วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แนวทางการเลือกอาชีพ

เมื่อกล่าวถึงคำว่า "อาชีพ" เชื่อแน่ว่าคนทุกคนจะนึกถึงอาชีพที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจกำลังนึกถึงอาชีพนักบิน นักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ แอร์โฮสเตส พนักงานโรมแรม หรือนักการเมือง ขึ้นอยู่กับความคาดหวัง หรือความคิดของแต่ละคน ในที่นี้จะขอสรุปแนวทางการเลือกอาชีพที่เรียกว่า "หลัก 4 ประการ" ซึ่งประกอบด้วย
ประการแรก ต้องรู้จักตัวเอง โดยดูจากความชอบบุคลิกลักษณะ หรือความถนัดของตนเอง คงไม่มีใครรู้จักตัวเราเองดีเท่ากับตัวเรา อย่างไรก็ตามนักจิตวิทยาเขาก็มีเครื่องมือสำหรับวัดบุคลิกภาพหรือความถนัด ซึ่งปกติงานที่คนเราทำจะเกี่ยวข้องกับข้อมูล (Data) บุคคล (Person) หรือเครื่องมือ (Tool) สำหรับบุคลิกภาพของคนเราจะมีความสัมพันธ์กับอาชีพ ตามทฤษฎีของ John L. Holland บุคลิกภาพจะแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ แบบจริงจัง (Realistic) แบบยึดระเบียบแบบแผน (Conventional) แบบกล้าเสี่ยง (Enterprising) แบบคิดวิเคราะห์ (Investigative) แบบมีศิลปะ (Artistic) และแบบชอบสังคม (Social)
ประการที่สอง ต้องรู้จักอาชีพที่มีแนวโน้มเติบโตในอดีต หลายคนมักจะเรียน โดยปราศจากหลักการ ไม่ยึดหรือไม่คำนึงถึงอาชีพที่จะต้องทำในอนาคต ขอเพียงเรียนให้จบหรือเลือกเรียนตาม "กระแสเพื่อน" เพื่อนเรียนอะไรที่สถาบันไหนก็ตามไปเรียนด้วย ซึ่งไม่ใช่หลักการเลือกเรียน ที่ดี ผู้ที่มีความพร้อมของข้อมูลอาชีพที่ดีมักจะตัดสินใจเลือกเรียนในสาขาวิชาคณะหรือสถาบันการศึกษาที่ตนเองได้พิจารณาแล้ว และเมื่อตั้งใจเรียน จนสำเร็จการศึกษาก็มักจะได้งานทำไม่ต้องอยู่ในภาวะตกงานหรือว่างงาน เพราะฉะนั้นในข้อนี้จะขอแนะนำข้อมูลผู้สำเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา เพื่อชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มในอดีตที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร
ระดับอาชีวศึกษา โดยเฉพาะระดับ ปวส. จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของกำลังคนระดับกลางและระดับสูง ปี 2536-2545 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานว่าผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาพาณิชยกรรมได้งานทำเฉลี่ยร้อยละ 50.84 ช่างอุตสาหกรรม ร้อยละ 48.82 ศิลปหัตถกรรม ร้อยละ 36.39 คหกรรม ร้อยละ 29.37 และเกษตรกรรม ร้อยละ 25.91
ระดับอุดมศึกษา ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ทบวงมหาวิทยาลัย) ในการสำรวจภาวะการหางานทำของบัณฑิต ปีสำรวจ 2531-2543 ชี้ให้เห็นถึงสาขาการศึกษาที่สำเร็จการศึกษาแล้วมีอัตราการมีงานทำ ดังนี้ แพทยศาสตร์ และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ร้อยละ 95.27 คหกรรมศาสตร์ ร้อยละ 78.13 วิศวกรรมศาสตร์ ร้อยละ 76.81 ศึกษาศาสตร์และการฝึกหัดครู ร้อยละ 76.43 เกษตรศาสตร์ วนศาสตร์และการประมง ร้อยละ 75.66 สถาปัตยกรรมศาสตร์ ร้อยละ 74.88 การบริหารธุรกิจและพาณิชยการ ร้อยละ 73.26 คณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ร้อยละ 70.93 มนุษยศาสตร์ ศาสนา และเทววิทยา ร้อยละ 67.60 วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ร้อยละ 67.15 การสื่อสารมวลชน และการเอกสาร ร้อยละ 67.12 นิติศาสตร์ ร้อยละ 64.42 สังคมพฤติกรรมศาสตร์ ร้อยละ 63.85 วิจิตรศิลป์ และประยุกต์ศิลป์ ร้อยละ 62.84
ประการที่สาม ต้องศึกษาติดตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจสังคมโลก ด้วยการหมั่นอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ ค้นหาข้อมูลจากสื่ออินเตอร์เน็ท รายงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการแรงงานโดยประเด็นที่ควรสนใจเป็นพิเศษ คือ อาชีพที่จะเกิดขึ้นใหม่ซึ่งมักจะเปลี่ยนแปลงไปตามเศรษฐกิจสังคมของโลกและประเทศ สำหรับประเด็นที่กล่าวถึงกันมากในช่วงทศวรรษนี้เห็นจะได้แก่ การเปิดการค้าเสรี (Free Trade Area) ของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค และโดยเฉพาะประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ จึงคาดว่าจะส่งผลให้ภาคธุรกิจของไทยมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้นด้วยและจากการศึกษาวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เกี่ยวกับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ (Logistics) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ทำธุรกิจด้านการขนส่ง การให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับการขนส่ง คลังสินค้า การจัดการสินค้า การขนถ่ายสินค้า รวมถึงการทำพิธีการศุลกากร โดย TDRI คาดว่า ในปี 2548-2552 จำนวนผู้ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าสู่ระบบโลจิสติกส์ในปี 2548 มีจำนวน 240,850 คน และเพิ่มขึ้นเป็น 272,329 คน ในปี 2552 และเมื่อจำแนกตามระดับการศึกษาแล้ว พบว่าในระดับอาชีวศึกษาสาขาที่เกี่ยวข้องกับด้านโลจิสติกส์ ได้แก่ ช่างไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ช่างยนต์ สาขาวิชาในระดับปริญญาตรีจะอยู่ในสาขามนุษยศาสตร์ ด้านภาษาประกอบด้วยภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส สังคมศาสตร์ พาณิชยการและกฎหมาย วิทยาศาสตร์ในสาขาคณิตศาสตร์และสถิติ คอมพิวเตอร์ วิศวกรรมศาสตร์สาขาคอมพิวเตอร์ โทรคมนาคม การบินและอากาศยาน เรือ ยานยนต์และขนส่ง สำหรับความรู้ความสามารถและทักษะของบุคลากรที่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีความต้องการจำแนกตามกิจกรรมหลัก ประกอบด้วย
1. การจัดซื้อและเจรจาต่อรอง ต้องการบุคลากรที่มีระดับความรู้เกี่ยวกับหลักการจัดซื้อและกระบวนการ ระดับทักษะที่ต้องมีคือ การใช้คอมพิวเตอร์ และซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้อง
2. การจัดการขนส่ง ต้องการบุคลากรที่มีระดับความรู้เกี่ยวกับการจัดตารางเวลาและรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสม ความรู้เกี่ยวกับถนนและเส้นทางการขนส่ง การขับรถอย่างปลอดภัย ความรู้เกี่ยวกับสินค้า กฎระเบียบด้านความปลอดภัย กฎหมายการขนย้ายสินค้าและมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ ภาษาและการสื่อสาร การจัดการอุปกรณ์และบุคลากร การจัดลำดับความสำคัญของงานให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด การเข้าใจและทำตามคำสั่งได้ รวมทั้งการให้บริการลูกค้า
3. การจัดการด้านส่งออกและนำเข้า ต้องการบุคลากรที่มีความรู้และทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ ภาษาและการสื่อสาร การวิเคราะห์และวางแผนงาน
4. การเคลื่อนย้ายสินค้า การจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง ต้องการบุคลาการที่มีความรู้พื้นฐานในการดูแลระบบสินค้าคงคลังและกระบวนการของสินค้าคงคลัง ความรู้เกี่ยวกับสินค้า กฎหมายและความปลอดภัย ส่วนทักษะที่ต้องมีคือ การใช้คอมพิวเตอร์ ภาษาและการสื่อสาร
5. การตลาดและการให้บริการลูกค้า ต้องการบุคลาการที่มีความรู้เกี่ยวกับโลจิสติกส์และการบริการ ความรู้พื้นฐานด้านบัญชี กฎหมายการค้าการลงทุน และความรู้เกี่ยวกับการประกันสินค้า
6. การจัดการห่วงโซ่อุปทาน ต้องการบุคลากรที่มีความรู้เกี่ยวกับคลังสินค้าและระบบสินค้าคงคลัง กระบวนการและการวางแผนวัตถุดิบ ความรู้เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน เทคโนโลยีและการจัดการการขนส่งและการกระจายสินค้า
ส่วนทักษะที่บุคลากรจำเป็นต้องมีคือ การวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน การแก้ไขปัญหา การติดต่อและการนำเสนอ การประสานงาน ภาษาและการสื่อสาร การใช้กลยุทธ์และการเชื่อมโยงระหว่างองค์กร รวมทั้งการจัดการด้านทุน
ประการที่สี่ ต้องทราบแนวโน้มของเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศ ข้อนี้มีหลักการง่ายๆ คือ "การจะเลือกประกอบอาชีพใด ควรดูจากรายได้ของประเทศว่ามาจากภาคเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรมใด การจะเลือกประกอบอาชีพใดให้ดูจากรายได้หรือค่าตอบแทนแรงงานในอาชีพนั้น" แน่นอนว่าทุกคนหวังที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีบ้าน มีรถและมีเงินทองสำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นผู้เข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่จึงควรติดตามและสังเกตุอาชีพรอบตัวที่พบเห็นในสังคม มีวิธีการอยู่วิธีการหนึ่ง เรียกว่า "การวิจัยอาชีพ" โดยผู้ที่สนใจที่จะประกอบอาชีพใดให้ทำการวิจัยด้วยการสำรวจอาชีพที่เราสนใจหรืออาชีพที่เราใฝ่ฝันไว้ และสอบถามจาก ผู้รู้ (Key Person) 3 คน คือ นายจ้าง ผู้ประกอบอาชีพนั้นอยู่และหน่วยงานผลิตกำลังคนหรือสถาบันการศึกษา ที่ออกแบบหลักสูตรการศึกษาต่างๆ เพราะกลุ่มบุคคลเหล่านี้จะมีข้อมูลและทราบแนวโน้มสถานการณ์ สภาพการทำงานที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่เราสนใจ เมื่อเราเก็บรวบรวมข้อมุลได้แล้วจึงนำมาสังเคราะห์และสรุปเพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจว่าเหมาะสมที่เราจะเรียนต่อในสาขาวิชานั้นๆ หรือไม่
กล่าวโดยสรุป หลัก 4 ประการสำหรับเป็นแนวทางเลือกประกอบอาชีพเริ่มจาก ต้องรู้จักตนเอง ต้องรู้จักอาชีพที่มีแนวโน้มเติบโตในอดีต ต้องศึกษาติดตามการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจสังคมโลก และต้องทราบแนวโน้มของเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศ ดังนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง คนหางาน รวมทั้งผู้กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานทุกคนจะมีข้อมูลสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกเรียน สมัครงานและได้งานทำในอาชีพที่เหมาะสมกับตนเองตามที่ได้ใฝ่ฝันตั้งใจเอาไว้

ข้อมูลข่าวจาก : วารสารข่าวตลาดแรงงาน ฉบับที่ / ผู้ลงประกาศ : สจจ.ลพบุรี

http://122.154.5.7/lopburi/introduce/shownews.asp?qid=4

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้