วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

แป้งปั้น

แป้งปั้น

เป็นของเล่นที่จัดเป็นสื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กอย่างหนึ่งโดยช่วยส่งเสริมทักษะการใช้มือส่งเสริมจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์แก่เด็กวัย1 ปีขึ้นไปมีจุดกำเนิดจากการนำส่วนผสมของอาหารได้แก่ แป้งทำขนมเกลือ และน้ำมันพืช มาผสมเข้าด้วยกันทำให้ได้วุตถุที่มีความนวลเนียนเหมาะแก่การนำมาปั้นเป็นสิ่งต่างๆและปลอดภัยในการนำมาให้เด็กเล่นซึ่งคนในประเทศทางซีกโลกตะวันตก(เป็นกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา) นำมาใช้เล่นกับเด็กมาช้านานแล้วในประเทศไทยเริ่มมีผู้นำแป้งปั้นมาใช้กับเด็กในโรงเรียนอนุบาลหลังจากศึกษาหลักสูตรตะวันตกเข้ามามีบทบาทในระบบการศึกษาไทยภายใต้ชื่อ “แป้งโด”ซึ่งยังไม่ได้นำมาใช้แพร่หลายนัก

วิธีเล่น

1. กรณีที่ต้องการฝึกความแข็งแรงของมือและนิ้ว ขยำแป้งปั้นให้เป็นก้อนขนาดพอที่เด็กจะกำได้ส่งให้เด็กถือเด็กจะเผลอบีบแป้งแล้วคลายออกทำเช่นนี้เป็นระยะจะช่วยให้มือแข็งแรงขึ้น

กรณีที่เด็กเริ่มจับของชิ้นแรกๆด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งได้ผู้ปกครองอาจปั้นแป้งเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อให้เด็กฝึกจับโดยใช้นิ้วดังกล่าวเพียงสองนิ้วหรือลองเล่นฉีกแป้งปั้นเป็นชิ้นเล็กๆให้เด็กดูเพื่อเด็กจะได้สังเกตและทดลองทำตามจะช่วยเพิ่มทักษะ
การใช้นิ้วของเด็กในการหยิบจับสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น

2. กรณีที่ต้องการเพิ่มพูนจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ผู้ใหญ่ เป็นบุคคลสำคัญในการเพิ่มพูนจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก

การเล่นที่ดี คือ นั่งเล่นอยู่กับเด็ก ทดลองปั้นแป้งเป็นรูปต่างๆพร้อมกับพูดไปเรื่อยๆ สมมติเป็นสิ่งต่างๆ เช่น “เอ…หนูอยากทานอะไรคะวันนี้ ทานข้าวไหม” ขณะพูดก็เด็ดแป้งปั้นให้เป็นชิ้นเล็กๆเป็นระยะวางใส่จาน สมมติเป็นวางข้าวในจานเป็นต้น

อาจนำอุปกรณ์อื่น เช่น ไม้นวดแป้ง ใบไม้ กิ่งไม้ ตัวพิมพ์ขนม มีดพลาสติค หรือ กรรไกรปราศจากคม เป็นต้น มาเล่นประกอบเพื่อช่วยเสริมเรื่องราวขณะเล่น

ขณะที่เด็กกำลังเล่นเพลิน และ ผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นนั้น อย่าสั่งให้เด็กหยุดทันที เพราะเด็กจะยังถอนตัวเองจากจินตนาการที่กำลังดำเนินอยู่ไม่ได้ ทำให้ไม่ยอมหยุดเล่น และดูเหมือนเด็กดื้อไม่ทำตามคำสั่ง วิธีที่ดี คือ การบอกเตือนด้วยการกำหนดเวลา เช่น “อีก 2 นาที หมดเวลาเล่นแป้งปั้นแล้วนะคะ” จากนั้น ทิ้งระยะเวลาสักพักจึงบอกเด็กว่า “หมดเวลาเล่นแป้งปั้นแล้วค่ะ” แล้วจึงเบี่ยงเบนให้เด็กไปทำกิจกรรมอื่น เป็นต้น วิธีดังกล่าวหากใช้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เด็กเข้าใจเรื่องของเวลา ช่วยให้เด็กเตรียมตัวถอนความสนุกจากจินตนาการที่กำลังดำเนินอยู่ขณะเล่น และหยุดเล่นได้เมื่อ ได้ยินคำว่า “หมดเวลา” แม้ว่าในครั้งแรกๆที่ได้ยินเด็กจะยังหยุดเล่นไม่ได้ในทันทีก็ตาม

สิ่งที่ควรคำนึงในการเล่นแป้งปํ้น

  • หลีกเลี่ยงการสั่งให้เด็กปั้นตามความคิดผู้ใหญ่ เพราะจะปิดปั้นโอกาสในการคิดค้นด้วยตนเองของเด็ก
  • อย่าเน้นการปั้นให้เหมือนจริงโดยเฉพาะกับเด็กวัยก่อน 4 ปี เพราะเด็กเล็กจะยังทำไม่ได้และเมื่อเด็กทำไม่ได้เหมือนแบบที่เห็น ต่อไปเด็กจะไม่ยอมทดลองปั้นเป็นแบบต่างๆที่ตนเองคิดขึ้น

    ผู้ใหญ่ใช้แป้งปั้นปันรักสู่เด็กได้โดย

    การนั่งเล่นกับเด็กโดยที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าไปเจ้ากี้เจ้าการกับเด็ก เปิดโอกาสให้เด็กเล่นด้วยตัวของเด็กเองในขณะที่ผู้ใหญ่อยู่ด้วย โดยผู้ใหญ่พยายามวางตนเป็นเพียงผู้กระตุ้นให้เด็กอยากเล่น อยากทดลอง อยากเรียนรู้ ผู้ใหญ่ต้องตระหนักว่าตนเองเป็นเพียงผู้แนะแนวทาง หรือ แนะวิธีการแก้ปัญหาขณะเล่นกับเด็กไม่ใช่เป็นผู้เล่นแทนเด็ก หรือ สอนให้เด็กเล่นตามที่ผู้ใหญ่คิดตลอดเวลา อย่าลืม..?คอยเสริมสร้างความมั่นใจแก่เด็กโดยให้คำชมและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก โดยชี้ชวนหรือชี้แนะให้เด็กได้เล่นหรือปั้นสิ่งที่แตกต่างไปจากที่เคยก็ถือว่าเป็นการปันรักสู่เด็กด้วยวิธีที่ไม่ยากนักวิธีหนึ่ง

    ส่วนผสมของแป้งปั้นสูตรสถาบันเด็ก

    แป้งปั้น ผลิตจากวัสดุประกอบอาหารทั้งสิ้น ได้แก่ แป้งทำขนม ครีมออฟทาทาร์ น้ำมันพืช สีผสมอาหาร วัตถุแต่งกลิ่นรสเลียนแบบธรรมชาติ ด้วยกรรมวิธีที่สะอาด ถูกอนามัย ไม่มีสารกันบูด ไม่เป็นอันตราย

    สีและกลิ่นของแป้งปั้น

    มีทั้งหมด 9 สี คือ

    1. สีแดง กลิ่นสละ

    2. สีเขีบว กลิ่นใบเตย

    3. สีน้ำเงิน กลิ่นมะนาว

    4. สีเหลือง กลิ่นกล้วย

    5. สีส้ม กลิ่นส้ม

    6. สีขาว กลิ่นมะลิ

    7. สีม่วง กลิ่นองุ่น

    8. สีฟ้า กลิ่นนมแมว

    9. สีชมพู กลิ่นสตอเบอรี่

    วิธีเก็บรักษา

    ควรเก็บแป้งปั้นใส่กล่อง และปิดฝาทันทีที่เล่นเสร็จ เพื่อช่วยให้สามารถเล่นต่อได้นานๆโดยทั่วไป แป้งปั้นที่ผลิตนี้จะสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 3 - 6 เดือน นับจากวันผลิต หากแป้งปั้นมีลักษณะแข็ง หรือเหลว ติดมือ ควรหยุดการนำมาใช้

    ขอขอบคุณบทความดีๆทางอาชีพ

    แหล่งที่มา : http://www.childthai.org/cia/a001141.htm

  • ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    บทความที่ได้รับความนิยม

    บทความ ใหม่ล่าสุด

    Superman (It's Not Easy)
















    ...............................................................................
    I can't stand to fly
    I'm not that naive
    I'm just out to find
    The better part of me

    I'm more than a bird:I'm more than a plane
    More than some pretty face beside a train
    It's not easy to be me

    Wish that I could cry
    Fall upon my knees
    Find a way to lie
    About a home I'll never see

    It may sound absurd:but don't be naive
    Even Heroes have the right to bleed
    I may be disturbed:but won't you conceed
    Even Heroes have the right to dream
    It's not easy to be me

    Up, up and away:away from me
    It's all right:You can all sleep sound tonight
    I'm not crazy:or anything:

    I can't stand to fly
    I'm not that naive
    Men weren't meant to ride
    With clouds between their knees

    I'm only a man in a silly red sheet
    Digging for kryptonite on this one way street
    Only a man in a funny red sheet
    Looking for special things inside of me

    It's not easy to be me.


    ฉันไม่ได้อยากจะเหาะไปเหาะมาทุกวัน
    ไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้น
    ฉันก็แค่อยู่เพื่อค้นหา
    ตัวตนที่ดีกว่าที่เป็นอยู่

    ฉันเป็นมากกว่านก ฉันเร็วกว่าเครื่องบิน
    เป็นมากกว่าหน้าตาหล่อๆ ที่คอยบินตามหยุดรถไฟ
    ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

    ฉันหวังจะได้ร้องไห้เสียบ้าง
    ซบหน้าลงกับท่อนแขน
    เฝ้าแต่โกหกแก้ตัว
    ถึงเรื่องบ้านเกิด ที่ไม่เคยแม้ได้เห็น

    อาจจะฟังดูเหลวไหล แต่โปรดอย่าหัวเราะ
    เพราะแม้จะเป็นซูเปอร์แมน แต่ก็เลือดไหลได้เหมือนกัน
    ฉันอาจจะพูดอะไรไม่ดีไปบ้าง แต่โปรดอย่าได้ถือสา
    กระทั่งเป็นซูเปอร์แมนก็มีความฝันกับเขาได้เหมือนกัน
    ไม่ง่ายเลยนะที่จะเป็นตัวฉันเอง

    บินบินไปบนฟ้า หนีไปจากตัวเอง
    ไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณๆก็ยังคงหลับฝันดีได้
    ฉันไม่ใช่คนบ้านะ

    วันๆเอาแต่เหาะไปมา
    ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ
    ผู้ชายน่ะไม่ได้เกิดมา
    เพื่อบินเล่นบนก้อนเมฆหรอกนะ

    ฉันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ในผ้าคลุมสีแดงตลกๆ
    ขุดหาคริปโตไนท์บนถนนเส้นเดิม
    ก็แค่ผู้ชายธรรมดาในชุดสีแดงงี่เง่าๆ
    มองหาบางสิ่งพิเศษให้กับตัวเอง

    ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นซูเปอร์แมน

    The Key (เดอะ คีย์) หนังสือจากสำนักพิมพ์ ต้นไม้

    เรียกได้ว่าเป็นหนังสือภาคต่อของหนังสือ เดอะซีเคร็ต ถ้าคุณเป็นหนอนหนังสือตัวจริง ผมว่าคุณคงจะรู้จักหนังสือเหล่านี้ดี ครั้งแรกที่ผมอ่านหนังสือ เดอะซีเคร็ตนั้น ผมยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ กฎของแรงดึงดูดที่ว่า ใครมีความคิดเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้น ไม่ว่าเราประสบความสำเร็จหรือกำลังล้มเหลวในชีวิต ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความคิดของเราเอง ผมคงไม่สามารถบรรณยาย ประโยชน์ของหนังสือเล่มนี้ออกมาได้หมดสิ้น แต่ด้วยความปราถนาดีจากผมจริงๆที่ต้องการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผุ้อื่นบ้าง

    ปฏิญญาณของผู้มองแง่ดี

    สัญญากับตัวเองว่า

    จะเข้มแข็งเสียจนไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนความสงบสุขทางใจของคุณได้
    จะพูดถึง สุขภาพดี ความสุข และความรุ่งเรือง แก่ทุคคนที่คุณพบ
    จะทำให้เพื่อนทั้งหมดของคุรรู้สึกว่ามีบางสิ่งดีๆในตัวพวกเขา
    จะมองที่ด้านสว่างของทุกสิ่งและทำให้การมองแง่ดีของคุณกลายเป็นความจริง
    จะคิดแต่เรื่องที่ดีที่สุด ทำงานให้แก่คนดี ให้แก่สิ่งดีที่สุด และคาดหวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
    จะมีความกระตือรือร้นเกี่ยวกับความสำเร็จของผู้อื่นมากเท่ากับของคุณเอง
    จะลืมความผิดพลาดในอดีตและเพียรพยายามไปสู่การบรรลุความสำเร็จของอนาคตที่ยิ่งใหญ่ขึ้น
    จะดำรงใบหน้าอันร่าเริงตลอดเวลาและทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่คุณพบยิ้ม
    จะให้เวลาแก่การปรับปรุงพัฒนาตัวเองมากเสียจนกระทั่งคุณไม่มีเวลาที่จะวิจารณ์คนอื่นๆ
    จะเป็นคนที่ใหญ่กว่าความกังวล สง่างามกว่าความโกรธ แข็งแกร่งกว่าความกลัวและมีความสุขเกินกว่าที่จะอนุญาตให้มีความยุ่งยาก
    จะคิดแก่ตัวเองและอ้างสิทธิ์ข้อเท็จจริงแก่โลก ไม่ใช่ด้วยคำพูดดังแต่ด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่
    จะใช้ชีวิตโดยศัทธาว่าโลกทั้งใบอยู่ข้างคุณตราบนานเท่าที่คุณยังเที่ยงตรง ต่อสิ่งที่ดีที่สุดที่อยู่ในตัวคุณ

    หมายเหตุ จาก ปฏิญญาของผู้มองแง่ดี ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1912 หนังสือของ คริสเตียน ดี ลาร์สัน ชื่อ Your Forces and How to Use Them ฉบับย่อของมันใช้กันทุกวันนี้ โดย Optimist Interna tional ซึ่งเป็นกลุ่มคนทั่วโลกที่มุ่งไปที่การทำให้ความแตกต่าง ที่เป็นบวกเกิดขึ้นในโลก

    **คัดมาจากหนังสือ เดอะคีย์ จากสำนักพิมพ์ ต้นไม้