วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2552

บันได 7ขั้นสู่การเป็นเศรษฐี


จากการเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานมาตลอดทั้งปี ถึงเวลาหาความสุขให้ตัวเองบ้าง ไปทุกที่ที่อยากเที่ยว ซื้อทุกอย่างที่ต้องการ รวมถึงกินทุกสิ่งที่ใจอยาก ผลที่ตามมาจะคุ้มกับทุนที่เสียไปหรือเปล่าไม่รู้ แต่อย่าห่วงเลย ถ้าสิ่งนั้น ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และนำมาซึ่งความสุขให้ร่างกาย และจิตใจของคุณ เพราะ เงิน จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป

บันไดขั้นที่ 1 เรื่องง่าย ๆ

การเริ่มเป็นเศรษฐี ขั้นแรกคุณต้องเชื่อมั่นก่อนว่าไม่ใช่เรื่องยากเกินไป การเป็นเศรษฐีไม่ได้หมายถึงการเป็นคนร่ำรวย แต่ทรัพย์สินเท่านั้น รวมถึงการมีสุขภาพจิต สุขภาพร่างกายที่ดีด้วย ดังนั้น มองโลกแง่บวกไว้ว่า เงินทองที่มีแม้ไม่ได้ มากมาย แต่ก็นับว่า คุณเองเป็นเศรษฐีแล้ว เพราะในอนาคต เมื่อตั้งใจทำงานทรัพย์สินที่มีก็ย่อมทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ

บันไดขั้นที่ 2 หาหนทาง
เป็นเศรษฐีที่ดีต้องรู้จักฝึกเป็นคนช่างสังเกตอยู่ตลอดเวลา ขั้นต่อมา คุณจึงควรรู้จักหาหนทางใหม่ ๆ ในการสร้างรายได้ เริ่มด้วยการ จับทิศทางตลาดใกล้ตัวว่าอะไรกำลังมา ลงทุนไม่ต้องสูงมาก หรือทำงานพิเศษรับโอที ขยันเพิ่มขึ้นหน่อย เพื่อรายได้ ที่มากขึ้น และอนาคตที่ดีในวันหน้า

บันไดขั้นที่ 3 อย่ากลัวการต่อรอง
ข้อปฏิบัติของคนอยากรวย คือต้องอย่ากลัวการต่อรอง จากผลการวิจัยของสหรัฐอเมริกาพบว่า คนที่กล้าเจรจาต่อรอง เรื่องเงินเดือนกับบริษัทในตอนแรก มักจะเป็นผู้ได้รับเงินเดือนสูง และเพิ่มมากกว่าผู้ที่ไม่กล้าต่อรองถึง 7.4 เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีวิธีการพูดที่อ่อนน้อม ไม่ก้าวร้าวและดูรุณแรงเกินไป

บันไดขั้นที่ 4 นักวางแผน
เป็นเศรษฐีต้องมีคุณสมบัติ ของการเป็นนักวางแผนที่ดีด้วยอีกประการ ดังนั้นคุณต้องขยันหาข้อมูล โดยเฉพาะ เรื่องรายได้ ลองเปรียบเทียบว่าเงินเดือนที่ตัวเองได้นั้น เมื่อเทียบกับตำแหน่งหน้าที่การงานแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน หรือเปล่า ซึ่งดูได้จากประกันสังคม หรือเทียบคร่าวๆ จากเว็บไซต์http://www.salary.com

บันไดขั้นที่ 5 ถูกที่ถูกเวลา
อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ หรือเพียงแค่คิดว่าคุณเชี่ยวชาญกับงานที่ทำดีอยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไร คุณควรศึกษาวิธีการทำงาน อยู่อย่างสม่ำเสมอ อ่านแผนงาน พร้อมวางกลยุทธ์ และนำมาใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา ให้สมกับภาษิตที่ว่ากันไว้ "งานดีเงินเดิน" แล้วหลังจากนี้ คำว่าเศรษฐีคงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

บันไดขั้นที่ 6 กล้าลงทุน
ท้ายสุด ต่อเนื่องจากขั้นที่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะลงทุน จับกิจการทางด้านไหน หรือลงใจทำงานอยู่ในธุรกิจใด ก็ควรตั้งใจทำเต็มที่ เพราะว่าภาวะเศรษฐกิจ ในปัจจุบันมีความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนในชีวิตจึงควรมีแผนเอ แผนบี เตรียมพร้อมรองรับไว้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเงินทอง อย่าคิดแต่ว่าวันนี้มีงานประจำทำจะมั่นคงแล้ว เนื่องจาก ถ้าหากเกิดปัญหาขึ้นมากะทันหัน คุณก็ยังมีทางออก และมีรายได้เลี้ยงตัวเองอยู่ ดังนั้นกล้าลงทุน และบริหารงานด้วยความรู้ ความตั้งใจ อนาคต เศรษฐีคนใหม่ รอคุณอยู่ไม่ยากเลย

บันไดขั้นที่ 7 อย่าลังเล

ไตร่ตรอง ตัดสินใจ และลงมือปฏิบัติก่อนใครย่อมได้เปรียบ ฉะนั้นถ้าคุณเริ่มหารายได้ เก็บออมตั้งแต่วันนี้ อีก 5-10 ปีคุณก็จะมีเงินเก็บที่ไม่น้อยทีเดียว อย่าลังเลว่าตอนนี้คุณยังเด็กเกินไปที่จะลงทุนกิจการอะไรสักอย่าง เพราะถ้าคุณผัดวัน ไปเรื่อย ๆ แล้วเริ่มลงทุนเมื่ออายุเข้าสู่เลข 6 นำหน้า ตอนนั้นก็คงช้าไปแล้ว อย่างที่มีคำกล่าวจากอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ว่า "พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว" ฉะนั้นอย่ารออะไรอีกเลยนะ รีบปฏิบัติทันที ตั้งแต่เวลานี้เดี๋ยวนี้เป็นต้นไป


ที่มาของบทความ http://brightlives.th.88db.com/business/business_millionaire.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้