วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

งานหล่อหินทราย

งานหล่อหินทราย

สถาปัตยกรรมถือเป็นศิลปกรรมทางวัฒนธรรมที่มีความคงทน และสืบสานทางมรดกและวัฒนธรรมให้ลูกหลานได้รับรู้และเรียนรู้มากกว่าวัฒนธรรมด้านอื่น ๆ เพราะสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จะสร้างด้วยวัตถุที่มั่นคงแข็งแรงและมีอายุยืนนานนับพันปี แม้ส่วนเหนือพื้นดินจะผุพังไปตามกาลเวลาแล้วเราก็อาจจะพบส่วนที่อยู่ใต้ดินที่ยังพอจะให้เราได้ศึกษา และรับรู้ศิลปกรรมที่ยังอยู่ในสภาปัตยกรรมนั้น ๆ ได้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งตอนบนและตอนล่าง เราจะพบสถาปัตยกรรมที่เป็นพุทธสถานและเทวสถาน เป็นจำนวนมากกระจายไปตามจุดต่าง ๆ ตามความเจริญรุ่งเรืองแต่ละแห่งในอดีตสถาปัตยกรรมจะสร้างด้วยวัตถุที่มั่นคงแข็งแรงซ้ำมีอยู่ในท้องถิ่นส่วนใหญ่ได้แก่ หินทราย และศิลาแลง สร้างด้วยวิวัฒนาการการสร้างสถาปัตยกรรมด้วยหินทราย และศิลาแลง มีมานับพันปีมาแล้ว สถาปัตยกรรม และประติมากรรมที่ยังคงความสง่างามมีเอกลักษณ์โดดเด่นยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ยุคนั้นว่าสถาปัตยกรรมที่สร้างด้วยหินทรายรุ่งเรืองมากที่สุดอยู่ราวพุทธศัตวรรษที่ ๒๖ - ๒๗ ที่เรียกว่าศิลปะสมัยนครวัด และเริ่มเสื่อมถอยลงในรายพุทธศตวรรษ ๑๘ - ๑๙

ดังได้กล่าวมาแล้วว่าในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน และตอนล่างจะพบว่ามีพุทธสถาน และเทวสถานที่ปลูกสร้างด้วยหินทรายบ้าง ศิลาแลงบ้าง หรือผสมผสานกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และเสื่อมถอยลงมาเป็นลำดับ ตัวสถาปัตยกรรมอาจจะยังคงพอมองเห็นรูปทรงอยู่บ้าง แต่ประติมากรรม ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีขนาดเล็ก และบอบบางย่อมเสื่อมสลายไปตามสถานที่สิ่งก่อสร้างนั้นชำรุดทรุดโทรมไป นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนย้ายนำไปขายแก่ชาวต่างประเทศและเปลี่ยนไปเป็นสมบัติส่วนคนเป็นอันมาก ถ้าไม่มีการรณรงค์เพื่อให้เกิดจิตสำนึกเพื่อรักษาศิลปกรรมอันเป็นสมบัติของชาติอย่างจริงจังแล้วต่อไปลูกหลานก็จะไม่ได้รับรู้และเรียนรู้ศิลปกรรมอันงดงามและมีคุณค่า เมื่อไม่มีโอกาสรับรู้และเรียนรู้แล้ว การก่อให้เกิดการสืบสานวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ที่ผ่านมาจากอดีตก็ย่อมเลื่อนสูงไป การบำรุงรักษาสถาปัตยกรรมและประติมากรรมอันเก่าแก่ไว้จึงเป็นทางหนึ่งที่จะก่อให้เกิดการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม นอกจากนี้การศึกษา และเลียนแบบการสร้างประติมากรรมของเก่าด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็อาจเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยรักษาศิลปกรรมสมัยเก่าไว้ได้ในรูปแบบ แม้จะไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมดในด้านความรู้สึก แต่ก็เป็นทางหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าบรรพชนของเราเป็นผู้ที่สร้างสมศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า และถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนถึงลูกหลาน ซึ่งกรรมวิธีของวิทยาการสมัยใหม่นั้นคือ การหล่อหินทราย ซึ่งในที่นี้จะพูดถึงกรรมวิธีการหล่อหินทราย ของร้านชาวดิน บ้านด่านเกวียนเท่านั้น

งานหล่อหินทรายของร้านชาวดินบ้านด่านเกวียน

การสร้างผลงานด้านประติมากรรมบนหินทรายในอดีต เป็นการสลัก และแกะลวดลายบนก้อนหินทราย ซึ่งจะต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญ และต้องใช้เวลานานการสร้างงานประติมากรรมประเภทเดียวกันหลาย ๆ ชิ้นก็ต้องใช้เวลาเท่า ๆ กัน แต่การนำเอาเทคนิคสมัยใหม่คือการหล่อหินทรายมาสร้างงานประติมากรรมเลียนแบบศิลปกรรมสมัยเก่า ทำได้ง่ายกว่าและสามารถเก็บลายละเอียดต่าง ๆ ได้ชัดเจนหรืออาจกล่าวได้ว่าสามารถให้ลายละเอียดได้ดีกว่าการแกะสลักโดยตรง เพราะสามารถแกะบนหุ่นดินปั้น ซึ่งทำได้ง่ายกว่า

วัสดุอุปกรณ์

  1. ดินเหนียวใช้ปั้นหุ่น
  2. ยางซิลิโคนใช้ทำแบบพิมพ์
  3. ปูนพลาสเตอร์ใช้เทห่อนภายนอกแบบพิมพ์ยางซิลิโคน
  4. หินทรายบด
  5. ทราย เลือกที่มีคุณภาพเหมือนหินทรายบด
  6. ปูนซีเมนต์ขาว
  7. ดินสี มีไว้ผสมกับปูนซีเมนต์ขาวให้ได้สีที่ต้องการ
  8. โม่ผสมปูนขาว

ขั้นตอนทำพิมพ์ยางซิลิโคน มีขั้นตอนดังนี้

  1. เตรียมดินเหนียวให้ได้ขนาดเท่าแบบที่ต้องการจะหล่อ เพื่อใช้ปั้นหุ่น
  2. รูปทรงและแกะลวดลายตามประติมากรรมที่ต้องการซึ่งมีทั้งประติมากรรมนูนต่ำ นูนสูงและลอยตัว จนได้ลักษณะที่ต้องการซึ่งจะใช้เป็นหุ่นต้นแบบ
  3. ทาด้วยน้ำมันยางซิลิโคนบนหุ่นดินเหนียวให้ทั่ว โดยทาหลาย ๆ ครั้ง จนมีความหนาเท่ากัน เพื่อให้มีความคงทนต่อการเทหล่อหินทราย
  4. เทปูนพลาสเตอร์ทับแบบบางซิลิโคนที่แห้งแล้ว เพื่อให้ปูนพลาสเตอร์กระชับแม่แบบพิมพ์ ยางซิลิโคนให้มั่นคงแข็งแรง
  5. แกะดินเหนียวทิ้งไปให้เหลือแต่แบบพิมพ์ยางซิลิโคนและปูนพลาสเตอร์ หุ่นยาง ถ้าเป็นหุ่นประติมากรรมลอยตัวการแกะดินเหนียวออกจากแม่พิมพ์ยางอาจทำได้ยากลักษณะเช่นนี้จะต้องเทปูนพลาสเตอร์ที่สามารถแยออกเป็นส่วนได้เพื่อสะดวกในการแกะดินเหนียวออกจากยางซิลิโคน เมื่อแกะดินออกจากแม่พิมพ์เสร็จแล้ว แบบพิมพ์ก็พร้อมจะใช้เทหล่อส่วนผสมของดินทรายต่อไป

ขั้นตอนการหล่อหินทราย มีขั้นตอนดังนี้

  1. นำหินทรายมาบดด้วยเครื่องบดหรือโม่หิน แล้วนำไปร่อนให้ได้ขนาดเบ็ดที่พอเหมาะ
  2. นำหินทรายที่บดแล้วมาผสมกับทรายในอัตราส่วน ๑:๑ หินทรายและทรายนี้นำมาผสมกันจะต้องเลือกชนิดที่มีเนื้อและสีเหนือนกัน เมื่อผสมกันแล้วจะได้กลมกลืนกัน
  3. นำส่วนผสมของหินทรายบดและทรายที่ผสมกันแล้วตามสัดส่วนดังกล่าวมาผสมกับปูนซีเมนต์ขาวโดยใช้ส่วนผสมของหินทรายบด แบงทราย ๓ ส่วน ผสมปูนซีเมนต์ ๑.๕ ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ให้เหลวพอที่จะเทเข้าในแบบพิมพ์ได้ทุกส่วน โดยมีน้ำเป็นตัวช่วยในการผสม
  4. เทส่วนผสมดังกล่าวลงในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ให้ส่วนผสมแทรกเข้าไปทุกส่วนของแบบพิมพ์ ทิ้งไว้ ๑ - ๒ วัน จึงถอดแบบพิมพ์ออก
  5. หินทรายหลังที่ถอดปบบพิมพ์แล้วนำมาทิ้วไว้จนแห้งสนิทแล้วนำมาล้างให้สะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน
  6. นำชิ้นงานที่สะอาดแล้วมาล้างและขัดด้วยน้ำยาขัดพื้นเพื่อให้กัดปูนออกไม่ให้มีเม็ดทรายโผล่ออกมา ลักษณะเหมือนหินทรายจริง ๆ

การทำให้เป็นของเก่า

เมื่อเสร็จขั้นตอนการหล่อแบบแกะแบบออกนำชิ้นงานมาสร้างและขัดจนเห็นเม็ดทรายเหมือนดังงานปแกะสลักหินทรายแล้ว ก็เชื่อว่าเสร็จพร้อมจำหน่ายได้ แต่ถ้าต้องการตกแต่งสีสันให้มองดูเป็นของเก่าตามความนิยมของลูกค้าทั่วไป ก็สามารถทำโดยซึ่งมีวิธีทำ ดังนี้

  1. ถ้าต้องการให้ชิ้นงานมีสีดำแทรกระหว่างเม็ดทรายที่ผิวของงาน ทำได้โดยเตรียม น้ำดำหรือเรียกว่าน้ำสลิป ซึ่งทำจากการนำดินเหนียวสีดำที่ได้จากท้องนามาหมักเป็นโคลนกรอง จนได้น้ำเหลวสีดำข้น ลักษณะคล้ายแป้ง นำน้ำคำนี้มาทาปนชิ้นงานทิ้งไว้ให้แห้งแล้วนำความสะอาดสีดำจะเกาะติดอยู่ระหว่างเม็ดทราย ทำให้มองดูเป็นของเก่ามากยิ่งขึ้น
  2. ถ้าต้องการให้ชิ้นงานมีสีแดง ก็ทำลักษณะคล้ายกันคือนำดินลูกรังมาร่อนเพื่อให้ได้ ฝุ่นดินลูกรังเป็นผงละเอียดมาหมักในน้ำ นำน้ำเหลว ๆ ของฝุ่นบงลูกรังไปทาบนชิ้นงานทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วทำความสะอาด ชิ้นงานก็จะมีสีแดงเนื่องจากผงละลายของแร่เหล็กแกะติดอยู่ หรือถ้าต้องการสีผสมระหว่างสีทั้งสองก็นำเอาน้ำาของดินทั้งสองอย่างมาผสมกันแล้วทาตามกรรมวิธีดังกล่าว

การจำหน่าย

จากการเปิดเผยของคุณสรรเสริญ จาตุรวงศา ผู้จัดการฝ่ายรูปปั้นผนังแห่งร้านชาวดิน กล่าวถึงราคาอขงงานรูปปั้นหล่อหินทรายซึ่งเป็นการสร้างงานศิลปกรรมเลียนแบบศิลปกรรมเก่าแก่ด้วยเทคนิคสมัยใหม่ที่นับได้ว่าร้านชาวดินได้เป็นผู้บุกเบิกศิลปกรรมงานหล่อหินทรายเป็นกลุ่มแรก ดังนั้นต้นทุนการผลิตจึงอยู่ที่การสร้างแบบพิมพ์แต่ละแบบขึ้นมา ซึ่งจะต้องอาศัยช่างผู้มีความสามารถ ในด้านการปั้นฝีมือดีและหายาก งานชิ้นใดที่ผลิดเพียงชิ้นเดียว เช่น สัญลักษณ์ของบริษัทต่าง ๆ ราคาจะแพง แต่ถ้าเป็นงานที่มีแบบพิมพ์อยู่แล้วราคาจะถูกลง ราคาโดยทั่วไปถ้าเป็นการสั่งออกแบบ ใหม่ ราคาขายตกตารางเมตรและ ๑๕,๐๐๐ บาท แต่ถ้าเป็นงานที่มีแบบพิมพ์แล้วราคาถูกลง จำนวนที่สั่งทำแต่ละแบบก็จะเป็นตัวแปรหนึ่งที่จะทำให้ราคาถูกหรือแพง ถ้าท่านผู้ใดที่สนใจในรายละเอียดและราคาให้ติดต่อได้โดยตรงที่ร้านชาวดิน โทร. ๐๔๔ - ๓๗๕๑๙๔, ๓๗๕๑๙๘ บ้าน ถนนสายราชสีมาโชคชัย ซึ่งมีงานหล่อหินทรายหลายรูปแบบให้เลือกชม

ขั้นตอนการทำแบบพิมพ์

1. เตรียมดินเหนียวเพื่อปั้นหุ่น

2. ออกแบบและแกะลายตามแบบ

3. ลอกแบบด้วยยางซิลิโคน

4.เทปูนปาสเตอร์หุ้มยางซิลิโคนเพื่อเป็นโครงหุ้มแบบ

5. แกะดินเหนียวที่ปั้นเป็นหุ่นออกจากพิมพ์ยางซิลิโคน

6. ทำความสะอาดแบบพิมพ์

7. เตรียมประกอบแบบพิมพ์ให้พร้อมเท

ขั้นตอนการหล่อหินทราย

หินทรายบด ผสมทราย รวม 3 ถัง

ปูนซีเมนต์ขาวผสมดินสี 1.5 ถัง

ผสมหินทรายกับปูนซีเมนต์สีเข้ากันโดยใช้ไม้ผสม

เทส่วนผสมใส่ลงในแบบพิมพ์ซิลิโคน

ถ้าเป็นชิ้นงานใหญ่จะเสริมโครงสร้างหินทรายด้วยเหล็กตะแกรง

ปล่อยส่วนผสมที่เทแล้วไว้ให้แห้ง

ถอดสายยางออกแล้วนำไปล้างด้วยน้ำยาล้างจานและน้ำยาล้างห้องน้ำเพื่อกัดปูนผิวหน้าออกให้เม็ดหินทรายออก

นำไปตกแต่งสีด้วยน้ำดินดำหรือน้ำดินลูกรังแล้วล้างออกให้เหลืออยู่เฉพาะในร่อง


ขอขอบคุณบทความดี ๆ ทางอาชีพ

แหล่งที่มา : http://science.nrru.ac.th/clinictech/pro_korat/lesson2_section3.html



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้