วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Flourless Chocolate Cake

Flourless Chocolate Cake อาชีพเสริม ทำเงิน
Flourless Chocolate Cake
เค้กเย็น แบบเค้กช็อคโกแลตรสชาติเข้มข้น มาอีกแล้วคะ ทำไม่ยาก แต่เอาออกจากพิมพ์ยากนิดนึง เหมาะกับการทานกับวิปปิ้งครีม หรือซอสผลไม้ หรือจะทานเปล่า ๆ ก็อร่อยคะ สูตรมาจากหนังสือ DELICIOUS CAKES ของคุณ วราภา (สัตยบุตร) ปองเงิน ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่าทานมากนะจ๊ะ ระวังจะผอม ^^ อิอิ







ส่วนผสม มีไม่เยอะคะ

Flourless Chocolate Cake

1. ไข่ไก่แช่เย็น 4 ฟอง
2. ดาร์กช็อกโกแลต (Bttersweet) 300 กรัม
3. เนยสดชนิดจืด 180 กรัม
4. ผงโกโก้สำหรับโรยหน้า ใครไม่ชอบอาจใช้โอวันติน ไมโลแทนได้คะ

ลุยกันเลย

1. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ 165 องศาฯ จากนั้นเตรียมพิมพ์คะ ใช้พิมพ์เข็มขัด ขนาด 8 นิ้ว รองด้วยกระดาษไขทาเนยขาว ก้นพิมพ์ห่อด้วยฟอยล์ 2 ชั้นกันน้ำซึมเข้าคะ อย่างลืมต้มน้ำร้อนรอไว้ด้วยนะจ๊ะ^^

Flourless Chocolate Cake

2. ไข่ไก่แช่เย็น ใช้หัวตีตะกร้อตีด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 5 นาที สังเกตได้ จากปริมาณไข่จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เนื้อไข่เป็นสีเหลืองนวล ๆ คะ จากนั้นพักไว้ก่อน

Flourless Chocolate Cake Flourless Chocolate Cake

Flourless Chocolate Cake

3. ตุ๋นช็อกโกแลตกับเนยเข้าด้วยกัน คนจนช็อกโกแลตกับเลยละลายให้หมดนะจ๊ะ ไม่อยากบอกว่าหอมมมม มาก^^ จากนั้นยกลงจากเตาคนต่อคนคลายความร้อน ถ้าใครมีเทอร์โมมิเตอร์ลองวัดดู อุณหภูมิอยู่ที่ 46 องศาเซลเซียสคะ (แต่ส้มไม่มีเลยกะเอาแบบนิ้วจุ่มลงไป จะรู้สึกยังร้อนแต่ไม่ลวกมือ ^^’ )

Flourless Chocolate Cake Flourless Chocolate Cake

Flourless Chocolate Cake

4. ไข่ที่เราตีไว้คะ ใช้พายยางแบ่งไข่ในข้อ 2 ประมาณ 3 ส่วน ตะล่อมลงไปใส่ช็อกโกแลต ทำเบา ๆ จนส่วนผสมหมดและเข้ากันดี (ยากนิดนึง^^) พยายามตะล่อมให้ถึงก้นชามนะจ๊ะ

Flourless Chocolate Cake Flourless Chocolate Cake

Flourless Chocolate Cake

5. นำพิมพ์ที่เตรียมไว้ วางในถาดอบ จากนั้นเทส่วนผสมในข้อที่ 4 ลงไปในพิมพ์ ใช้พายยางเกลี่ยหน้าให้เรียบ

Flourless Chocolate Cake Flourless Chocolate Cake

Flourless Chocolate Cake

6. เทน้ำร้อนใส่ถาดที่รองพิมพ์ไว้สูงประมาณ 1 ใน 3 ของพิมพ์ (ขั้นตอนนี้ให้ระวังด้วย^^ ) จากนั้นนำเข้าเตาอบ ๆ นานประมาณ 25-30 นาที เค้กที่ได้มีลักษณะฟูขึ้นเล็กน้อย ผิวเค้กแห้งคล้ายหน้าบราวนี่เวลาสุก จากนั้นนำมาพักในตะแกรงให้เค้กเย็น

Flourless Chocolate Cake Flourless Chocolate Cake

Flourless Chocolate Cake

7. เมื่อเค้กเย็นใช้ฟอยล์ปิดหน้าเค้กแล้วนำแช่ตู้เย็นทั้งพิมพ์ประมาณ 1 คืน

Flourless Chocolate Cake


8. นำเค้กออกจากพิมพ์ โดยใช้มีดจุ่มน้ำร้อน กรีดรอบ ๆ พิมพ์เข็มขัด จากนั้นปลดตัวล็อคออก (ใจเย็น ๆ นะจ๊ะ^^) แต่ถ้าไม่สำเร็จให้หาผ้าชุบน้ำร้อนบิดหมาด ๆ เช็ดร้อบ ๆ พิมพ์ แล้วคว่ำเค้กลงบนถาด หรือจานรองเค้ก ดึงกระดาษไขออกจากก้นเค้ก จากนั้นหงายเค้กขึ้น โรยผงโกโก้ก่อนรับประทาน

Flourless Chocolate Cake Flourless Chocolate Cake


9. การตัดเค้ก ให้ใช้มีดจุ่มน้ำร้อนก่อนตัดเค้ก เค้กจะเรียบเนียนคะ ^^

Flourless Chocolate Cake

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้