วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วิเคราะห์ช่องทางทำกิน ปี 50 อาชีพใด เด่น - ด้อย

วิเคราะห์ช่องทางทำกิน ปี 50 อาชีพใด เด่น - ด้อย
ดร.จักรกรินทร์ ศรีมูล คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ วิเคราะห์แนวโน้มอาชีพในปี 2550
โดยเฉพาะ “เอสเอ็มอี” ว่า... ในปีหน้าพวก “ธุรกิจก่อสร้างไปได้สวย” แต่ต้องขึ้นอยู่กับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย ปีนี้ตัวเลขจีดีพีเพียง 4.55% ถือว่าน้อย ถ้าปีหน้าขึ้นสัก 6% ก่อสร้างจะไปดี ซึ่งจีดีพีโตเร็ว ธุรกิจก่อสร้างก็จะไปได้เร็ว ทำให้ “ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างได้รับผลดี” ไปด้วย

“ธุรกิจด้านไอที-คอมพิวเตอร์ยังไปได้...แต่ต้องเร็ว”
เพราะ เป็นธุรกิจที่ต้องปรับตัวเร็ว ต้องเปลี่ยนเร็วมาก บางทีมีซอฟต์แวร์ 2 อาทิตย์ก็ต้องเปลี่ยนมาใหม่ แล้วต้องขายเร็ว มีนวัตกรรมเปลี่ยนรุ่นเรื่อย ๆ ตกรุ่นเร็ว คนก๊อบปี้เร็ว ของออกมาวันสองวันคนก็ก๊อบปี้ออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องรีบขายให้เร็ว และต้องเปลี่ยนใหม่ให้เร็ว


“ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร-ขนม และส่งออก...ก็ยังไปได้ดี”
แต่ขึ้นกับช่องทางการกระจายสินค้าตามจุดใหญ่ ๆ ถ้าจะให้ก้าวไกล ซึ่งสำหรับอาหาร...แม้ว่าเศรษฐกิจจะแย่หรือไม่แย่อย่างไรแต่อาหารก็ยังเป็น เรื่องสำคัญ ธุรกิจร้านอาหารจึงไปได้แน่นอน แต่จะต้องคอยปรับตัวเหมือนกัน เพราะคนไทยเบื่อง่าย อาทิ เปลี่ยนเมนู เปลี่ยนชื่อร้าน ปรับลุคส์ อาจจะดัดแปลงให้ร้านมีบริเวณกว้างขึ้น มีที่จอดรถกว้าง ๆ มีสนามเด็กเล่น ตกแต่งร้านให้ดูทันสมัยมีการใส่ใจลูกค้า ขณะที่ธุรกิจส่งออกนั้นปัญหาอาจจะอยู่ที่ช่องทางการส่งออกบ้าง


“ธุรกิจเกี่ยวกับความรู้ การศึกษา ก็ไปได้ด้วยตัวเอง”
เพราะเศรษฐกิจดีไม่ดีคนก็ต้องเรียนหนังสือ อย่างไรก็ตาม ต่อไปคนไทยจะเหมือนคนต่างประเทศ ถ้ามีเงินก็จะมีเวลาว่างเยอะ ก็คิดที่จะหาเรื่องการออกกำลังกาย โยคะ หาอาหารเสริม วิตามิน เพื่อสุขภาพ ดังนั้น “ธุรกิจด้านสุขภาพจะมีอนาคต”


ขณะที่ “ธุรกิจเกี่ยวกับความงาม-การแสดง ก็ไม่ควรมองข้าม”
อาทิ เครื่องสำอาง ลดน้ำหนัก สปา โรงเรียนสอนการแสดง ซึ่งสำหรับเรื่องความงามนั้นเป็นค่านิยมทั่วโลก อีกอย่างคนเราพอมีเงินมากขึ้นก็อยากสบาย อยากทำอะไรให้ตัวเองดูดี หรือเพื่อความสุนทรีย์ ธุรกิจที่ทำเงินหลังเลิกงาน กิจกรรมต่าง ๆ จึงมีมากขึ้นเรื่อย ๆ


“ธุรกิจผับ-บาร์ก็น่าจะยังไปรอด” เพราะเมืองไทยเป็นเมืองเที่ยวอยู่แล้ว คนไทยเป็นคนเที่ยวเก่ง ธุรกิจนี้จึงไปได้รอด เพียงแต่จะต้องคอยปรับ คอยเปลี่ยน เพื่อให้ไม่ซ้ำซาก


“ปัจจุบัน เอสเอ็มอีไทยไม่ควรคิดเพียงแค่ในบ้านแล้ว เช่น เครื่องถ้วยของอยุธยา ตอนนี้คนที่ทำไม่มีคนสืบทอด เราต้องไปจ้างไปเปิดโรงงานที่ลาว ไปสอนเทคนิคให้เขา แล้วก็มีการส่งออกเป็นของคนไทย ก็เหมือนที่ญี่ปุ่นมาทำโทรทัศน์ที่เมืองไทยส่งออกเป็นโทรทัศน์ญี่ปุ่น ก็เหมือนกัน ต้องคิดออกไปมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าเราคิดแค่ตรงนี้เราก็จะอยู่แค่ตรงนี้ แล้วมันก็จะอยู่ไม่รอด เพราะการออกไปข้างนอกมันได้ไอเดียใหม่ ๆ ยิ่งขึ้น ตรงนี้ต้องคิดกว้าง ๆ ต้องหาตลาดต้องหาคู่แข่งให้เป็น” ...ดร.จักรกรินทร์ให้มุมมอง

ก่อนจะ ระบุทิ้งท้ายว่า... “อย่างไรก็ตาม ปีหน้าธุรกิจที่อาจจะเป็นดาวร่วง น่าจะเป็นธุรกิจส่งออกที่จะมีปัญหาเพราะเงินบาทแข็งตัว ธุรกิจที่อิงราคาเป็นหลักจะมีปัญหา เช่น สินค้าพื้นบ้าน หรือโอทอป ที่แบรนด์ยังไม่เกิด เพราะตอนนี้สินค้าจากจีนบุกเข้ามาทำตลาดมาก ๆ”



ผศ.วิทวัส รุ่งเรืองผล ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ว่า... ปี 2549 ที่กำลังจะผ่านไป ยังไม่เห็นว่ามีธุรกิจใดเป็นดาวเด่น-ธุรกิจใดเป็นดาวร่วงจริง ๆ เลย เพราะทุกอย่างคงอยู่ในสภาพเดิม ๆ กันหมด

แต่ “ธุรกิจที่น่าจะไปได้ดีในปี 2550 คือธุรกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง”
เพราะ ช่วงปลายปีนี้เกิดน้ำท่วมมาก ดังนั้น ช่วงปลายปีถึงปีหน้าอาจจะมีการปรับปรุงบ้าน ซ่อมบ้าน สร้างบ้านกันมาก ซึ่งธุรกิจค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้าง รวมไปถึง “ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้รับอานิสงส์” ตรงจุดนี้


“ธุรกิจอาหาร
ถ้าเป็นเอสเอ็มอีที่มีการบริหารจัดการที่ดีอยู่แล้วจะดีต่อเนื่อง” เพราะร้านอาหารจะประสบความสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับฝีมือ และกำไรหรือไม่กำไรนั้นขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของเจ้าของร้าน

ธุรกิจ เอสเอ็มอีนั้นจะต้องเข้าง่าย-ออกง่าย และผู้ประกอบการต้องมีความรู้ ความชำนาญ และใจรัก แต่ถ้าทำเพราะตามกระแสอยากมีธุรกิจของตนเองก็คงลำบาก เพราะมีบทเรียนมาให้เห็นมากต่อมากแล้ว


“ธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ ยังน่าสนใจอยู่”
เพราะตลาดมาร์จิ้นยังกว้าง และมีเทคโนโลยีใหม่เข้าเรื่อย ๆ และการบริหารจัดการไม่มีอะไรซับซ้อน ดังนั้นก็ยังน่าจะไปได้เรื่อย ๆ แต่คงไม่หวือหวาเหมือนในอดีต


“ส่วนธุรกิจ ที่ดร็อปลงนั้น ก็มีค้าปลาสวยงามที่เคยเฟื่องฟู ธุรกิจค้าปลีกที่แนวโน้มตกลงหมดแล้ว ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านเบเกอรี่ ที่เคยเฟื่องฟูตามกระแสตอนนี้เริ่มนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว เพราะเข้าใจว่าโอเวอร์ซัพพลาย (ปริมาณมากกว่าความต้องการ) เช่นเดียวกับธุรกิจสปาที่เคยเฟื่องฟูตามนโยบายของรัฐที่ต้องการโปรโมต ปัจจุบันก็ไม่มีอะไร หรือธุรกิจปั๊มน้ำมันที่เคยรุ่ง ปัจจุบันเมื่อน้ำมันราคาแพง ปั๊มเล็ก ปั๊มน้อย ก็ทยอยปิดตัวลง” ...ผศ.วิทวัสกล่าว


ผศ.ดร.ศุภณัฐ ชูชินปราการ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ร่วม วิเคราะห์แนวโน้มอาชีพในปี 2550 แล้วแจกแจงว่า... ปีที่ผ่านมามีปัญหาหลายอย่าง ทั้งในเรื่องการเมือง ภัยพิบัติ น้ำมันแพงส่งผลกระทบให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การลงทุนก็ยังชะลอ คนก็ยังชะลอเรื่องการจับจ่ายใช้สอย เพราะข้าวของขึ้นราคา ดังนั้น กระแสในปีหน้าก็ยังคงเป็นแบบนี้ต่อเนื่องต่อไปเรื่อย ๆ

แต่ “ธุรกิจเอสเอ็มอีที่ดีคือพวกอาหาร ของกินของใช้ที่จำเป็น”
เพราะ คนต้องใช้ในชีวิตประจำวัน หรืออาจจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับแฟรนไชส์อาหาร ซึ่งอาหารของสดน่าจะไปได้ดี และอาหารแช่แข็ง อาหารสำเร็จรูปก็น่าจะไปได้ดีด้วย เพราะว่ามันก็จำเป็นสำหรับคนยุคนี้


“ธุรกิจพวกไอที คอมพิวเตอร์-โทรศัพท์มือถือพอไปได้”
โดยลูกค้าจะเป็นแค่บางกลุ่ม ถ้ากลุ่มวัยรุ่นอาจจะซื้อ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วอาจจะคิดก่อน ยังไม่รีบ ยังไม่ต้องเปลี่ยน ใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน


“ธุรกิจการศึกษายังคงไปได้ด้วยตัวของมันเอง”
อย่างเช่นโรงเรียนกวดวิชา พ่อแม่ก็ให้ลูกไปเรียน ธุรกิจมันก็ไปได้ด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว


“พวก ของกินของใช้ของที่มันออกในเชิงฟุ่มเฟือย ยอดขายจะลดลง ของที่ค่อนข้างจะรอได้ ไม่ต้องรีบซื้อ ของฟุ่มเฟือย ของที่ไม่จำเป็น อาทิ พวกเครื่องหนัง เครื่องประดับ จะชะลอตัว ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องเน้นเรื่องการควบคุมต้นทุนให้ดี ค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต้องตัด ต้องบริหารงานอย่างมี

ประสิทธิภาพ เน้นผลกำไรระยะยาว ไม่เน้นผลกำไรระยะสั้น ต้องรักษาคุณภาพให้ดี เอสเอ็มอีต้องพยายามศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา โลกเปลี่ยน สิ่งแวดล้อมเปลี่ยน ก็ต้องตามให้ทัน แล้วนำมาปรับประยุกต์ใช้กับการบริหารงานของตัวเอง สินค้าบริการของตัวเองต้องตามให้ทัน” ...ผศ.ดร.ศุภณัฐระบุ


ก็ เป็นการ “วิเคราะห์อาชีพเด่น-ด้อย ปี 2550” โดย 3 นักวิชาการผู้ชำนาญการ ซึ่งอาจจะไม่ครบถ้วนทุกอาชีพของคนไทยในยุคปัจจุบัน แต่ก็น่าจะพอเป็นแนวทางให้ลองพินิจพิจารณากันได้บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งใครอยู่กลุ่มเด่น...ก็ยินดีด้วย ส่วนใครอยู่กลุ่มด้อย...ระวังหน่อยก็ไม่เสียหาย แต่ก็อย่าถึงกับกังวลจนเกินไป

ปีใหม่ 2550 ก็ขอให้ทุกท่าน-ทุกอาชีพประสบความสำเร็จกันทั่วหน้า แม้ อาจจะมีอุปสรรคบ้าง ก็ขอให้สามารถนำพากิจการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นในที่สุด !!

ขอขอบคุณข้อมูล จาก
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้