฉาก๊วยทรงเครื่อง หรืออาจจะขายเดี่ยว ๆ ได้ด้วยนั้น บางอย่างต้องเชื่อมเองคือ แป๊ะก๊วย รากบัว ถั่วแดง บางอย่างก็สามารถซื้อที่เชื่อมสำเร็จแล้วมาใช้ได้เลยคือ พุทรา ลูกชิด

ในส่วนของน้ำเชื่อมใส่เฉาก๊วยขาย สูตรนี้ใช้ “น้ำเชื่อม+น้ำลำไย” น้ำเชื่อมก็ใช้น้ำตาลทราย 2 กก. ต้มกับน้ำสะอาดค่อนหม้อขนาดกลาง น้ำลำไยใช้เนื้อลำไยแห้ง 0.5 กก. ต้มกับน้ำสะอาดค่อนหม้อขนาดกลาง

การตักขาย ตักเฉาก๊วย 1 กระบวยเล็ก ต่อรากบัว 1 ชิ้น, พุทรา 1 ลูก, แป๊ะก๊วย ถั่วแดง และลูกชิด อย่างละ 1 ช้อนขนม ราดด้วยน้ำเชื่อมและน้ำลำไย (ใส่เนื้อลำไย 2-3 ชิ้น) ตามด้วยน้ำแข็ง 1-1.5 ทัพพีเล็ก เท่านี้ก็ขายได้ในราคาถ้วยละ 15 บาท ถ้าลูกค้าสั่งพิเศษก็เพิ่มของอีกนิดหน่อย ขายในราคา 20 บาท

“เคล็ดลับ” ที่น่าสนใจของ “เฉาก๊วยทรวงเครื่อง” สูตรนี้ก็คือ “เติมน้ำตาลทรายแดงบนน้ำแข็ง 1 ช้อนชา” จะช่วยเพิ่มรสชาติให้หวานหอมมากขึ้นอีก !!

ต่อไปเป็นเฉาก๊วยอีกสูตร “เฉาก๊วยธัญพืช” นำเอา ข้าวโพด ถั่วแดง มันเชื่อม มาใส่เฉาก๊วยด้วย ซึ่งสีสันต่าง ๆ ที่ตัดกับสีดำของเฉาก๊วย จะเป็นเป็นสิ่งดึงดูดลูกค้าให้อยากลิ้มลองมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับสูตรแรก

กรรมวิธีการทำ นำหญ้าเฉาก๊วยมาล้างให้สะอาด แล้วต้มด้วยหม้อเบอร์ 22 ใส่น้ำค่อนหม้อ ต้มนานประมาณ 2 ชั่วโมงให้ใบเฉาก๊วยเปื่อยยุ่ย แล้วเยลลี่ก็จะออกมาจากใบมาก ทำให้เฉาก๊วยมีความหนืดมาก ต้มแล้วก็นำมาแยกเอาแต่น้ำโดยกรองด้วยผ้าขาวบาง ให้ได้น้ำเฉาก๊วยประมาณ 50 กก.

“เทคนิค” น่าสนใจของสูตรนี้คือ การต้มเฉาก๊วยให้ “ต้มด้วยเตาถ่าน” ไม่ใช้เตาแก๊สเด็ดขาด เพราะอาจจะมีกลิ่นแก๊สปะปนเข้าไปอยู่ในเนื้อเฉาก๊วย !!
กรองได้น้ำเฉาก๊วยประมาณ 50 กก.แล้ว ก็นำแป้งข้าวโพด 1 ส่วน ผสมกับแป้งท้าวยายม่อมอีก 1 ส่วน ผสมให้เข้ากันดีแล้วใส่ลงไป ซึ่งแป้งข้าวโพดจะช่วยทำให้เฉาก๊วยมีความเงาแวววาว ขณะที่แป้งท้าวยายม่อมจะช่วยทำให้เฉาก๊วยคืนตัวช้าขึ้น การใส่แป้งลงผสมกับน้ำเฉาก๊วยก็ให้ใส่ขณะที่น้ำเฉาก๊วยกำลังเดือด โดยโรยแป้งให้ทั่วแล้วคนด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ จะทำให้เนื้อเฉาก๊วยแน่น ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนกันหน่อย
และตรงนี้ก็มีอีกเทคนิคคือ “การกวนเฉาก๊วยอย่ากวนช้าหรือกวนด้วยจังหวะการกวนที่ไม่สม่ำเสมอ เพราะจะทำให้เนื้อเฉาก๊วยเละ” จะทำให้เฉาก๊วยไม่อร่อย !!

ถ้าน้ำเฉาก๊วย 50 กก. ใช้แป้ง 2 ชนิดประมาณ 4% จะทำเฉาก๊วยออกมาได้ประมาณ 2 กก.

ในส่วนของน้ำเชื่อม สูตรที่สองนี้ใช้ “น้ำตาลอ้อย” นำน้ำตาลอ้อยต้มกับน้ำสะอาดในอัตรา 1:1 ส่วน ต้มให้น้ำตาลละลาย ซึ่งน้ำตาลอ้อยนี้มีสรรพคุณทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานช้าลง ทำให้ตับทำงานน้อยลง

การตักขายก็ใส่เนื้อเฉาก๊วย แล้วใส่ข้าวโพด ถั่วแดง มันเชื่อม ก็คล้าย ๆ กับสูตรแรกที่ใส่เครื่องต่าง ๆ โดยสูตรสองนี้ก็ขายได้ในราคา 15 บาท สำหรับธรรมดา และ 20 บาท สำหรับพิเศษ เช่นกัน

ทั้งนี้ การทำการขายเฉาก๊วยนั้น ยุคใหม่ ๆ ยุคหลัง ๆ คนที่ทำขายมักจะเพิ่มเติมเครื่องประกอบอื่น ๆ ลงไปด้วย เป็น “เฉาก๊วยทรงเครื่อง-เฉาก๊วยธัญพืช” ก็สุดแท้แต่จะครีเอทกัน ซึ่งผลกำไรก่อนหักค่าแรง-ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดที่อยู่ที่ประมาณ 50% ของราคาขาย...ก็จะเพิ่มขึ้นอีก ก็ถือว่าน่าสนใจนะ !!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้