
‘เซฟตี้เบลท์สมุนไพร’ภูมิปัญญาไทย+ไอเดีย..ทำเงิน
แม้ หลายคนจะดูแคลนว่าตลาดสมุนไพรเป็นตลาดโตยาก หากแต่คนที่รู้จักคิดค้นและหาตลาดเป็น ก็ยังมีโอกาสก้าวไกลไปถึงระดับอินเตอร์ ซึ่งเป็นคำตอบได้ว่าตลาดธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรยังไงก็ยังไม่ตกยุคอย่างที่ คิด อย่างเช่นสินค้า “เซฟตี้เบลท์สมุนไพร” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมาให้พิจารณา...
“ดารารัตน์ ธเนศวาณิชย์” เจ้าของผลงานเซฟตี้เบลท์สมุนไพรเล่าว่า ได้ไอเดียมาจากเพื่อนของคุณแม่ของเธอ ซึ่งนำลูกหอมสมุนไพรมาให้ใช้ โดยนำไปใช้วางในรถยนต์แทนน้ำหอมปรับอากาศรถยนต์ ปรากฏว่าหลังจากทดลองใช้อยู่ 1 เดือนนอกจากความหอมที่ได้จากกลิ่นสมุนไพรแล้ว อาการภูมิแพ้ อาการคัดจมูกที่เธอเป็นอยู่บ่อย ๆ ลดน้อยลง จึงมองเห็นข้อดี แต่พิจารณาดูรู้สึกว่ารูปแบบยังมีปัญหาเรื่องการใช้งานไม่ค่อยสะดวก จึงมาคิดว่าจะพัฒนาสินค้าอย่างไรให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย คือกลุ่มผู้ใช้รถยนต์-กลุ่มสินค้าประดับยนต์
หลังได้ไอเดียจึงไปขอสูตรสมุนไพรจากเพื่อนคุณแม่ จากนั้นลองซื้อที่หุ้มเซฟตี้เบลท์มาผ่าและยัดไส้ในของที่หุ้มเบลท์ด้วย สมุนไพรแทนฟองน้ำ และพัฒนาใหม่เพื่อสะดวกต่อการใช้งาน โดยส่วนที่ใส่สมุนไพรจะเย็บแบ่งเป็น 4 ช่องเรียงต่อกัน ป้องกันสมุนไพรไม่ให้ไหลลงมารวมกันซึ่งจะทำให้รูปทรงไม่สวยงาม อีกทั้งออกแบบให้มีผ้าและฟองน้ำรองซับในป้องกันสมุนไพรซึมออกมาเลอะชุดผู้ ขับขี่ และนอกจาก “เซฟตี้เบลท์สมุนไพร” ที่ใช้ชื่อว่า Thai D. Best Herbs แล้ว ก็ยังมีหมอนสมุนไพร, โถหุ้มผ้าไหมสมุนไพร, รองเท้าสมุนไพร, ถุงหอมสมุนไพร โดยตลาดสินค้าแบ่งออกเป็นตลาดในประเทศร้อยละ 40 ตลาดต่างประเทศร้อยละ 60 ช่วงเทศกาลปีใหม่จะขายดีขึ้นกว่าช่วงปกติ แต่รวม ๆ ก็สามารถทำขายได้ตลอดทั้งปี
“เราเปลี่ยนจากผ้าธรรมดามาใช้ผ้าไหมทอ เนื่องจากคุณสมบัติของผ้าจะมีรูพรุน ทำให้กลิ่นสุมนไพรออกมาได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่น อีกข้อหนึ่งคือผ้าไหมสามารถสื่อถึงที่มาของประเทศที่ผลิตสินค้าอย่างไทยได้ ดีกว่าผ้าชนิดอื่น ซึ่งทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์สินค้าได้ง่ายขึ้น” ดารารัตน์กล่าว
ทุนเบื้องต้น เธอบอกว่าลงทุนประมาณ 250,000 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงานตัดเย็บ ค่าภาชนะสำหรับอบสมุนไพร ค่าบรรจุภัณฑ์ และค่าเครื่องจักรในการผลิต ส่วนทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 55% จากราคาขาย ราคาขาย 1 แพ็คมีที่หุ้มเบลท์ 2 ชิ้น ขายส่ง 290 บาท ขายปลีก 350 บาท
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ ก็มีซองเยื่อกระดาษ(สำหรับใส่สมุนไพร), ผ้าดิบ(สำหรับใช้หุ้มซองเยื่อกระดาษเพื่อกันการฉีกขาด), ฟองน้ำหนา 4 มิลลิเมตร, เทปตีนตุ๊กแกสำหรับติดผ้า, ผ้ากุ๊นขอบ และผ้าไหม ส่วนสมุนไพรที่ใช้นั้น มีอาทิ ข่า ขมิ้นชัน การบูร พิมเสน ยูคาลิปตัส ไพล ใบมะขาม ดอกปีบ และน้ำมันหอมระเหย
ขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำสมุนไพรและน้ำมันหอมระเหยที่เตรียมไว้มาคลุกรวมกัน จากนั้นนำสมุนไพรที่คลุกได้มาบรรจุใส่ในซองเยื่อกระดาษ ประมาณ 11/2 ช้อนโต๊ะหรือตามความเหมาะสมของขนาดซอง จากนั้นนำผ้าดิบมาตัดเย็บโดยทำเป็นช่อง ๆ สำหรับบรรจุซองเยื่อกระดาษที่ใส่สมุนไพรลงไป เสร็จแล้วเย็บปิดปากและท้ายกันซองร่วงหล่น นำฟองน้ำขนาด 4 มิลลิเมตรที่เตรียมไว้มาเย็บติดกับผ้าไหมที่ตัดเตรียมไว้
จากนั้นนำผ้าดำมารองพื้นก่อนที่จะเย็บผ้าดิบที่บรรจุซองสมุนไพรติดกัน เหตุที่ใช้ผ้าดำเพื่อให้มองเห็นรอยสกปรกได้ยากขึ้น จากนั้นนำผ้ากุ๊นมาตกแต่งให้สวยงาม เวลานำไปใช้ด้านที่บรรจุสมุนไพรไว้จะหันออกไปทางหน้ารถ เมื่อสวมเข้ากับเข็มขัดนิรภัย ส่วนที่เป็นตีนตุ๊กแกก็จะอยู่ด้านในระหว่างคนขับกับสายเข็มขัด
“อายุการใช้งานความหอมจะอยู่นานกว่า 1 เดือน หากกลิ่นเจือจางสามารถซื้อน้ำมันหอมไปหยดเติมได้ ส่วนการทำความสะอาดก็เพียงแกะออกมาแล้วนำไปตากแดดเท่านั้น” ดารารัตน์กล่าว
ทั้งนี้ สถานที่ติดต่อ ดารารัตน์ ธเนศวาณิชย์ คือ 205/11 หมู่ 1 ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หรือที่จตุจักรพลาซ่า ฝั่งติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกำแพงเพชร โทร.0-2571-2589, 08-1935-9740 หรือที่อีเมล์ thai_d_best herbs@hotmail.com
อาชีพที่ผูกกับสมุนไพรที่หลายคนมองว่าเชย มองว่าตัน คงไม่จริงทั้งหมด หากรู้จักสังเกตตลาด เข้าใจลูกค้าและกลุ่มเป้าหมาย นำภูมิปัญญามาผสมผสานเข้ากับไอเดีย ตลาดสมุนไพรที่ว่าปราบเซียนก็อาจเป็นตลาดทำเงิน สร้างเงินสร้างงานได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างเช่นเจ้าของผลิตภัณฑ์รายนี้

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ :รายงาน / จเร รัตนราตรี: ภาพ
คู่มือลงทุน...เซฟตี้เบลท์สมุนไพร
ทุนเบื้องต้น 2.5 แสนบาท
ทุนวัตถุดิบ 55% จากราคาขาย
รายได้ 290-350 บาท / 2ชิ้น
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด กลุ่มสินค้าประดับยนต์
จุดน่าสนใจ มีจุดขายคือดีต่อสุขภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น