วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2551

การดำรงชีวิตในภาวะเงินเฟ้อสูง


การดำรงชีวิตในภาวะเงินเฟ้อสูง

ใน ฐานะของคนทำงานอยู่ที่กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งมีหน้าที่ในการให้ความรู้ในเรื่องการออม/การลงทุนต่อสมาชิกซึ่งเป็นข้า ราชการประมาณ 1.2 ล้านคนทั่วโลก ในช่วงนี้ก็มีคำถามของสมาชิกท่านหนึ่งถามว่า ในยุคที่ราคาสินค้าแพงนี้ จะมีคำแนะนำให้ดำรงชีวิตอย่างไร ผู้เขียนเข้าใจดีถึงความรู้สึกดังกล่าว ว่าเป็นคำถามที่คนเกือบทั้งประเทศอยากจะรู้ เพราะความเดือดร้อนนั้นมีผลกระทบที่รู้สึกได้ชัดเจน ที่เงิน 100 บาทที่อาจเคยทานข้าวได้ 3 มื้อปัจจุบันจะเหลือเพียง 2 มื้อหรือ 1 มื้อครึ่งและหากจะเป็นการซื้อน้ำมันเติมรถยนต์เงิน 100 บาท ก็ซื้อน้ำมันได้เพียง 2 ลิตรเท่านั้นเอง เข้าใจว่าคนถามคงไม่หวังคำตอบว่าแล้วจะมีเงินเหลือสำหรับการเก็บออมเท่าไร แต่สะท้อนให้เห็นว่าจะให้มีเงินพอกินพอใช้ประจำวันอย่างไรท่ามกลางการเพิ่ม ขึ้นอย่างรวดเร็วของค่าครองชีพ ในปัจจุบัน ผู้เขียนคิดว่าคำตอบที่ดีที่สุดก็คงจะเป็นการดำเนินชีวิตตามแนวทางพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือ “เศรษฐกิจพอเพียง”

หัวใจสำคัญของเศรษฐกิจพอเพียงมีอยู่ 3 ประการ คือ หนึ่ง ความพอประมาณ สองความมีเหตุผล และความมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งหาก ผู้ใดนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของตนเอง ก็จะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ความพอประมาณหมายถึง การกระทำ อันใดบนฐานความพอดีที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ความพอดี ของแต่ละบุคคลหรือแต่ละครอบครัวเองก็จะไม่เท่ากัน เพราะสถานการณ์ทางการเงินไม่เท่ากัน ในการใช้ชีวิตประจำวันคือรายจ่ายของตน เองที่ต้องพอเหมาะพอสมกับรายได้ ไม่ฟุ่มเฟือย

ความฟุ่มเฟือยนั้น คือ การที่มีการบริโภคสินค้าและบริการที่ไม่ได้มีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เบียดเบียนตนเองด้วยการกระเบียดกระเสียรประหยัดมากจน เกินไป เช่น อดไม่ยอมกินอาหารที่ดีมีคุณภาพหรือกินอาหารไม่พอเพียง จนมีปัญหาต่อสุขภาพและเจ็บไข้เป็นต้น สำหรับการลงทุนในการประกอบธุรกิจนั้นจะต้องรู้กำลังเงินของเรา ไม่ลงทุนที่มากเกินไปที่มีการกู้หนี้ยืมสินมาสำหรับการลงทุนจนเกินตัว จนกระทั่งจะเกิดปัญหาทางการเงิน จนธุรกิจต้องประสบภาวะล้มละลายควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไปตามสภาวการณ์

ความมีเหตุผล นั้นเป็นการใช้สติปัญญาไตร่ตรองถึงเหตุและผล ความ “อยากได้” “ใคร ๆ เขาก็มีกัน” “กำลังอินเทรนด์” “มันเป็นแฟชั่น” “ไม่มีแล้วอายเขาแย่เลย” คำเหล่านี้คือข้ออ้างของคนประเภทวัตถุนิยม เป็นความฟุ้งเฟ้อ ไม่ถือเป็นเหตุผลของคนพอเพียง เนื่องเพราะคนพอเพียงจะคำนึงถึงประโยชน์มากกว่ารูปแบบ ความ มีเหตุผลนั้นจะรวมไปถึงการคิดด้วยเหตุด้วยผลในการตัดสินใจในการใช้จ่ายและ การลงทุน ว่าเป็นรายจ่ายที่สมควรหรือจำเป็นหรือไม่

ความมีภูมิคุ้มกัน ภูมิคุ้มกันคือการมีแผนสำรองสำหรับจัดการกับความเสี่ยงที่จะเกิด ขึ้นในอนาคตหมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับกับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอันมากที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา เพราะอนาคตคือความไม่แน่นอนเราไม่อาจรู้ว่าสถานการณ์ของโลกจะเปลี่ยนไปอย่าง ไร เศรษฐ กิจจะผันผวนไปแค่ไหน ความต้องการของตลาดจะเปลี่ยนไปอย่างไร กระทั่งเราไม่อาจรู้ได้ว่าเราจะเจ็บป่วยเมื่อไหร่ หรือโชคจะเข้าข้างเราหรือไม่ ภูมิคุ้มกัน จะทำให้เราไม่ประมาท ทำให้เรารู้จักที่จะวางแผนที่ดีในวันนี้ เพื่อวันข้างหน้า ทำให้เรารู้จักหาทางหนีทีไล่ มีแผนสำรองเพื่อการแก้ไขปัญหาที่หลากหลายที่เกิดขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงได้ทุกขณะ

ซึ่งโดยสรุปแล้ว การดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้นั้นทำ ให้ตัวเรามีความแข็งแรง ชุมชนและประเทศมีความเข้มแข็งอยู่รอดในทุกสถาน การณ์ ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้