วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

‘ร้านค้าออนไลน์’ (2) กรณีศึกษา‘เปิดง่าย-ขายดี’

‘ร้านค้าออนไลน์’ (2) กรณีศึกษา‘เปิดง่าย-ขายดี’

ทีม “ช่องทางทำกิน” นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “ร้านออนไลน์” การเสนอขายสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ตไปตอนหนึ่งแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 16 ส.ค. วันนี้มาต่ออีกตอนกับประสบการณ์ตรงของผู้ประกอบการ 2 รายที่ใช้ช่องทางร้านออนไลน์ ทั้งแบบสร้างเว็บไซต์ของตนเอง และแบบลงประกาศขายสินค้าฟรี...


รายแรก “เผด็จ หิรัญนุช” กับสินค้า “กระดานดำแฟนซี” และเปิดร้านออนไลน์-เว็บไซต์ www.mrblackboard.com เขาเล่าว่าหลังเรียนจบออกมาผลิตกระดานดำแฟนซีก็ได้เช่าร้านเพื่อขายสินค้า แต่สังเกตว่าปริมาณลูกค้าที่เข้าร้านมีไม่มาก เมื่อเทียบกับลูกค้าที่ติดต่องานผ่านทางโทรศัพท์และอีเมล์ จึงคิดวาน่าจะเปิดเว็บไซต์เพื่อเป็นสื่อกลางติดต่อลูกค้าแทนการเปิดหน้าร้าน ซึ่งลดค่าใช้จ่ายค่าเช่าร้านได้ด้วย

เผด็จเลือกใช้โปรแกรม “เว็บไซต์สำเร็จรูป” เพื่อสร้างเว็บของตัวเอง โดยเขาพิจารณาจากโปรแกรมที่อัพเดทข้อมูลได้ง่าย เปลี่ยนแปลงได้ และมีพื้นที่มากพอที่จะใส่รูปได้เยอะ ๆ ซึ่งเขาแนะนำว่าถ้าใครที่ไม่มีความรู้เรื่องไอทีกับการออกแบบ ก็ควรยึดองค์ประกอบนี้เป็นหลัก ส่วนการทำให้หน้าร้านหรือเว็บไซต์ไม่น่าเบื่อก็ต้องทำให้มีของใหม่เพิ่มมา เสมอ ๆ โดยใช้การเปลี่ยนรูปแบบหน้าร้านหรือหน้าเว็บไปเรื่อย ๆ

ทุนเบื้องต้นในการทำร้านออนไลน์นั้น เผด็จบอกว่าอยู่ที่ 3,300-5,000 บาทต่อปี โดยเงินทุนส่วนนี้ถือเป็นทุนหมุนเวียนด้วย เพราะค่าใช้จ่ายส่วนนี้รวมทุกอย่างหมดแล้ว อาทิ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าซอฟต์แวร์ ค่าโดเมนเนม (ชื่อเว็บไซต์ที่จดทะเบียน) ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าเช่าร้านจริง ๆ แบบเดิม

“เทียบกับการเช่าร้านแล้ว มีลูกค้าวันละคนยังคุ้มกว่าเลย ค่าใช้จ่ายประจำของการทำเว็บ ถ้าเลือกที่เป็นกึ่งสำเร็จรูป เราสามารถอัพเดทเองได้ ค่าใช้จ่ายก็มีแค่ค่าเช่ารายปี ส่วนบางที่ก็อาจจ่ายเป็นรายเดือน”

แม้ทุกวันนี้มีการหลอกลวงกันมาก อาจทำให้ลูกค้ารู้สึกกลัว ซึ่งเป็นข้อด้อย แต่เจ้าของเว็บไซต์ก็แก้ได้ด้วยการแสดงตัว อาทิ มีแผนที่ร้าน หรือแผนที่บ้าน ลงโปรโมทตามเว็บไซต์อื่น ยิ่งถ้ามีโอกาสได้ลงสัมภาษณ์ตามสื่อต่าง ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่น ส่วนข้อดีนั้นมีทุกเรื่อง อาทิ ลดค่าใช้จ่ายค่าเช่าร้าน มีลูกค้าทั่วโลก ติดต่อกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องวิ่งออกไปหาลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าใช้อินเทอร์เน็ตหาข้อมูลสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ

“ช่องทางการทำธุรกิจผ่านเว็บไซต์ยังมีพื้นที่ว่างอีกมาก แม้จะมีสินค้าแบบเดียวกัน แต่ถ้านำเสนอได้น่าสนใจกว่า รายละเอียดเยอะกว่า น่าเชื่อถือมากกว่า ลูกค้าเข้าถึงได้มากกว่า เราก็ขายได้มากกว่า ร้านค้าออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ดีในเวลานี้ กับยุคน้ำมันแพง และค่าเช่าที่มีราคาสูงลิ่ว”

กรณีตัวอย่างอีกราย “กบ-รณภพ กัญจนิตานนท์” กับสินค้า “ตุ๊กตาล้อเลียน” รายนี้ใช้การ “ฝากขายออนไลน์” ผ่านเว็บไซต์ www.pantipmarket.com โดยใช้ชื่อสำหรับค้นหาว่า zagai2002 ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า... อินเทอร์เน็ตให้ความสะดวกในการเข้าค้นหาสิ่งที่ต้องการ จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการจำหน่ายสินค้าได้ และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า...เพราะแทบไม่ต้องลงทุนอะไร มีเพียงแค่ถ่ายรูปสินค้า เขียนข้อความประชาสัมพันธ์ อธิบายถึงขั้นตอนการสั่งทำ-สั่งซื้อ ขั้นตอนการชำระเงิน และวิธีการรับสินค้า

ส่วนปัญหาก็มีอยู่บ้าง อาทิ ต้องหมั่นเข้าไปอัพเดทสถานะโฆษณาบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้หน้าร้านออนไลน์ถูกทางเว็บขยับลงไปจากอันดับต้น ๆ จนทำให้ผู้เข้าชมเว็บไม่เห็นโฆษณาของเรา

การเลือกเว็บไซต์ที่จะลงประกาศนั้น รณภพใช้หลักพิจารณาจากเว็บไซต์ที่มีปริมาณคนเข้าชมมาก ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับกิจการเล็ก ๆ ที่ยังมีต้นทุนไม่มาก-ไม่พร้อมที่จะทำเว็บไซต์ของตัวเอง โดยเลือกหาฟรีเว็บไซต์ที่จะลงประกาศขายสินค้าซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากมาย อาทิ pantip.com, sanook.com, tarad.com, thaisecondhand.com การสมัครขอใช้บริการฟรีก็ไม่ได้ยุ่งยาก ซึ่งฟรีเว็บไซต์ที่ให้บริการจะมีรายละเอียดและขั้นตอนไว้ให้เสร็จ บางรายอาจต้องเป็นสมาชิกก่อนจึงจะใช้บริการได้ตามระบบที่กำหนดไว้

บางเว็บไซต์อาจไม่เหมาะกับสินค้า แต่หากไม่มีค่าใช้จ่ายก็ถือว่าเป็นการกระจายหน้าร้านไปหลาย ๆ ที่เรียกว่าการ “เพิ่มลิงค์” การเพิ่มลิงค์ถือเป็นทางเลือก เช่นบางทีลูกค้าอาจไม่ได้นึกถึงตุ๊กตาล้อเลียน แค่เขาเสิร์ชหาข้อมูลของขวัญ ถ้าเราแลกลิงค์เพิ่มลิงค์มาก ๆ ก็จะมีเว็บของเราโชว์ขึ้นมาด้วย ก็อาจได้ลูกค้าจากตรงนี้

“นี่เป็นทางเลือกที่สะดวกให้กับผู้ซื้อ ลงทุนน้อย มีข้อเปรียบเทียบระหว่างสินค้าชนิดเดียวกันให้ผู้ซื้อตัดสินใจ ไม่จำกัดเวลาการซื้อขาย มีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ส่วนข้อควรระมัดระวังคือต้องสร้างความน่าเชื่อถือมากกว่าการขายในช่องทาง อื่น หรืออาจเกิดปัญหาลูกค้าสั่งทำแล้วไม่มารับสินค้า และระบบการโอนชำระค่าสินค้าจากต่างประเทศยังมีปัญหาอยู่บ้าง”

รณภาพบอกด้วยว่า บางเว็บไซต์มีการเช็คจำนวนคนเข้าชมด้วย ก็ถือว่าดีมาก จะรู้ว่าร้านออนไลน์ของเรามีคนสนใจมากน้อยแค่ไหน ช่องทางการขายแบบนี้ถือว่าคุ้มมาก เมื่อเทียบกับการเช่าที่เปิดร้านจริง แต่จุดสำคัญที่ต้องย้ำคือเรื่องความน่าเชื่อถือ และรวมถึงการอัพเดทหน้าร้านให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีเรื่องใหม่ ๆ อยู่เสมอ


สำหรับเจ้าของกิจการ เจ้าของสินค้า ที่กำลังมีปัญหาเรื่องทุนค่าเช่าร้าน หรือติดขัดเรื่องทำเลการขาย จากข้อมูลเกี่ยวกับ “ร้านค้าออนไลน์” การ “ขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” นำเสนอมา 2 ตอน อาจจะเป็น “ทางเลือก” หนึ่ง ก็ลองพิจารณา ลองไปศึกษาและตัดสินใจกันดู...

by
ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ :รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้