วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

8 วิธีให้เงินไหลมาเทมา โดยนอนอยู่นิ่งๆ


1. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ถ้าใครเคยอ่านหนังสือธุรกิจคงจะพอรู้มาบางว่าอสังหาริมทรัพ์สามารถทำเป็นระบบสร้างเงินได้ โดยการให้คนเช่า คุณจะได้เงินเพิ่มโดยไม่ต้องเสียเวลามากนักหรือยิ่งทำระบบดีๆ ก็จะทำให้นอนนิ่งๆแล้วได้เงินกันเลยทีเดียว เช่น Apartment ที่เราจ้างคนมาคุม


2. ตลาดหลักทรัพย์หรือหุ้นนั้นเอง ผมละคนหนึ่งที่คิดว่าหุ้นนี้และเป็นการนั่งกินนอนกินที่ดีที่สุดถ้าเราเล่นหุ้นเป็น , รอบคอบ แล้วเก่งแน่นอนผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าเลยทีเดียว โดยถ้าเอาตามหลักนั่งกินนอนกินเราต้องเลือกหุ้นที่จ่ายปั่นผลดีๆและบ่อยๆนั้นเอง แล้วต้องเป็นหุ้นที่เจริญเติบโตเรื่อยๆ เช่น หุ้นพลังงาน


3. บริการ + การบริหาร ผมตีความให้ง่ายอย่างคุณมีร้านก๋วยเตี้ยว มีบริการคือให้ก๋วยเตี้ยวแกลูกค้ากิน มันจะไม่สามารถสร้างเงินต่อเนื่องได้โดยนอนนิ่งๆได้ แต่ถ้าประกอบด้วยการบริหาร เช่น จ้างลูกน้องมาทำ , สร้างระบบควบคุม (การติดตั้งกล้องกันการโกงของลูกน้อง) แบบนี้ถึงจะกลายเป็นระบบทำเงินอัตโนมัติ อะไรแบบนี้เป็นต้น

4. ปล่อยกู้ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำครับความเสี่ยงสูงมาก แต่ถ้าเลือกคนปล่อยนี้อีกเรื่องครับ ปล่อยก็เนี้ยเป็นเสมือนการได้ดอกเบี้ยนั้นเองทำให้เรานั่งกินนอนกินได้เลย แต่อย่างว่าครับเสี่ยงโคตรๆ
5. ตู้หยอดเหรียญ สิ่งนี้และที่ทำให้คนๆหนึ่งรวยโดยอยู่เฉยๆกันได้เลยทีเดียว ผมมีญาติอยู่คนหนึ่งเขาทำธุรกิจตู้หยอดเหรียญมีเงินเดือนละ 50,000 บาทได้โดยทีเขาไม่ต้องเสียเวลาอะไรมากนักเพียงแค่เดือนหนึ่งก็ไปตรวจสภาพสักครั้งเอง โดยส่วนใหญ่จะเป็นตู้น้ำหยอดเหรียญ !!


6. ดอกเบี้ยเงินฝาก กลับมาสู่ Basic อันนี้ไม่ต้องคิดอะไรมากยิ่งฝากเยอะยิ่งได้เงินเยอะ !! ความเสี่ยงน้อยถ้าฝากในธนาคารที่ได้มาตรฐานแล้วอยู่มานานแล้ว ส่วนใหญ่จะได้ดอกเบี้ยต่ำไม่เหมือนสมัยก่อนดอกเบี้ยนี้เยอะมากๆ ทบต้นได้สบายเบิ้ลๆๆ ได้เร็วมาก


7. ลงทุนในกองทุนต่างๆ ลักษณะจะคล้ายๆหุ้น แต่ว่าพวกนี้ส่วนใหญ่ได้ผลประโยชน์แน่นอนแต่ต้องใช้เวลาแล้วก็มีความเสี่ยงอยู่ แต่บางกองทุนก็มีผลประโยชน์ที่เป็นระบบให้เงินอัตโนมัติเป็นช่วงๆได้นะ


8. พื้นที่ทำมาหากิน บางทีการลงทุนกับพื้นที่ก็สามารถสร้างรายได้ เช่น ให้เปิดแผงลอย , แบกะดิน แล้วเก็บค่าเช่าเอา หรือว่าจะทำเป็นที่จอดรถก็ยังได้ดังนั้น การลงทุนในพื้นที่ทำมาหากินนี้เป็นการต่อยอดเพื่อทำ Service ต่างๆหรือให้เช่าได้อย่างดีเยี่ยมอีกวิธีหนึ่ง

เป็นยังไงบางครับ 8 วิธีนี้โดยส่วนใหญ่โลกของเราที่มองเห็นชัดๆคือข้อ 3 นั้นเองซึ่งมีอยู่มากมายแล้วสามารถพัฒนาได้มากมาย ใครมีเทคนิคดีๆมา share กันบางนะครับที่สามารถทำเงินได้โดยอยู่นิ่งๆขอแบบทำได้จริงแล้ววิชาการนิดหนึ่งครับ

“การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาก่อนลงทุน”


ขอบคุณที่มาของบทความ
http://www.dominixz.com/blog/money/8-ways-to-get-money-from-doing-nothing/

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

‘เต้าทึง แป๊ะก๊วย’อาชีพเด่นรับฤดูร้อน เทศกาลสงกรานต์

เต้าทึง แป๊ะก๊วย รับลมร้อน ผ่านเทศกาลสงกรานต์นี้

หน้าร้อนมาแล้วจ้า.....!! อาชีพขายอาหารหน้าร้อนที่ดูจะขายดีกันเป็นพิเศษก็คงจะหนีไม่พ้นขนมหวานเย็น ๆ หรือสารพัดน้ำเย็น ๆ ต่าง ๆ ซึ่งสำหรับการขาย “ขนมเต้าทึง-แป๊ะก๊วย” ที่ใส่น้ำแข็ง ดับกระหาย และเพื่อสุขภาพ ก็คงจะเป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจในยามที่อากาศร้อนอบอ้าว วันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมาบอกกล่าวกัน...

เก๋-วิภารัตน์ สุขุมอำนวยชัย เป็นแม่ค้าขายเต้าทึง-แป๊ะก๊วย และเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ย่านตลาดสดบางขุนศรี เจ้าตัวเผยว่าขายมาประมาณ 2 ปีแล้ว โดยที่เมื่อก่อนเคยทำงานเป็นพนักงานบัญชี แต่รายได้ไม่พอกับรายจ่าย จึงได้คิดเปลี่ยนอาชีพเพื่อที่จะหาทางเพิ่มรายได้มาดูแลครอบครัวและลูก


การขายในครั้งแรกนั้นเริ่มต้นด้วยการขายขนมเต้าทึง-แป๊ะก๊วย โดยทำมาจากบ้านแล้วแบ่งใส่ถุงขาย เบื้องต้นตอนแรกขายถุงละ 10 บาท ใส่ถาดแบกขายไปทั่ว ขายไปได้สักระยะหนึ่งก็ปรากฏว่าลูกค้าติดใจ แต่ปัญหาที่ตามมาคือตามหาตัวคนขายไม่ค่อยเจอ เพราะแบกถาดไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็มาหาที่ขายเป็นหลักแหล่งได้ และได้ทำน้ำ
ด้วยความที่เป็นคนชอบทานขนมเต้าทึง-แป๊ะก๊วย และเครื่องดื่มสมุนไพรมากเป็นทุนเดิม และพอจะทราบว่าทำอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายแทบทุกอย่าง เมื่อคิดที่จะค้าขายก็เลยลองทำดู พยายามฝึกฝนฝีมือไป เรื่อย ๆ เมื่อคิดว่าพอใช้ได้จากนั้นจึงได้ทำให้คนอื่นชิมดู ก็ปรากฏว่าได้รับคำชมจึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจ และตัดสินใจทำออกขายในที่สุด


สมุนไพรขายเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันขนมเต้าทึง-แป๊ะก๊วยขายถุงละ 20-30 บาท เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้นส่วนน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพนั้นขายราคาถุงละ 10 บาท


มาดูกันว่าการขาย “เต้าทึง-แป๊ะก๊วย” ต้องเตรียมอะไรกันบ้าง ?


ลูกแป๊ะก๊วย ตามปกติเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารหวาน มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสมอง ใช้วันละ 15-20 กิโลกรัม ก่อนอื่นต้องปอกเปลือกแข็งออกให้หมด ล้างน้ำให้สะอาด และต้มน้ำทิ้ง 2-3 ครั้ง เพื่อให้สุกและนิ่ม
ป่วยจัว ลักษณะเป็นแผ่นสีขาว ขนาดกว้าง 2-3 เซนติเมตร ขนาดยาวไม่เกิน 10 เซนติเมตร มีคุณสมบัติช่วยบำรุงหัวใจ ใช้วันละ 2.5 กิโลกรัม นำมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปเชื่อมกับน้ำตาลประมาณ 1 กิโลกรัม เพื่อให้นิ่ม และมีรสหวานนิดหน่อย, เม็ดเก๋าคี่ ลักษณะเป็นเมล็ดสีแดง มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตา ใช้วันละ 1 กิโล กรัม ก่อนใช้ต้องล้างน้ำให้สะอาดเสียก่อน ตามปกติสมุนไพรจีน 2 ตัวนี้มักจะเป็นส่วนประกอบของการทำอาหารคาวประเภทเครื่องตุ๋น เพราะได้รสชาติน้ำแกงที่อร่อย และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ


พุทราจีนแห้งไร้เม็ด ใช้ประมาณ 4-5 กิโลกรัม ต้องนำมาต้มน้ำให้สุก และเชื่อมกับน้ำตาลให้หวาน, ลำไยแห้ง ใช้วันละ 1 กิโล กรัม เช่นเดียวกับพุทราจีนคือต้องนำมาต้มน้ำให้สุกก่อน แต่ไม่ต้องเชื่อม สำหรับผลแห้งทั้ง 2 ชนิดนี้เป็นส่วนประกอบสำหรับกินเล่น ๆ


ของทั้งหมดนี้แหล่งใหญ่ไปหาซื้อได้ที่ย่านเยาวราช เป็นแหล่งของดีมีคุณภาพ ซึ่งการทำขายต้องให้ผู้ซื้อได้รับโภชนาการที่ดีเพื่อเป็นจุดดึงดูด ที่สำคัญต้องเตรียมของแบบสดใหม่ทุกวัน ไม่มีค้างคืน


วิธีทำ เตรียมน้ำสะอาดใส่หม้ออะลูมิเนียม ขนาด 42 นิ้ว เต็มหม้อ จากนั้น นำส่วนประกอบทั้งหมดลงไปต้ม พร้อมกับใส่ใบเตย ใบแป๊ะก๊วย และดอกเก๊กฮวย เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติให้ดีขึ้น และสีสันให้ออกเหลืองนวลสดใส


ส่วนน้ำตาลที่ใช้นั้นใช้น้ำตาลกรวด 5 กิโลกรัม ต้มประมาณ 2-3 ชั่วโมงก็เป็นอันใช้ได้ ปล่อยทิ้งไว้ให้ขนมเย็นเสียก่อน แล้ว ค่อยตวงใส่ถุง ขายถุงละ 20 บาท (กะปริมาณโดยใส่ลูกแป๊ะก๊วยประมาณ 12 ลูก, ป่วยจัว 2 ชิ้น, ลูกพุทรา 1 ลูก, ลำไย 2 ลูก และเก๋าคี่พอประมาณ)

สำหรับน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ร้านนี้จะมีขายหลายอย่าง ได้แก่ น้ำจับเลี้ยง น้ำเก๊กฮวย น้ำรากบัว น้ำมะตูม น้ำกระเจี๊ยบ น้ำลำไย ซึ่งเจ้าตัว ยืนยันว่าขายดีทุกชนิด และให้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำสมุนไพรมา 2 ชนิดด้วย...


“น้ำจับเลี้ยง” มีคุณสมบัติช่วยแก้อาการร้อนใน ใช้ใบจับเลี้ยง 2 กิโลกรัม (หาซื้อที่ร้านขายยาจีน ซึ่งปลอดภัยที่สุด เพราะบางทีถ้าหาซื้อที่อื่นอาจโดนของปลอมได้) โดยที่ก่อนใช้ล้างให้สะอาด ต้มในน้ำขนาดหม้อ 42 นิ้ว พร้อมกับน้ำตาลกรวด และน้ำตาลทรายแดง 3 กิโลกรัม ต้มสุกแล้วกรองเศษใบจับเลี้ยงออก แล้วนำไปตวงแบ่งใส่ถุง ขายในราคาถุงละ 10 บาท


“น้ำกระเจี๊ยบ” ใช้ลูกกระเจี๊ยบ 2 กิโลกรัม ล้างให้สะอาดก่อน แล้วนำไปต้มในน้ำขนาดหม้อ 42 นิ้ว พร้อมกับน้ำตาลกรวด และน้ำตาลทรายแดง 3 กิโลกรัม เมื่อต้มสุกให้กรองเศษลูกกระเจี๊ยบออกให้หมด แล้วแบ่งตวงขายใส่ถุง ๆ ละ 10 บาทเช่นกัน

ใครอยากจะชิมหรือไปสอบถามเรื่องการขาย “เต้าทึง-แป๊ะก๊วย” และน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ของคุณเก๋-วิภารัตน์ ก็ไปได้ที่ตลาดสดบางขุนศรี ขายเกือบทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ระหว่างเวลา 14.00-19.00 น. หรือหาร้านไม่เจอก็สอบถามได้ที่ โทร.086-993-5387


ส่วนใครอยากจะลองขายดูบ้างก็ไปฝึกทำกันดู !! เผืออาจจะช่วยสร้างรายได้ในยุคนี้เป็นอย่างดีก็ได้

เครดิต : http://www.dailynews.co.th

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

กระถางหัวใจ ธุรกิจสื่อรักโกยรายได้รับ วาเลนไทน์

กระถางหัวใจสื่อรัก วาเลนไทน์เดย์ ขนาดกลาง


กระถางหัวใจสื่อรัก สินค้าที่ออกแบบมาเพื่อต้อนรับเดือนแห่งความรัก ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งกระถางหัวใจสื่อรักนี้ เป็นงานฝีมือที่ผลิตและออกแบบโดยคนไทย ทำออกมาตอบสนองความต้องการของกลุ่มวัยรุ่น ที่ต้องการของขวัญนำมามอบให้คนรักในช่วงเทศกาลดังกล่าว

นายสมชัย จันลองจังจิต เจ้าของร้านโนะเนะ ร้านกิฟต์ชอป ที่ตั้งอยู่บนห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน กรุงเทพฯ เล่าว่า ได้จำหน่ายกระถางหัวใจสื่อรักมานานกว่า 4 ปี โดยเป็นสินค้าที่นำมาขายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งจะเริ่มขายตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงสิ้นเดือน แต่ช่วงที่ขายได้มากที่สุด เป็นหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงวันวาเลนไทน์ ดังนั้น การวางสินค้าจะเริ่มวางเต็มที่สัปดาห์ที่สองของเดือน

กระถางหัวใจ รูปแบบใหม่เพิ่มตัวอักษร

สำหรับร้านโนะเนะ ให้ความสำคัญกับการเลือกสินค้ามาวางขายตามเทศกาล เช่น วันปีใหม่ วันวาเลนไทน์ หรือ วันตรุษจีน เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่นำมาวางขายแต่เดิม ผลิตและออกแบบเอง แต่เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด ต้องดูแลร้าน และไม่มีแรงงานที่จะมาช่วยผลิต จึงใช้วิธีการเลือกดูสินค้า ตามแหล่งจำหน่ายสินค้าในกลุ่มกิ๊ฟชอป เช่น ตลาดสำเพ็ง สวนจตุจักร และสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และจีน

นายสมชัย จันลองจังจิต เจ้าของร้านโนะเนะ “ในช่วงแรกที่ผมเปิดร้านกิ๊ฟชอปปีแรกๆ ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ผมกับหุ้นส่วนจะช่วยกันออกแบบสินค้าเพื่อมาจำหน่ายที่ร้านเอง หลังจากที่ได้ไปดูสินค้าจากแหล่งจำหน่ายสินค้ากิฟต์ชอปในย่านตลาดสำเพ็ง พบว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่ สินค้าก็เหมือนกันหมด และถ้าจะขายสินค้านำเข้าจากประเทศจีน ข้อเสียของสินค้านำเข้าจากจีน คือ ไม่มีความคงทน ลูกค้าซื้อไปก็รู้สึกไม่ประทับใจทั้งผู้ให้และผู้รับ จึงตัดสินใจลงมือออกแบบและผลิตกันเอง”

มุมหนึ่งของร้านทีไม่ได้มีเพียงกระถางหัวใจ

อย่างไรก็ตามการผลิตและออกแบบต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก ซึ่งเราทั้งสองคนเริ่มมีเวลาน้อยลง เพราะต้องให้เวลากับการดูแลร้าน จึงหันมามองหาสินค้าที่ผลิตจำหน่ายอยู่แล้ว และมีความแปลกใหม่ จนมาได้กระถางหัวใจสื่อรักดังกล่าว จากร้านค้าในย่านสวนจตุจักร และติดต่อรับมาจำหน่ายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่ 4

หน้าร้านที่เดอะมอลล์งามงงศ์วานเต็มไปด้วยกระถางหัวใจ โดยรูปแบบของกระถางหัวใจ ทำมาจากผ้าทำตุ๊กตา ส่วนกระถางนั้นทำมาจากโฟม เพื่อให้น้ำหนักเบา รูปแบบของกระถางหัวใจ จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ขนาด ส่วนขนาดที่ขายดีที่สุดจะเป็นขนาดจัมโบ้ เพราะลูกค้ามองว่า การมอบหัวใจขนาดใหญ่แสดงว่ารักมาก น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ระยะหลังกระถางหัวใจขนาดจัมโบ้ ขายได้มากกว่าขนาดอื่นๆ โดยลูกค้าที่ต้องการจะซื้อกระถางในขนาดจัมโบ้ จะต้องสั่งจองล่วงหน้า เพราะมีการทำออกมาจำนวนจำกัด

กระถางหัวใจอีกแบบที่ไม่ได้ทำจากผ้าตุ๊กตา

สำหรับรูปแบบของกระถางรูปหัวใจในปีนี้ ได้มีการออกแบบ โดยการเพิ่มลูกเล่น เช่น ตัวอักษร คำว่า LOVE หรือ I แต่งไปบนกระถาง เพื่อให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ส่วนสินค้าอื่นๆ ที่ทำออกขายในช่วงวาเลนไทน์ จะมีตุ๊กตาถือหัวใจสีแดง หรือ สินค้าอื่นๆ ที่มีรูปหัวใจสีแดง เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความรักในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ สาเหตุที่ต้องมีสินค้าอื่นๆ วางจำหน่ายควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า เพราะลูกค้าบางคนก็ไม่กล้าซื้อกระถางหัวใจสีแดง ก็อาจจะซื้อสินค้าอื่นๆ ที่มีสัญลักษณ์สื่อรักเล็กๆมอบให้คนรัก

แบบนี้ก็ไม่ทำจากผ้าตุ๊กตาเช่นกัน
กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะวัยรุ่น วัยทำงาน และเด็ก โดยลูกค้าหลักของทางร้านจะเป็นผู้หญิง ราคากระถางหัวใจสื่อรัก เริ่มต้นที่ 99 บาท ไปจนถึงสูงสุด 499 บาท ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ เพราะลูกค้าเริ่มรู้จักมากขึ้น และประกอบกับทางร้านได้มีการขยายสาขา ปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน 3 สาขา เดอะมอลล์ สาขาบางแค สาขาท่าพระ และสาขางามวงศ์วาน การเลือกเปิดขายในห้างสรรพสินค้า เพราะง่ายไม่ต้องเก็บร้านทุกวัน และลูกค้าค่อนข้างชัดเจน

หมอนอิงรูปหัวใจของขวัญวาเลนไทน์เช่นกัน

สำหรับสินค้าขายตามเทศกาลนั้น เทศกาลวาเลนไทน์ ถือว่าทำรายได้มากใกล้เคียงกับเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากลูกค้าของร้านโนะเนะ เป็นกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งให้ความสำคัญกับการมอบของให้กันในวันวาเลนไทน์ ส่วนผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถือว่าได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะลูกค้าเป็นกลุ่มที่ยังหาเงินเองไม่ได้ รับเงินจากพ่อแม่ จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับภาวะเศรษฐกิจแต่อย่างใด และการที่ลูกค้าเป็นวัยที่ยังไม่สามารถหาเงินได้เอง ทำให้การตั้งราคาสินค้าของทางร้านจึงไม่สูงมาก

ตุ๊กตาหมียังเป็นสินค้ายอดฮิตวาเลนไทน์

นายสมชัย เล่าว่า ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจกิฟต์ชอป โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ การแข่งขันค่อนข้างรุนแรง มีสินค้าในรูปแบบแปลกใหม่ออกมาวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราจำเป็นจะต้องออกแบบให้ดูแปลกใหม่ และงานที่ทำออกมาจะต้องดูดีสวย สะดุดตาและฝีมือการทำจะต้องประณีต และต้องราคาไม่แพง อย่างสินค้าในร้านโนะเนะจะตั้งราคาถูกกว่าสินค้ากิฟต์ชอปของทางห้างประมาณ 10% และทางร้านจะมีบริการห่อของขวัญให้ลูกค้าฟรี เมื่อลูกค้าต้องการ หรือการจัดโปรโมทชั่นร่วมกับทางห้างในช่วงเทศกาล เป็นต้น ..

สนใจโทร. 08-1649-9222

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

อาชีพเสริมเพิ่มรายได้ . . . ทำอะไรดี?


Top Hobbies to make money
Money
ช่วงสภาวะการเงินไม่ดีแบบนี้ ลองแปลงงานอดิเรกของคุณให้เป็นแหล่งทำเงินดูบ้าง คุณจะได้มีรายได้เสริมนอกเหนือจากงานประจำให้กระเป๋าตังค์มีสภาพคล่องขึ้น

ปลูกต้นไม้

บางคนอาจจะคิดว่านี่ไม่ใช่งานอดิเรกที่ทำเงินสักเท่าไร แต่คุณรู้ไหมว่าต้นไม้กำลังมาแรง หากคุณขยายพันธุ์เก่งๆก็สามารถวางขายหน้าบ้านมีกำไรเข้ามาในบ้านทุกวัน นอกจากนั้นอาจจะวางขายกระถางต้นไม้ ดินปุ๋ย ไว้บ้าง เพราะของหนักพวกนี้คนที่ไม่มีรถจะไม่นิยมเดินทางไปซื้อไกลๆนับว่าคุณเปิดตลาดในชุมชนบ้านคุณได้ดี

ถ้าไม่ค่อยมีคนอยู่บ้านไม่สะดวกเปิดหน้าร้าน ลองโฆษณาผ่านเว็บไซต์ต้นไม้ และเลือกต้นไม้มีอนาคตไกลอย่าง หน้าวัว ใบ อโกลนีมา หรือไม้ดอกต่างเพื่อขยายพันธุ์ส่งออกได้ด้วยเหมือนกัน

แม่ครัวมือหนึ่ง

ถ้าใครเป็นคนมือทอง ต้มผัดแกงทอดทำอะไรก็อร่อย มีโอกาสทำเงินได้มากมายไม่ว่าจะเป็นเปิดบ้านรับสอนทำอาหาร หรือทำอาหารเล็กๆน้อยๆขายในออฟฟิศของคุณก็ได้ ยามที่มีการจัดงาน เช่น น้ำพริก หมูเค็ม ขนมหวาน คุกกี้ ฯลฯ ที่สำคัญถ้าอันไหนเด็ดจริงส่งตามร้านอาหารเลยก็ย่อมได้

ช่างภาพ+นักเขียน

เพิ่มช่องทางทำเงินด้วยการถ่ายภาพ นำมาทำเป็นภาพโปสการ์ดส่งขาย หรือขายรูปในนิตยสารต่างก็ได้ แม้แต่นักเขียนมือสมัครเล่นที่ชอบเล่นบล็อคต่างๆในอินเทอร์เน็ต มาถึงวันนี้ก็เห็นแล้วว่านิยายเรื่องดังได้รับความนิยมในอินเทอร์เน็ตอย่างสูง จึงนำมาทำเป็นละคร ได้ค่าลิขสิทธิ์เป็นกอบเป็นกำ

งานฝีมือ

ไม่ว่าจะเป็นการถักโครเชต์ นิตติ้ง เพ้นต์แก้ว ปักหมอน ก็สามารถทำเงินให้คุณได้ทั้งนั้น เพียงคุณมีผลงานโชว์ว่าคุณสามารถทำแบบไหนได้บ้าง จัดเป็นแคตตาล็อกลงในอินเทอร์เน็ต หรือบอกเพื่อนๆ ปากต่อปาก ใช้หลักการตลาด ตั้งของโชว์บนโต๊ะทำงานของคุณก็ได้ ถ้างานคุณสวยน่ารักเก๋ไก๋ รับรองว่าเพื่อนๆ ก็อยากได้เป็นเจ้าของทั้งนั้น

นตรี

สาวคนไหนสามารถเล่นไวโอลิน แซ็กโซโฟน กีต้าร์ ขิม จะเข้ ฯลฯ จะมีคนจ้างคุณมาขับกล่อมในงานของเขาแน่นอน หากถนัดดนตรีไทยให้ลองสมัครกับทางโรงแรมที่มีแขกต่างชาติเยอะๆ โรงแรมเหล่านี้จะชอบให้คุณเล่นดนตรีสดให้แขกเขาฟัง หรือถ้าถนัดแนวคลาสสิกแจ๊ช ลองลงโฆษณาไว้ที่เว็บไซต์เกี่ยวกับงานแต่งงาน เพราะคู่รักมักต้องการเสียงเพลงหวานๆ สดๆ จากฝีมือของคุณเช่นกัน



-ขอบขอบคุณข้อมุลจาก



วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

7 วิธี -เพลิน กับ งาน-อาชีพ


เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้รับเชิญจากบริษัทกีฟฟารีนฯ ให้ไปบรรยายที่โรงแรมอินทรา ประตูน้ำ ซึ่งปรกติเขาก็จัดสัมมนาผู้นำและผู้สนใจอยู่เป็นประจำในทุกวันอังคาร แต่ละอังคารก็จะมีวิทยากรไปให้วิชาการเกี่ยวกับการทำธุรกิจเครือข่าย ผมเองนั้นก็ไปบรรยายมาแล้วหลายครั้ง แต่ในครั้งนี้ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่บริษัท กีฟฟารีนฯ เขากำหนดให้ผมพูดในหัวข้อ “เพลินกับงาน สำราญกับชีวิต” ซึ่งดูจะเป็นหัวข้อที่เบาๆ สบายๆ แตกต่างจากที่แล้วๆ มาซึ่งมักเป็นเรื่องการขาย การทำธุรกิจเครือข่ายโดยตรง

1. ตั้งเป้าหมายชีวิตให้สอดคล้องกับความเครียด

โดยหลักการแล้วมันก็ใช่อยู่หรอกที่คนเราจะต้อง “คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก” “ต้องฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง” แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนเรามีภูมิต้านทานต่างกัน ถ้าเราคิดใหญ่เกินไป หรือฝันเสียไกลเกินเอื้อม ระดับความเครียดมันก็จะมีมาก ความเครียดนั้นเกิดจากระยะห่างระหว่างสิ่งที่เราอยากจะเป็น กับสิ่งที่เราเป็นอยู่ ยิ่งห่างมากก็ยิ่งเครียดมาก หลายคนทนความกดดันนี้ไม่ได้ ก็เลยพาลถอดใจเลิกล้มความตั้งใจไปเลย หันไปร้องเพลงของน้าแอ๊ด คาราบาวที่ว่า “สบายกว่ากันเยอะเลย อยู่เฉยๆ ดีกว่า..”
ผมคิดว่าคนเราควรจะตั้งเป้าหมายชีวิตให้มันสอดคล้องกับความเครียดของเราจะดีกว่า ถ้าเราเป็นคนประเภท “แกร่งทั่งแผ่น แน่นทั่วฐาน กร้านทั่วตัว” แล้วละก็ อยากจะเล็งพระอาทิตย์ไปเลยก็คงจะได้ แต่ถ้าเราใจคอไม่ได้หนักแน่นเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็กอะไรปานนั้น ก็เล็งแค่พระจันทร์ หรือไม่ก็ดาวดวงเล็กๆ ไปก่อน หรือจะเอาแค่ดาวตก อุกกาบาต ผีพุ่งใต้ อะไรไปก่อนก็ยังได้ เอาไว้หล่อหลอมตัวเองจนเข้มแข็ง มีภูมิต้านทานมากขึ้น ก็ค่อยขยับขยายเป้าหมายให้มันใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ อีกได้

2. กินทีละคำ..ทำทีละอย่าง

แม้จะตั้งเป้าหมายใหญ่เล็กอย่างไรก็ตาม ก็ต้องวางแผนงานว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ไม่อย่างนั้นก็จะมีความรู้สึกว่ามีเรื่องที่ต้องทำตั้งร้อยแปดอย่าง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน เผลอๆ มองดูเนื้องานที่ต้องทำทั้งหมดแล้วเลยพาลมืออ่อนตีนอ่อนขึ้นมาเสียเฉยๆ เอาอย่างนี้ซีครับ ลองสมมติว่าเรามีภารกิจที่จะต้องกินช้างทั้งตัวให้หมด ถ้าเรามองดูช้างแล้วก็อาจรู้สึกท้อใจว่าจะล่อมันเข้าได้อย่างไรหมดทั้งตัว แต่ถ้าเราค่อยๆ ตั้งสติ เริ่มกินช้างทีละนิดทีละหน่อย จะเริ่มกินตรงไหนของมันก่อนก็ได้ อาจจะเริ่มแทะหางชี้..เอ้ย..หางช้าง จากนั้นก็ไปเล็มใบหู เสร็จแล้วก็จัดการกับงวง ถัดไปก็ขาหน้าข้างซ้าย แล้วก็ย้ายไปขาหน้าข้างขวา จากนั้นเราอาจจะหยุดไปนอนเอาแรงเสียนิดๆ หน่อยๆ ก่อนกลับมาจัดการขาหลังทีละขา ถัดมาก็งับหัวมัน ทีนี้ก็เหลือแต่ลำตัวแล้ว จะแทะจะเล็มตรงไหนก่อนของลำตัวก็ว่าไปตามอัธยาศรัย ไม่ช้าไม่นาน เราก็จะสามารถกินช้างหมดทั้งตัวได้ในที่สุด

ในการทำงานนั้น ของเพียงลงมือทำอะไรสักอย่างทุกวัน ก็ถือเป็นการทำสิ่งที่บรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ได้เสมอ

3. ความสุขจากการวิ่งไล่จับ..สุขกว่าการจับได้แล้ว

บางครั้งการเอาเป็นเอาตายกับการจะไปถึงเป้าหมายให้ได้ ก็ทำให้เราสูญเสียความสุขจากการเดินทางไปเสียหมด จริงๆ แล้วความสุขนั้นอยู่ตรงโน้น อยู่ตรงนี้เต็มไปหมด มีอยู่ตลอดรายทางที่เรากำลังเดินไป การไม่รู้จักเก็บเกี่ยวความสุขตามรายทาง บางครั้งก็ทำให้เราหมดแรงเสียก่อนจะไปถึงเป้าหมาย หรือมิฉะนั้นพอไปถึงเป้าหมายได้ เราก็อาจรู้สึกว่าความสุขที่ได้มันเว้าๆ แหว่งๆ อย่างไรพิกล มันไม่ค่อยอิ่มเอม มันเหมือนต้อง สูญเสียอะไรไปเยอะมากกว่าจะมาถึงเป้าหมายได้ เพราะฉะนั้น อย่ารอให้ไปถึงยอดเขาแล้วจึงจะยอมมีความสุข เพราะขณะที่เราเดินทางไต่เขาอยู่นั้น เราก็มีความสุขได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

4. ให้รางวัลตนเองเป็นระยะๆ

อย่าเป็นคนที่เสียเงินซื้ออะไรง่ายๆ โดยไม่มีความหมาย สิ่งที่เราต้องซื้ออยู่แล้วในชีวิตประจำวันนั่นน่ะ เช่น โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ เสื้อผ้าชุดใหม่ เปลี่ยนรถใหม่ เดินทางท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน ฯลฯ เราสามารถใช้มันเป็นรางวัลเพื่อกระตุ้นจิตใจเราได้ อย่าซื้อรถใหม่ ถ้าเราไม่รู้ว่าเพื่อให้รางวัลตัวเองในเรื่องอะไร ในการทำผลงานอะไรให้บรรลุความสำเร็จ จงแยกแยะรางวัลใหญ่เล็กให้สอดคล้องกับกิจกรรมน้อยใหญ่ที่เราทำสำเร็จ การทำเช่นนี้นอกจากจะทำให้เรามีขวัญกำลังใจดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาแล้ว ยังช่วยให้เราซื้อหาอะไรได้สมเหตุสมผลขึ้นอีกด้วย

5. ผ่อนคันเร่งได้..แต่อย่าเหยียบเบรค

คนเรามันก็ต้องมีเหนื่อยบ้าง ท้อบ้างเป็นธรรมดา เราก็ต้องรู้จักผ่อนหนัก ผ่อนเบา ยืดหยุ่นความเร็ว ความช้า เหนื่อยนักก็ช้าลงหน่อย แต่อย่าหยุด แตะเบรคได้ แต่อย่าเหยียบเบรคซะมิดจนหยุดกึก พอหายเหนื่อย ได้น้ำได้ท่า ก็เดินหน้าลุยต่อไป

6. อิจฉาได้..แต่อย่าริษยา

อิจฉาคืออยากดีอย่างเขา อยากเก่งอย่างเขา อยากรวยอย่างเขา ฯลฯ แต่ริษยาคือไม่อยากให้ใครได้ดี ไม่อยากเห็นใครเก่งกว่า รวยกว่า ซึ่งไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่ได้อะไรเลยทั้งสิ้น ต้องรู้จักชื่นชมในความสำเร็จของผู้-อื่น หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น ไม่ต้องไปแข่งขันชิงดีชิงเด่น เอาแพ้เอาชนะกับใคร ไม่ต้องไปอวดมั่งอวดมีอวดความอัครฐานกับใคร จงแข่งกับตัวเอง เปรียบเทียบตัวเองในวันนี้กับเมื่อวันก่อนๆ

7. สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ

ประโยคนี้ผมยืมมาจากชื่อหนังสือขายดีของนายแพทย์เทอดศักดิ์ เดชคง ผมชอบประโยคนี้จังเลย ถ้าเราสามารถคิดได้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรที่ว่านั้นจะดีหรือเลว ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เป็นประโยชน์กับเราทั้งนั้น ใจเราก็จะเป็นสุข ถ้าสิ่งที่เราทำนั้นมันดี มันถูกต้อง มันก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามันไม่ดี ไม่ถูกต้อง ประโยชน์ของมันก็คือ เราจะได้ไม่ทำมันอีก และอย่างน้อยเราก็มีภูมิต้านทานเพิ่มมากขึ้น เพื่อจะสามารถทำการใหญ่ได้ต่อไป


อ้างอิงข้อมูลจากเว็บ

บทความที่ได้รับความนิยม

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้