วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ประกันสุขภาพ : การลงทุนในชีวิต


ประกันสุขภาพ : การลงทุนในชีวิต


เรา ได้พูดกันมาบ้างแล้วถึงการออมในรูปแบบหนึ่งเรื่องการทำประกันชีวิต แต่การลงทุนในประกันในอีกรูปแบบหนึ่ง คือการทำประกันสุขภาพ ซึ่งการทำประกันสุขภาพนั้นก็เป็นการลดความเดือดร้อนจากกรณีการเจ็บป่วยด้วย โรคร้ายแรง ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินก้อนจำนวนมาก ถ้าหากได้มีการทำประกันชีวิตไว้แล้ว หากต้องการซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมนั้น คุณสามารถซื้อประกันสุขภาพแนบกับสัญญาประกันชีวิตหลักด้วยค่าใช้จ่ายเพิ่ม เติมอีกจำนวนเล็กน้อย

การประกันสุขภาพนั้นจะคุ้มครองในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในฐานะผู้ ป่วยในของโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายที่สามารถเบิกได้นั้น จะครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายที่มีการครอบคลุมตั้งแต่ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการรักษาพยาบาล ค่ายา ค่าน้ำเกลือ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการรักษาพยาบาล ค่าศัลยกรรม ค่าห้องผ่าตัด ค่าวางยาสลบ ค่าตรวจในห้องปฏิบัติการขณะเป็นผู้ป่วยนอก ค่าตรวจเยี่ยมประจำวันของแพทย์ ที่มีวงเงินให้เลือก ถ้าหากจะต้องการวงเงินคุ้มครองสูงก็จ่ายค่าเบี้ยประกันจำนวนที่สูงตามไปด้วย และถ้าหากถือกรมธรรม์ที่มีสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพแนบหลายฉบับ ก็สามารถนำค่าใช้จ่ายในครั้งนั้นเบิกได้จากทุกกรมธรรม์เท่าที่ยังไม่เกินค่า ใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง แต่ทั้งนี้การจ่ายเงินผลประโยชน์จะต้องพิจารณาเงื่อนไข เพราะค่า ใช้จ่ายบางรายการที่เกิดขึ้นเนื่องจากการรักษาพยาบาล บริษัทจะไม่คุ้มครอง

ส่วนที่เบิกได้จากหน่วยงาน สามารถเลือกได้ว่าจะเบิกจากประกันสังคมหรือจะเบิกจากกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ภายใต้หลักการเดียวกันคือ เบิกได้ไม่เกินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง และไม่เกินวงเงินคุ้มครอง และเมื่อเลือกเบิกจากทางใดทางหนึ่งแล้ว หากได้รับการชดใช้จนครบถ้วนตามใบเสร็จครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถไปขอเบิกจากที่อื่นได้อีก

การจะซื้อประกันสุขภาพ คุณต้องทราบความต้องการของตนเองก่อน โดยเทียบความคุ้มครองเป็นหลัก ว่าคุณต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากสวัสดิการรักษาพยาบาลจากที่ทำงานและ จากสวัสดิการประกันสังคมที่มีอยู่เท่าไร คุณก็ซื้อประกันสุขภาพเพิ่มในส่วนที่ขาด

ถ้าเลือกอัตราค่าห้องผู้ป่วยสูง ๆ ก็จะได้รับวงเงินคุ้มครองในการเบิกค่ารักษาพยาบาลได้มากกว่า และแน่นอนว่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นก็จะสูงตามไปด้วย ตรงนี้ผันแปรไปตามการเลือกของตนเอง เรื่องน่ารู้อีกอย่างหนึ่งคือ คุณจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุของคุณที่เพิ่มขึ้น ไปด้วย โดยปกติจะปรับเพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 ปี แล้วแต่การแบ่งขอบเขตของช่วงอายุที่บริษัทนั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น อายุ 30-35 ปี อายุ 36-40 ปี อายุ 41-45 ปี ไม่ใช่ว่าเมื่อเริ่มทำประกันที่อัตราใดก็จ่ายอัตรานั้นไป เรื่อย ๆ ซึ่งต้องดูรายละเอียดในเรื่องนี้ให้ดี เพราะแต่ละบริษัทคิดเบี้ยประกันเพิ่มในแต่ละช่วงอายุต่างกัน

การประกันสุขภาพที่แนบอยู่กับกรมธรรม์ประกันชีวิตนั้น เป็นการรับประกันปีต่อปีและจ่ายค่าชดเชยเท่าความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจริง แต่ไม่เกินวงเงินคุ้มครองที่ซื้อไว้ และเมื่อครบช่วงเวลาที่บริษัทกำหนดไว้ว่าจะมีการปรับเพิ่มเบี้ยประกัน อัตราเบี้ยประกันสุขภาพในปีนั้นจะถูกปรับเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้ถือกรมธรรม์จะไม่เคยเจ็บป่วยและเบิกค่ารักษาพยาบาล เลยก็ตาม เหตุผลที่สำคัญที่ทำให้เบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นเพราะ อัตราความเสี่ยงในการเจ็บป่วยก็จะมากขึ้นนั่นเอง

การจะทำประกันต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้เงินที่จ่ายไปคุ้มค่าสูงสุด เพราะผลตอบแทนที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนแต่เป็นผลประโยชน์ของตนเอง รวมถึงความมั่นคงของบริษัทประกันที่เลือก นอกจากนี้ยังมีข้อดีคือนำไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีประจำปีได้สูงถึงปีละ 100,000 บาท.

อาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้