วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

รวย 3,200 ล้าน จากดอกไม้ก้านเดียว 'มารีเมกโกะ'

รวย 3,200 ล้าน จากดอกไม้ก้านเดียว 'มารีเมกโกะ'
หาก เอ่ยถึงฟินแลนด์ เราๆ อาจนึกถึงบรรยากาศของประเทศที่มีแต่หิมะ และแหล่งผลิตมือถือชื่อดัง แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ควรทำความรู้จักในดินแดนแห่งความหนาวเย็นนี้ คือ 'มารีเมกโกะ'

บริษัทออก แบบและผลิตลายผ้าอันมีชื่อเสียงของประเทศฟินแลนด์ ที่ปัจจุบันสร้างรายได้ถึงปีละ 3,200 ล้านบาท จากจุดเริ่มต้นแค่แรงบันดาลใจจากดอกป๊อปปี้ (ดอกฝิ่น) กลายมาเป็นลวดลายบนผืนผ้าและพัฒนามาสู่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นท่ามกลางสภาพภูมิอากาศอันเลวร้าย และภาวะหดหู่จากสงครามโลกครั้งที่ 2

ความสำเร็จอันน่าพิศวง นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือทีซีดีซี ร่วมกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะและงานออกแบบแห่งประเทศฟินแลนด์ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวความบากบั่นของบริษัทดังกล่าวออกมาเป็น นิทรรศการหมุนเวียนชุด "มารีเมกโกะ แล้ง หนาว...แต่เร้าใจ" ที่ชั้น 6 ดิ เอ็มโพเรี่ยม โดยหวังให้เรื่องราวอันไม่น่าเชื่อนี้จุดประกายนักออกแบบไทยให้เกิดการเรียน รู้ความเป็นตัวตนที่ผสานความคิดสร้างสรรค์และการจัดการสมัยใหม่จนสร้างแบ รนด์ให้เป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

"มารีเมกโกะ" แปลชื่อตามตัวได้ว่า "ชุดของเด็กผู้หญิง" ตั้งอยู่ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดสนรอบด้านช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้ก่อตั้ง อาร์มี ราเทีย ผู้ทำหน้าที่ทั้งเป็นผู้อำนวยการบริหาร ผู้อำนวยการฝ่ายศิลปกรรม และหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ในยุคนั้น เป็นผู้นำพาผลงานและนักออกแบบไปสู่ความแตกต่าง และประสบความสำเร็จอย่างสูง

จากโรงงานพิมพ์ผ้าเล็กๆ ไปสู่การขยายรูปแบบธุรกิจจนกลายเป็นบริษัทออกแบบชั้นนำของประเทศที่ทำการ ผลิตและส่งออกเสื้อผ้าไปจนถึงเครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ในชีวิต ประจำวันต่างๆ หรือที่เรียกกันว่า "ไลฟ์สไตล์ คอนเซ็ปต์" โดยผลงานทั้งหมดจะแฝงความเป็นชาตินิยมของฟินแลนด์และลัทธิสมัยใหม่นิยม

" แม้ว่าฟินแลนด์อยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นแห้งแล้งเกือบตลอดปี และมีเพียงป่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติหลัก แต่มารีเมกโกะกลับสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จนเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก ทุกวันนี้เขาทำรายได้ถึง 3,200 ล้านบาท นั่นคือสิ่งที่เราอยากให้นักออกแบบไทยได้เรียนรู้ถึงวิธีคิดว่าเขาทำได้ อย่างไร และถ้าเรามองว่าเราลำบากแล้วในภาวะตอนนี้ ถ้าลองเป็นอย่างเขาบ้างจะทำได้อย่างเขาไหม" ไชยยง รัตนอังกูร ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ตอบถึงคำถามที่ว่าทำไมจึงต้องศึกษางานออกแบบของอีกฟากทวีปที่อากาศแตกต่าง จากเมืองร้อนอย่างบ้านเราโดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ยังวิเคราะห์ผลงานของมารีเมกโกะ ว่าอาจดูจะขัดกับภาวะของประเทศในยุคนั่น เพราะขณะที่ฟินแลนด์กำลังหดหู่จากสงคราม และขาวโพลนจากหิมะเกือบทั้งปี แต่ผลงานกลับสะท้อนความสดใส สอดแทรกความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากพวกเขาต้องการจะให้กำลังใจผู้คน ซึ่งดีไซน์เหล่านี้มาพร้อมกับการไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง และกลวิธีการทำธุรกิจอย่างแยบยล สังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคอยู่เสมอ นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบที่ทำให้มารีเมกโกะยังคงแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิต ของชาวฟินแลนด์ทุกคนมากว่า 5 ทศวรรษ

ผลงานที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการ ประกอบด้วย ชิ้นงานกว่า 100 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นลายผ้าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ศิลปะท้องถิ่นและงานสถาปัตยกรรมแบบฟินนิช แบบจำลองงานสถาปัตยกรรม เสื้อผ้า เครื่องใช้ในบ้าน และเรื่องราวความสำเร็จของการบริหารองค์กร นับจากยุคก่อตั้งจนถึงยุคปัจจุบันอีกด้วย

นิทรรศการจะแสดงจนถึง วันที่ 18 มิถุนายนนี้ บริเวณห้องจัดแสดงงาน 2 ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ ชั้น 6 ดิ เอ็มโพเรี่ยม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ ใครที่อยากเรียนรู้และทำความเข้าใจกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสำเร็จระดับสุดยอดจากดินแดนแห่งหิมะต้องไม่พลาด


ขอขอบคุณข้อมูล จาก
หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้