วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

คัมภีร์บริหารจากภูมิปัญญาจีน


Post Today - ในแวดวงธุรกิจถ้าเอ่ยชื่อ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี. ออลล์ หลายคนรู้จักเขาฐานะผู้ปลุกปั้นกิจการร้านค้าสะดวกซื้อให้กลายเป็นร้านค้า ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทยมากที่สุด โดยหลักวิธีการบริหารแบบ “การเล่นโกะ” ...


สำหรับในแวดวงหนังสือ คนรักการอ่านล้วนลึกซึ้งกันอย่างดีกับหลักการสะบัดธงรุกอีกหลายรูปแบบ ที่ก่อศักดิ์บันทึกไว้ในรูปแบบ พ็อกเกตบุ๊กด้วยความชื่นชมปรัชญาแบบตะวันออก เป็นตำราสำหรับนักธุรกิจรุ่นลูกรุ่นหลานต่อมา เช่น ซีอีโอ โลกตะวันออก ที่ออกมาแบบ 2 ภาคต่อ คือ ฉบับลีลาบริหารสามมิติ ฉบับรวยอย่างไรให้ยั่งยืน รัฐศาสตร์ไท่จงและมหาอาณาจักรฮั่น ทั้งหมดสร้างความฮือฮาให้แก่วงการหนังสือเมืองไทย เพราะไม่เพียงแต่ให้ความรู้ด้านวิชาการ

แต่ยังอ่านสนุกด้วยลีลาการเขียนล้ำลึก ทุกตัวอักษรมีคุณค่าสำหรับผู้ที่มุ่งมั่นก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ผู้อ่านจะรู้สึกเสมือนเป็นผู้หนึ่งที่ได้เข้าร่วมอยู่ในทีมงานซึ่งมีซีอีโอ ก่อศักดิ์เป็นผู้นำ ผลงานเล่มล่าสุด CEO สอนน้อง ซึ่งบรรดามนุษย์ทำงานก็ยังอดไม่ได้ที่ต้องหยิบขึ้นมาจากแผงหนังสือ และเมื่อเปิดอ่านบทแรก “คัมภีร์บริหารจากภูมิปัญญาจีน” โดยเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ขุนนางเลว-ดี ดูที่ตรงไหน? ก็วางไม่ลงเสียแล้วโดยเฉพาะคนที่วางแผนอยากก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติในการมองคนให้ได้ทะลุปรุโปร่งตั้งแต่ในก้าวแรก


ขุนนางดี 6 ประเภท


ในคัมภีร์ “ฉางต่วนจิง” ก่อศักดิ์บอกเป็นคัมภีร์ว่า ด้วยการบริหาร การปกครองที่มีชื่อเสียงเล่มหนึ่งของจีน ได้แบ่งประเภทของขุนนางไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้


- ประเภทที่ 1 : ขุนนางอริยะเมธี

ผู้ปรีชาเห็นการณ์ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ คะเนเภทภัยได้ก่อนจะปรากฏ ทั้งยังสามารถสกัดป้องกันไว้ตั้งแต่ต้น เป็นผลให้กษัตริย์ของตนอยู่เหนือภยันตรายและดำรงเกียรติยศปรากฏขจรไกลชั่ว กาลนาน ในประวัติศาสตร์ ขุนนางระดับหัวกะทิเช่นนี้ล้วนดำรงตำแหน่งเป็นราชครูในราชสำนัก


- ประเภทที่ 2 : ขุนนางผู้ยิ่งใหญ่
ผู้ถวายความเห็นอย่างอ่อนน้อม โน้มน้าวให้กษัตริย์ปฏิบัติพระองค์ตามจารีตประเพณีอันดีงาม และยึดมั่นในครรลองคลองธรรม คอยกราบทูลให้ทรงใช้สายพระเนตรที่ยาวไกลคำนวณผลอย่างรอบด้านเป็นผู้ที่จะ เสริมจุดดีและสลายจุดด้อยให้แก่กษัตริย์ของตน
ประเภทนี้ในสมัยโบราณเรียกว่า “ขุนนางกระดูกเหล็ก” แม้ตัวเองจะถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยทันทีก็ไม่นำพา เพียงมุ่งหวังให้องค์กษัตริย์ดำเนินไปบนหนทางที่ถูกต้องดีงาม เมื่อใดที่ผู้เป็นนายปฏิบัติมิชอบก็กล้ากราบทูลว่าไม่ บังควร ตลอดระยะเวลาในประวัติศาสตร์มักจะปรากฏขุนนางเช่นนี้
อาทิ ช่วงต้นรัชสมัยกษัตริย์ ซ่งไท่จู่ มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ในยามนั้นฮ่องเต้ทรงฉลองพระองค์ในชุดบรรทมอยู่ในพระตำหนัก เขาจึงหันหลังกลับและหยุดอยู่ที่หน้าประตู ฮ่องเต้ทรงเห็นดังนั้นจึงตรัสสั่งมหาดเล็กให้ไปสอบถามว่าเหตุใดจึงไม่เข้ามา ในพระตำหนัก ขุนนางจึงกราบทูลว่า “ฮ่องเต้มิได้ทรงฉลองพระองค์อย่างเป็นทางการ”
วาจาเพียงประโยคเดียวบันดาลให้พระพักตร์ของฮ่องเต้เปลี่ยนเป็นสีแดง รีบกลับเข้าไปเปลี่ยนฉลองพระองค์ตามแบบแผนที่ถูกต้องแล้วจึงออกมาพบขุนนาง ผู้นั้น แม้จะดูว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ขุนนางประเภทนี้ก็มิยอมมองข้าม เหตุเพราะฮ่องเต้เป็นสัญลักษณ์แทนประเทศชาติ ไม่อาจปฏิบัติตามอำเภอใจได้


- ประเภทที่ 3 : ขุนนางจงรักภักดี
ทุ่มเททำงานทั้งเช้า-ค่ำ แนะนำคนดีมาช่วยชาติโดยมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อย มักกราบทูลเรื่องราวของเมธีกษัตริย์และปวงปราชญ์แต่โบราณกาลเพื่อเป็นแบบ อย่างถวายองค์กษัตริย์อย่างสม่ำเสมอ


- ประเภทที่ 4 : ขุนนางชาญฉลาด
มีสายตาแหลมคม มองเห็นเหตุแห่งความสำเร็จและล้มเหลว สามารถช่วยเหลือป้องกันได้ตั้งแต่ต้น โดยการอุดช่องโหว่รากเหง้าแห่งปัญหา แปรหายนะเป็นชัยชนะ กษัตริย์จึงไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล


- ประเภทที่ 5 : ขุนนางสุจริต
ขุนนางผู้เคารพกฎหมายเคร่งครัดในระเบียบข้อบังคับ มีความรับผิดชอบสูงไม่กินสินบน ไม่โลภโมโทสัน ดำรงชีพด้วยความสมถะมัธยัสถ์


- ประเภทที่ 6 : ขุนนางซื่อตรง
ไม่ประจบสอพลอ ในยามบ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวายกล้าทัดทานท้วงติงสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่อหน้า พระพักตร์แม้ในยามที่ทรงพิโรธรุนแรงในยามวิกฤตคับขันบ้านเมืองต้องการคนพูด ความจริง ในสถานการณ์ที่เจ้าเหนือหัวไม่พร้อมจะรับฟังสิ่งใดๆ ไม่มีใครกล้าท้วงติงในสิ่งที่มีเหตุผล ขุนนางประเภทนี้พร้อมจะเผชิญหน้าและแจกแจงถึงข้อผิดพลาดของผู้บังคับบัญชา เป็นคนตรงที่ยอมเสี่ยงตายเพื่อส่วนรวม


ขุนนางเลว 6 ประเภท


- ประเภทที่ 1 : ขุนนางกะล่อน
ทำงานเรื่อยเฉื่อย โลภโมโทสัน ไม่ใส่ใจงานหลวง คอยดูทิศทางลม เปลี่ยนสีตามสถานการณ์ มีคนบางประเภทประพฤติตนตามกฎระเบียบที่วางไว้เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งได้นาน ที่สุด ระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดก็สามารถรับเงินเดือนได้ทุกเดือน งานการก็ทำไปตามหน้าที่ แต่ไม่ได้กระตือรือร้นทุ่มเทเอาใจใส่ คอยปรับตัวตามกระแส เอาตัวรอดตามแต่สถานการณ์ ไม่มีจุดยืนที่แน่นอน


- ประเภทที่ 2 : ขุนนางสอพลอ
กษัตริย์ตรัสสิ่งใดล้วนเออออว่าดีงาม กษัตริย์ทรงกระทำการใดล้วนเห็นว่าถูกต้องแอบสืบแสวงสิ่งซึ่งกษัตริย์ทรงโปรด และเสาะหามาถวาย มุ่งเพียงให้กษัตริย์สำราญพระราชหฤทัยโดยไม่คำนึงถึงผลร้ายภายหลัง
ในบันทึกประวัติศาสตร์ยุค “จ้านกว๋อ” (สงครามระหว่างรัฐ) มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า กษัตริย์ฉีเหิงกง ไม่โปรดปรานสีม่วงจึงถาม กว่านจ้ง ว่า “สมควรทำเช่นไร?” เขาทูลตอบว่า “ง่ายดายอย่างยิ่ง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปหากพระองค์พบเห็นผู้ใดสวมใส่เสื้อผ้าสีม่วงเดิน ผ่านหน้าพระพักตร์ก็ขอให้ตรัสว่า ช่างเหม็นเหลือเกิน! หลีกไปให้ไกลๆ” กษัตริย์ผู้นี้ก็ปฏิบัติตามคำแนะนำ
หลังจากนั้น 1 เดือนทั้งเมืองไม่มีใครใส่เสื้อผ้าสีม่วงอีกเลย เพราะฉะนั้นเบื้องบนนิยมสิ่งใด ผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะกระทำตาม นี่คือพลังอำนาจที่รุนแรงอย่างยิ่ง ขุนนางสอพลอเพียงต้องการประจบเอาใจผู้เป็นนายแม้จะต้องปฏิบัตินอกลู่นอกทาง จนนำความเสื่อมเสียมายังเจ้านายของตนก็ไม่นำพา


- ประเภทที่ 3 : ขุนนางบ่างช่างยุ
มีความรู้มากแต่ใช้เพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตน ชำนาญการเจรจาใช้คารมยุแยงให้แตกสามัคคีทั้งในพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนาง ทั่วราชสำนัก


- ประเภทที่ 4 : ขุนนางโฉด
จิตใจเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย เปลือกนอกดูสุภาพนุ่มนวล เจรจาไพเราะชวนฟัง เค้าหน้าเมตตา การุณย์ แต่ส่วนลึกริษยาคนดีมีความสามารถ เมื่อจะสนับสนุนผู้ใดก็จะกล่าวถึงเฉพาะข้อดีไม่เอ่ยถึงข้อด้อยผู้นั้น เมื่อจะทำลายใครก็จะขยายข้อด้อยของผู้นั้นจนใหญ่โต แต่ไม่กล่าวถึงข้อดีของผู้นั้นเลย เป็นเหตุให้กษัตริย์ทรงพิจารณาคุณ-โทษอย่างไม่เที่ยงธรรม


- ประเภทที่ 5 : ขุนนางปล้นชาติ
รวบอำนาจแผ่อิทธิพล ทำผิดเป็นถูก สร้างก๊กส่วนตัว เสาะหาความร่ำรวยส่วนตนแอบอ้างพระราชโองการเพื่อให้ตนได้ผลประโยชน์


- ประเภทที่ 6 : ขุนนางล้างชาติ
สนับสนุนให้กษัตริย์ทรงดำเนินไปบนหนทางที่ไม่ถูกต้องและโยนความผิดทั้งหมดไป ให้ผู้เป็นนาย สมคบกับพวกพ้องปิดบังพระเนตรพระกรรณ ยังผลให้องค์กษัตริย์มิอาจจำแนกผิดชอบชั่วดี เป็นที่ประณามของอาณาประชาราษฎร์และแว่นแคว้นใกล้เคียง


ประวัติศาสตร์มักจะแสดงให้เห็นว่า เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาบกพร่องในหน้าที่ ประชาชนก็จะด่าว่าผู้บังคับบัญชา ดังนั้นการเป็นหัวหน้าคนที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอย่างยิ่งเพราะ มักจะตกที่นั่งลำบากเพราะลูกน้องของตนอยู่เสมอ เป็นเช่นนี้มานานตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และคงจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต
การพิจารณาคนในแบบคัมภีร์บริหารจากภูมิปัญญาจีน จึงเป็นตำราที่ผู้นำรุ่นใหม่สามารถหยิบจับไปใช้คัดเลือกคนทำงานได้เป็นอย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้