วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

Thai Go ฟาสต์ฟู้ด อาหารไทย...ในอเมริกา

Thai Go ฟาสต์ฟู้ด อาหารไทย...ในอเมริกา
ตามนโยบาย "ครัวไทยสู่ครัวโลก" ในส่วนของการสร้างโอกาสในการขยายตลาดนั้น ในรูปของร้านอาหารไทยในต่างแดน ที่ภาคเอกชนดำเนินการอยู่ในขณะนี้ มีด้วยกัน 2 แนวทาง คือ นักธุรกิจในประเทศไทย สร้าง แบรนด์ และพัฒนาจนเป็นโมเดลธุรกิจร้านอาหารไทย ที่เข้มแข็ง และขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ

และ อีกแนวทางหนึ่งก็คือ ผู้ประกอบการร้านอาหารไทยที่อยู่ต่างแดน มีศักยภาพและเห็นโอกาส ในการที่รัฐบาลให้การส่งเสริมและสนับสนุน จึงใช้โอกาสนี้เพื่อการต่อยอดธุรกิจ โดยใช้พื้นฐานและศักยภาพของตัวเองที่ชำนาญพื้นที่ รู้จักตลาด รู้ช่องทางเป็นทุน ต่อยอดธุรกิจ

"Thai Go" คือต้นแบบในแนวทางที่ 2 ที่ถูกพัฒนาและสร้างขึ้นโดยคนไทยที่เข้าไปตั้งหลักปักฐานที่อเมริกามานาน และมองเห็นลู่ทางในการทำธุรกิจร้านอาหารไทยในรูปแบบฟาสต์ฟู้ด

ปัญญา ทิพยโสติถิ ประธานกรรมการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและแฟรนไชส์ บริษัท ไทยฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ กล่าวว่า ผมต้องการสร้าง "Thai Go" ให้เป็นฟาสต์ฟู้ดร้านอาหารไทย กระจายไปทั่วประเทศอเมริกา ซึ่งมองว่ามีโอกาสทางการตลาดสูงมาก ซึ่งปัจจุบันทางบริษัทได้มีการลงทุนทำมา 2-3 ปีแล้ว ปัจจุบันมีอยู่ 9 สาขา และสามารถทำรายได้และกำไรเป็นที่น่าพอใจ จึงอยากที่จะฉกฉวยโอกาสนี้ขยายสาขาในรูปแบบของแฟรนไชส์

เพราะที่อเมริกา แฟรนไชส์ร้านอาหารไทยในรูปแบบฟาสต์ฟู้ดยังไม่มีใครทำ ถ้าเริ่มก่อน โอกาสก็มาถึงเราก่อน

" ในอเมริกา ร้านอาหารไทยส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบร้านมีที่นั่งตกแต่งในสไตล์ที่หรูหรา ซึ่งก็เป็นโอกาสที่ดีช่องทางหนึ่ง แต่ในรูปแบบของฟาสต์ฟู้ด ก็จะเป็นโอกาสที่ดีอีกช่องทางหนึ่งอีกเช่นกัน เพราะเราจะไปตั้งอยู่ในฟู้ดคอร์ตต่างๆ"

ซึ่งรูปลักษณ์จะเป็น เคาน์เตอร์ มีพื้นที่สำหรับทำครัวอยู่ด้านหลัง รูปแบบคล้ายๆ กับฟู้ดคอร์ตในบ้านเรา จะต่างก็ตรงที่ร้านใกล้เคียงเป็นร้านที่ขายอาหารนานาชาติ อาทิ จีน อเมริกัน ฯลฯ เรียกได้ว่าค่อนข้างหลากหลาย โดยมี "Thai Go" เป็นหนึ่งในทางเลือก

เรื่องของเมนูจะมีถึง 2 ทางเลือกไว้คอยบริการ คือ 1.อาหารจานด่วน ก็คือ ข้าวราดแกง ซึ่งจะมีอาหารให้เลือกประมาณ 8-9 อย่าง/วัน อาทิ แกงไก่ ผัดพริกขิง ไก่ทอดกระเทียมพริกไทย

ผัดผักรวม ฯลฯ ราคาต่อจาน ถ้าเป็นกับข้าว 1 อย่าง 4.95 เหรียญ, 2 อย่าง 5.95 เหรียญ แต่ถ้า 3 อย่าง 6.50 เหรียญ

ส่วนรูปแบบที่ 2. เมนูตามสั่ง ราคาจะแพงหน่อยประมาณ 6.50 เหรียญ และต้องรอประมาณ 5-10 นาที

ซึ่ง การเปิดให้บริการแบบนี้ ปัญญาอธิบายให้ฟังว่า ปัจจุบันเทรนด์การบริโภคของคนอเมริกันเริ่มเปลี่ยน คือนอกจากจะนิยมอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว ยังชอบที่จะรับประทานอาหารที่ปรุงสดๆ จากเดิมที่นิยมอาหารแช่แข็งเข้าไมโครเวฟ

ซึ่งจากที่ทำมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สำหรับอาหารไทยสไตล์ฟาสต์ฟู้ดมีการเติบโตที่ดี มียอดขายเฉลี่ยประมาณ 500,000-600,000 เหรียญ/ปี ถ้าอยู่ในโลเกชั่นที่ดีก็อาจทะลุ 800,000- 1,000,000 เหรียญ/ปี ตามยอดขายนี้หักต้นทุนทุกอย่างเหลือเป็นกำไรก่อนหักภาษีประมาณ 10-15%

การ พัฒนาระบบฟาสต์ฟู้ดร้านอาหารไทยขึ้นมา เหมือนเป็นการเรียนลัดในด้านการลงทุนร้านอาหารไทย เพราะเรามีการย่อส่วนในการลงทุน ย่อส่วนในเรื่องของการบริหารจัดการ เรื่องบุคลากร เชฟ พนักงานเสิร์ฟ ฯลฯ ทุกส่วน

ถ้าเราลงทุนร้านอาหาร ไทยในรูปแบบเป็นร้าน จะยากเพราะความใหญ่ความครบถ้วนก็จะแบบหนึ่ง แต่ถ้าเป็นฟาสต์ฟู้ดอาหารไทย โมเดลธุรกิจที่มีระบบการบริหารจัดการที่พร้อมแล้ว ความยากก็จะลดลง รวมถึงเม็ดเงินในการลงทุนด้วย

ซึ่งสำหรับเงินลงทุนฟาสต์ฟู้ด "THAI GO" อยู่ที่ประมาณ 250,000 เหรียญ ! คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 10 ล้านบาท

แยก เป็นค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ดังนี้ ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ 30,000, ค่าออกแบบและใบอนุญาต 10,000, ค่าก่อสร้างปรับปรุงร้าน 100,000, ค่าวัสดุอุปกรณ์ในครัว 50,000, ค่าระบบคอมพิวเตอร์และเครื่องเก็บเงิน 15,000, ค่าสินค้าคงคลัง 5,000, ค่าฝึกอบรมและโฆษณาก่อนเปิด 15,000, ค่ามัดจำการเช่าร้าน 1 เดือน 15,000 และเงินสดสำรอง 15,000 รวมเป็นเงินที่ต้องใช้ในการเปิดร้าน 250,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้แฟรนไชซีต้องจ่ายรอยัลตี้ฟี 5% ของยอดขายทุกเดือน

ปัญญา บอกว่า จากประสบการณ์ของทีมงานที่คลุกคลีอยู่ในธุรกิจร้านอาหารไทยในอเมริกามานาน เกือบ 20 ปี มองเห็นถึงโอกาสว่า อาหารไทยสามารถเติบโตได้อย่างดีในสหรัฐอเมริกา แต่ยอมรับว่า ทางบริษัทมีข้อจำกัดในเรื่องของเงินทุน จึงได้พัฒนาธุรกิจออกมาในรูปของแฟรนไชส์ เพื่อเปิดหาพันธมิตรที่มองเห็นโอกาสร่วมกัน

"ซึ่งไม่ได้จำกัดแต่นักลงทุนไทย แต่เปิดกว้างรองรับนักลงทุนชาวเอเชีย ยุโรป อเมริกา ที่สนใจอยากลงทุนอาหารไทยด้วย"

ปัญญาอธิบายต่อว่า และข้อดีสำหรับธุรกิจแฟรนไชส์นั้น ก็คือ การันตีความสำเร็จ !

ที่ กล่าวเช่นนี้ เพราะการทำธุรกิจแฟรนไชส์ในประเทศสหรัฐ อเมริกานั้น ต่างกับเมืองไทย เมืองไทยกฎหมาย กฎ กติกา อาจจะยังไม่เข้มงวด แต่ที่อเมริกา ทุกอย่างต้องพร้อมตรวจสอบได้ การจะทำระบบแฟรนไชส์ได้ต้องขออนุญาตก่อน ได้ใบอนุญาตถึงจะดำเนินการได้ ซึ่งกว่า "THAI GO" จะได้ใบอนุญาตก็ต้องผ่านการตรวจสอบในทุกๆ ด้านมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องระบบการบริหารจัดการ ความเป็นไปได้ของธุรกิจ เรื่องของการเงิน การบัญชี บุคลากร ฯลฯ ซึ่งถ้าไม่เฟิร์ม ไม่มีทางผ่าน

ฉะนั้นปัญหาที่จริงๆ เวลานี้ก็คือ ทุน !

" ที่ผ่านมา การทำธุรกิจร้านอาหารไทยร้านแรก ใช้เงินยืมจากพี่ เพื่อน ญาติ เงินลงทุนก้อนแรกประมาณ 50,000 เหรียญ จากร้านแรกก็ขยายร้านที่ 2 โดยใช้กำไรในการขยายธุรกิจ มีล้มลุกคลุกคลานบ้าง ใช้เงินหมุนจากบัตรเครดิตบ้าง เงินกู้จากสถาบันการเงินในอเมริกา แต่ก็ได้ไม่มาก....หลักใหญ่จึงเป็น เงินต่อเงิน และห้ามใช้เงินผิดประเภท เงินที่ขายอาหารได้ ต้องคิดอยู่เสมอว่า ไม่ใช่เงินของเราทั้งหมด

พอ รัฐบาลไทยเปิดตัวพร้อมสนับสนุน ล่าสุด ก็เลยหันมากู้แบงก์ไทย ซึ่งล่าสุด เอสเอ็มอีแบงก์ได้อนุมัติให้กู้ประมาณ 14 ล้าน นั่นก็เพียงพอสำหรับการลงทุน ประมาณ 1 สาขา ขณะที่โอกาสในการขยายสาขายังมีมากกว่านี้

เพราะฉะนั้นสำหรับนักลงทุน ที่สนใจ ลองศึกษารายละเอียดของธุรกิจนี้ "อย่าด่วนตัดสินใจ" ให้ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน และหากตัดสินใจแน่นอนแล้ว ตัดสินใจวันนี้ อีก 1 ปีหลังจากนั้น ถึงจะเห็นการลงทุนเป็นรูปเป็นร่างและเปิดขายได้ !

" โดยที่เรามั่นใจว่า THAI GO น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่สนใจธุรกิจอาหารได้เป็นอย่างดี" เจ้าของแฟรนไชส์ THAI GO กล่าวพร้อมกับบอกว่า แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่า ธุรกิจอาหารไทยเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีเงินอย่างเดียวไม่พอ ที่สำคัญเจ้าของเงินต้องรักในธุรกิจนี้ด้วย เพราะเป็นธุรกิจบริการ ที่ต้องอาศัยความอดทน และความเข้าใจ ในการหมั่นดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้ได้สินค้าอาหารที่ดี มีรสชาติคงเส้นคงวา และมีรสชาติอร่อย และสุดท้ายเป็นอาชีพที่เหนื่อยและหนักพอสมควร !

-ข้อมูลจาก www.sanook.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

บทความ ใหม่ล่าสุด

Superman (It's Not Easy)
















...............................................................................
I can't stand to fly
I'm not that naive
I'm just out to find
The better part of me

I'm more than a bird:I'm more than a plane
More than some pretty face beside a train
It's not easy to be me

Wish that I could cry
Fall upon my knees
Find a way to lie
About a home I'll never see

It may sound absurd:but don't be naive
Even Heroes have the right to bleed
I may be disturbed:but won't you conceed
Even Heroes have the right to dream
It's not easy to be me

Up, up and away:away from me
It's all right:You can all sleep sound tonight
I'm not crazy:or anything:

I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees

I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me

It's not easy to be me.


ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
ซบหน้าลงกับท่อนแขน
เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

วันๆเอาแต่เหาะไปมา
ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

สัญญากับตัวเองว่า

จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

**คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้