วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551

จาก 'CSR' สู่มาตรฐานตัวใหม่ 'ISO 26000'

จาก 'CSR' สู่มาตรฐานตัวใหม่ 'ISO 26000'
ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าเทรนด์ "corporate Social Responsibility" หรือเรียกง่ายๆว่า "CSR" หมายถึง ความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจนั้นมีความตื่นตัวกันมากขึ้น จนมีรูปแบบของการทำกิจกรรมเพื่อสังคมออกมาแบบหลากหลายและมากมาย แต่รูปแบบที่ว่านี้หลายๆ องค์กรก็ยังไม่เข้าใจในบริบทของคำว่า CSR อย่างแท้จริง เพราะบางองค์กรเชื่อว่าเพียงแค่การบริจาคเงินและสิ่งของก็เป็นความรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว


แต่ในความเป็นจริง การทำ CSR เป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่กิจกรรมทางการตลาด และไม่ใช่เพียงเพื่อต้องการให้องค์กรธุรกิจของตนนั้นมีการเติบโต (Growth) แต่ CSR เป็นเรื่องของการทำความดีให้กับสังคมที่อยู่ใกล้ตัวและไกลตัว เพื่อให้เกิดการพัฒนาและอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน (Sustainability)





++มาตรฐานสากลตัวใหม่





จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ความรับผิดชอบต่อสังคม กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานสากลตัวใหม่ ขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐานหรือ ISO- International Organization for Standardization ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม โดย สมอ.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการวิชาการคณะที่ 1004 เข้าร่วมกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม กับมาตรฐาน ISO 26000 ซึ่งครอบคลุมถึงกระบวนการจัดการ 5 ประเด็น ได้แก่ หลักจริยธรรม สุขภาพ สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย รวมทั้งการใช้แรงงาน เชื่อกันว่าผลของมันจะเกิดแรงกระเพื่อม กว้างขวางพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการค้าระหว่างประเทศ


สำหรับการกำหนดมาตรฐานระหว่างประเทศ เรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม ที่ ISO ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ มีขอบข่ายกว้างขวางโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมการส่งออกและนักลงทุน จึงควรประชาสัมพันธ์ต่อผู้เกี่ยวข้องภายในประเทศทราบ เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจและเชื่อว่า ISO 26000 จะสามารถแก้ไขปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อองค์กรธุรกิจ


นอกจากทำให้ภาคเอกชนมีความโปร่งใสเป็นธรรมแล้ว ยังเป็นมาตรฐานสำหรับปฏิบัติที่ดีต่อองค์กร เช่น การทำรายงานผลประกอบการ การดูแลพนักงาน ระบบสวัสดิการต่างๆ การไม่ใช้แรงงานเด็ก รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานในการพิจารณารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นแต่ละประเภทของกระทรวงอุตสาหกรรม และทั้งหมดยังสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และกฎหมายระหว่างประเทศด้านแรงงานด้วย





++กรอบร่าง ISO 26000


สำหรับกรอบกว้างๆ ของ ISO 26000 จะให้ความสำคัญครอบคลุมเรื่องต่างๆ 7 เรื่อง ได้แก่


1.การปฏิบัติตามกฎหมายและสามารถตรวจสอบได้ 2.หลักการเคารพในสิทธิมนุษยชน 3. หลักการปฏิบัติด้านแรงงาน 4. หลักการด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน 5. หลักการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 6. หลักการรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และ 7. หลักการมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน


ทั้งนี้ทางสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ว่าด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นหน่วยหลักในการผลักดัน สนับสนุนและหามาตรการจูงใจให้รับผิดชอบต่อสังคม มากกว่าการคิดถึงผลกำไรเพียงอย่างเดียว


ส่วนจุดยืน ณ เวลานี้จะเป็นไปตามประเทศส่วนใหญ่ และประเทศกำลังพัฒนา ที่ต้องการให้มาตรฐาน ISO 26000 เป็นเพียงข้อแนะนำอันเป็นหลักปฏิบัติ (Guiding Principles) ไม่ประสงค์ให้เป็นมาตรฐานระบบการจัดการที่ใช้ในการรับรอง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคทางการค้าและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น


เช่น ค่าตรวจประเมินในการขอรับรอง ดังนั้น ลักษณะการดำเนินการสำหรับมาตรฐาน ISO 26000 จะเป็นหลักปฏิบัติที่องค์กรต่าง ๆ ได้ใช้ประโยชน์เพื่อนำไปปฏิบัติ รักษาไว้ และปรับปรุงวิธีการดำเนินการเหมือนหลักธรรมาภิบาลของธุรกิจ แต่จะได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย เพราะผ่านการเห็นพ้องต้องกันจากประเทศสมาชิกของ ISO ที่มีอยู่มากกว่า 100 ประเทศ คาดว่ามาตรฐาน ISO 26000 จะประกาศใช้ปี 2553 ซึ่งระยะแรกจะไม่บังคับใช้ องค์กรไหนอยากจะมีมาตรฐานนี้ก็เข้าตรวจตามเกณฑ์ที่สมอ.ได้





++อนาคตของ "CSR" กับธุรกิจ


ศิริชัย สาครรัตนกุล รองกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สำหรับกระแสของโลกในเรื่อง CSR นี้ เริ่มเข้มข้นจริงจังและรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 เมื่อ "OECD" ซึ่งเป็นองค์กรของที่ประเทศร่ำรวยที่สุดของโลกได้ออกแนวปฏิบัติสำหรับบรรษัทข้ามชาติต่างๆ ทั่วโลกว่าไม่เพียงแต่ต้องทำกิจกรรม CSR แต่ยังเสนอให้บรรษัทข้ามชาตินั้นๆ ติดต่อค้าขายกับคู่ค้าทั่วโลก "เฉพาะที่มี CSR" อีกด้วย


ดังนั้นในโลกยุคใหม่ธุรกิจใดที่ไม่มี CSR ก็ไม่สามารถส่งสินค้าไปขายให้บรรษัทข้ามชาติเหล่านี้ได้ นั่นคือ ถ้าธุรกิจใดสร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม ธุรกิจใดยังใช้แรงงานเด็ก มีปัญหาด้านแรงงาน และอื่นๆ ก็จะมีปัญหาในการทำธุรกิจค้าขายกับประเทศ OECD


แม้กระทั่งในส่วนของประเทศไทยเอง CSR เริ่มเป็นที่พูดถึงในวงกว้างมากขึ้นหลังจากการจุดกระแสการทำธุรกิจแบบธรรมาภิบาลและกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผลพวงที่ตามมาจากกระแสดังกล่าวทำให้องค์กรภาคธุรกิจเอกชนมากมายต่างหันมาให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรม CSR เพื่อสังคมมากขึ้น


หลังจากประกาศใช้แล้วอย่างน้อยผู้บริโภค ไม่ว่าจะซื้อสินค้าประเภทใดก็ตาม อาจจะต้องสังเกตตรานี้เพิ่มด้วย เพราะเป็นตัวที่สามารถวัดอะไรได้หลายๆ อย่าง อย่างน้อยก็คุณธรรมเบื้องต้นของธุรกิจที่ไม่ได้หวังกำไรเพียงอย่างเดียว แต่คืนกลับให้สังคมอีกด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2349 17 ส.ค. - 20 ส.ค. 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้